ถ้าพูดกันตามสถิติแล้ว เราใช้เวลาไปกับการเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงนอนมากกว่า 1 ใน 3 หรือประมาณ 30% ของเวลาที่มีทั้งหมดทั้งชีวิต ทั้งนอนหลับ นอนเล่น หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่เกิดขึ้นบนเตียง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลคือต้นตอของเหงื่อ 99 ลิตรที่ร่างกายของเราผลิตขึ้นมาและซึมอยู่ในผ้าปูที่นอน แน่นอนว่าถ้าไม่ได้รับการทำความสะอาดแบบสม่ำเสมอ เตียงของเราก็คือบ้านของเชื้อโรคและเชื้อราสารพัดชนิดดีๆ แห่งหนึ่งนี่เอง
อ้างอิงจากนักจุลชีววิทยา ฟิลิป เทียร์โน่ จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ค เขาบอกว่ารอยยับบนผ้าปูที่นอนและหมอนคือแหล่งสะสมพวกแบคทีเรียและเชื้อราที่อุดมสมบูรณ์มากๆ มีงานวิจัยที่ศึกษาเรื่องนี้จากการเก็บตัวอย่างหมอนที่มีอายุการใช้งานระหว่าง 1.5 ถึง 20 ปี ผลทดสอบพบว่ามีเชื้อราระหว่าง 4 ถึง 17 สายพันธุ์แทรกตัวอยู่ตามขนนกและใยสังเคราะห์ที่เป็นไส้ของหมอน และนี่ยังไม่รวมถึงสิ่งปนเปื้อนที่ตรวจพบจากผ้าปูที่นอนในกลุ่มตัวอย่าง อย่างเช่น เศษดิน เส้นผม หนังศีรษะ สะเก็ดผิวหนังขอทั้งคนและสัตว์ คราบน้ำลาย ฝุ่น เห็บ เศษอาหาร และอื่นๆ อีกมากมาย
ฟิลิปบอกว่าทุกอย่างที่หมักหมมอยู่บนเตียงทำให้เกิดอาการคอแห้งตอนตื่นนอนและอาการคล้ายๆ กับโรคภูมิแพ้ ทั้งไอและจาม และถ้าปล่อยให้สภาพแวดล้อมในห้องนอนสกปรกอยู่อย่างนี้ในระยะยาวอาจจะเป็นสาเหตุของโรคผิวหนัง หอบหืด และอาจหนักไปถึงโรคระบบทางเดินหายใจแบบเรื้อรัง
ทางที่ดี ฟิลิปแนะนำว่าควรซักผ้าปูที่นอนทุกสัปดาห์ “เชื้อโรคและสิ่งปฏิกูลทั้งหมดจะรวมตัวกันถึงจุดพีคที่สุดช่วง 1-2 อาทิตย์ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรทำให้เป็นกิจวัตรเลยคือการทำความสะอาดผ้าปูที่นอนอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์”
รู้แล้วรีบเปลี่ยน กลับไปสำรวจผ้าปูที่นอนของคุณดูซิว่าครั้งสุดท้ายที่ได้ซักคือตอนไหน?
อ้างอิง
http://www.businessinsider.com/how-often-you-should-wash-your-bed-sheets-germs-2015-10
http://www.sciencealert.com/microbiologist-explains-frequency-washing-bed-sheets
