โคโค ชาแนล หนึ่งในแฟชั่นไอคอนและดีไซเนอร์หญิงที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลกอาจเป็นที่จดจำในฐานะผู้ปฎิวัติวงการแฟชั่น เธอปลดปล่อยผู้หญิงออกจากการสวมใส่เครื่องรัดทรง (corset) มาสู่แฟชั่นสวมง่ายใส่สบาย และยังฝากชื่อให้เป็นที่จดจำผ่านกลิ่นหอมที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก - Chanel No.5
ชาแนลมีจุดเริ่มต้นไม่สวยนัก เธอเกิดในครอบครัวยากจนและเริ่มต้นจากการเป็นเมียเก็บของบรรดาผู้ดีที่สอนให้ชาแนลรู้จักชีวิตในวงสังคมชั้นสูง แถมยังช่วยออกทุนให้เธอสามารถสร้างชื่อในวงการแฟชั่นและยืนหยัดเป็นเจ้าของกิจการได้ด้วยตัวเอง
ในช่วงปี 1920s ชื่อเสียงของโคโค ชาแนล ดีไซเนอร์สาวชาวฝรั่งเศสเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เธอขยายกิจการผลิตสินค้าใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นหมวก เสื้อผ้า เครื่องประดับ รวมไปถึงน้ำหอม Chanel No.5 ที่ได้ฤกษ์เปิดตัวเมื่อปี 1921 กลายเป็นหนึ่งในสินค้าที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดกาลและทำรายได้มากมายมหาศาล
ชาแนลซื้อหาสินทรัพย์มากมายในช่วงที่เธอรุ่งโรจน์ถึงขีดสุด หนึ่งในนั้นคือแมนชั่นสุดหรูในสก็อตแลนด์ขนาด 700 เอเคอร์ 22 ห้อง ชาแนลใช้บ้านหลังนี้เป็นที่พักในฤดูร้อน ระหว่างปี 1923-1929 เธอจัดปาร์ตี้สุดหรู เชิญแขกผู้มีเกียรติมากมาย และใช้เวลาไปกับการชื่นชมธรรมชาติในบรรยากาศชนบทของสก็อตแลนด์
ว่ากันว่าชาแนลไม่ถูกใจการตกแต่งภายในที่มากับตัวอาคาร เธอตกแต่งแมนชั่นใหม่ด้วยผ้าและวอลเปเปอร์นำเข้าที่ชวนให้นึกถึงบ้านพักของชาแนลในฝรั่งเศส บรรดารายชื่อแขกที่ชาแนลเคยเชิญมาพักที่แมนชั่น มีทั้งวินสตัน เชอร์ชิล - นายกรัฐมนตรีและรัฐบุรุษแห่งสหราชอาณาจักร และ ฮิวจ์ กรอสเวเนอร์ ดยุกที่ 2 แห่งเวสต์มินสเตอร์ หนึ่งในคนรักที่มั่งคั่งที่สุดของชาแนล
ฮิวจ์ กรอสเวเนอร์ เกิดในตระกูลสูง เขาเติบโตมาในแบบสุภาพบุรุษยุควิกตอเรียนทุกระเบียดนิ้ว นอกจากจะเป็นเจ้าของสินทรัพย์มหาศาลในอังกฤษ ฮิวจ์ยังเลี้ยงดูชู้รักมากมาย เขาถูกบรรยายว่า “ชอบใช้เวลากับการล่าสัตว์ รักสุนัข และมักเซอร์ไพรส์บรรดาชู้รักด้วยการซ่อนเครื่องเพชรล้ำค่าไว้ใต้หมอน” หนึ่งในไอเดียสุดสร้างสรรค์ที่ดยุกแห่งเวสต์มินสเตอร์เคยทำเพื่อเซอร์ไพรส์ชาแนล ยกตัวอย่างเช่น ส่งลังผักกาดโดยซ่อนมรกตเม็ดใหญ่ไว้ข้างใน หรือปลอมตัวเป็นเด็กส่งของ นำดอกไม้ช่อใหญ่ไปส่งให้ชาแนลถึงบ้าน ชาแนลกับดยุกแห่งเวสต์มินสเตอร์ มีความสัมพันธ์กันราว 10 ปี คือตั้งแต่ปี 1925-1935 แมนชั่นหรูของชาแนลในสก็อตแลนด์เป็นหนึ่งในรังรักที่ทั้งสองนัดพบกันในช่วงหลายปี
วินสตัน เชอร์ชิล กล่าวถึงการมาเยือนบ้านหลังนี้ของชาแนลเมื่อเดือนพฤษภาคม 1927 ในจดหมายที่เขาส่งถึงภรรยาว่า “มันเป็นบ้านที่น่าพอใจมาก ตั้งอยู่ในหุบเขาไฮแลนด์ เต็มไปด้วยปลาแซลมอน ปลาเทราท์ และนกปากซ่อม อากาศที่นี่ดีมาก มันค่อนข้างแตกต่างจากในอังกฤษ เมื่อวานชาแนลตกปลาได้สามตัว”
การตกปลาดูจะเป็นงานถนัดของชาแนล เชอร์ชิลเขียนถึงภรรยาอีกครั้งในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน “ชาแนลตกปลาตั้งแต่เช้าจรดเย็น เธอจับปลาแซลมอนไปได้ 50 ตัว ในเวลาสองเดือน”
แม้ชาแนลจะมาสก๊อตแลนด์เป็นประจำ แต่เธอก็จำต้องทิ้งร้างแมนชั่นหลังนี้เป็นเวลาหลายปีเนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 (1939-1945) เชื่อกันว่าเธออาจกลับมาที่นี่ครั้งสุดท้ายในช่วงปี 1950s ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บ้านเริ่มถูกทิ้งร้างอย่างเป็นทางการ Rosehall Estate อาจเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างเพียงไม่กี่หลังที่ยังคงรูปแบบการตกแต่งภายในตามแบบฉบับของชาแนลไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา
หลังถูกปิดตายมาร่วม 70 ปี แมต นาดีน นักสำรวจและ YouTuber ก็ได้แอบเข้าไปในตัวบ้าน และนำภาพจากบ้านที่ถูกหยุดเวลาไว้ ออกมาให้ผู้ชมทั่วโลกได้ตื่นเต้นกัน
“ผมอยากเข้าไปสำรวจบ้านนี้มานานแล้ว และแอบเข้าไปในวันที่ฝนตกเพราะมีโอกาสถูกจับน้อยกว่า” เขากล่าว
“ผมพบขวดเบียร์ ถังไวน์และเหล้าเชอร์รี่ที่ห้องหนึ่ง น่าสนใจที่จะจินตนาการว่าใครกันเป็นคนดื่มเครื่องดื่มพวกนี้เป็นคนสุดท้าย”
“บางห้องอยู่ในสภาพแย่มาก หน้าต่างบางบานน่าจะมีความสูงถึง 15 ฟุต แต่อยู่ในสภาพเสียหายหนักจากความชื้น กำแพงเต็มไปด้วยรอยร้าว ผมยังพบของจากยุคก่อนอย่างเตาผิงทำจากเหล็กที่ดูสวยงามมาก” แมตพบตุ๊กตาหมีจำนวนมาก รองเท้า และหนังสือที่ถูกทิ้งไว้ภายในบ้าน
“หลายคนถามว่าผมจะเข้ามาทำไม? ผมแค่อยากให้ทุกคนมีโอกาสเห็นสิ่งที่หลงเหลืออยู่ภายใน เพราะสักวันหนึ่งที่นี่อาจจะถูกทำลายและสูญหายไปตลอดกาล”
แมนชั่นของชาแนลปัจจุบันอยู่ใต้การดูแลของ Safe Heritage บริษัทอสังหาริมทรัพย์เจ้าใหญ่ มีข่าวว่าแมนชั่นหลังนี้ได้ถูกซื้อต่อไปในราคา 3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 120 ล้านบาท) เราไม่ทราบชื่อของผู้ซื้อ แต่มีข่าวลือว่าเจ้าของใหม่มีไอเดียจะเปลี่ยนแมนชั่นของชาแนลให้เป็นโรงแรมหรูในอนาคต
.
ติดตามบทความของเพจพื้นที่ให้เล่า ได้บน LINE TODAY ทุกวันเสาร์
.
อ้างอิง