โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

สิ่งที่นึกขึ้นได้เมื่อทำงานมาแล้ว 10 ปี (ฉบับมนุษย์เงินเดือน) - เพจบันทึกนึกขึ้นได้

TOP PICK TODAY

เผยแพร่ 16 ก.ค. 2563 เวลา 17.00 น. • เพจบันทึกนึกขึ้นได้

1. ทำงานกับคนที่ทำให้เราเก่งขึ้น

อันที่จริงเราก็เลือกไม่ค่อยได้หรอกว่าเราจะไปเจอใครที่ทำให้เราเก่งขึ้น

เพราะส่วนหนึ่งก็คือบริษัทเป็นคนเลือกเรามา

แต่พอเราได้เข้ามาทำงานแล้ว คนแรกที่เราควรสังเกตแล้วก็พัฒนาตัวตามก็คือ 

“เจ้านาย”

เราจะเก่งขึ้นมั้ย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราคนเดียว เพราะฉะนั้น เจ้านาย ถือเป็นครูคนแรกๆ

ในการทำงานของเราที่จะกำหนดทิศทางว่า ต่อไป เราจะเก่งขึ้นรึเปล่า

ถ้าได้เจ้านายที่เก่งน้อย เราอาจจะเก่งช้า

แต่ถ้าได้เจ้านายที่มากด้วยประสบการณ์ เขาก็จะดึงความสามารถของเราออกมาได้เร็วขึ้น

แล้วก็ไม่ใช่แค่เจ้านายของเราคนเดียว

ลองสังเกตเจ้านายแผนกอื่นๆ ผู้บริหาร  ที่เขาทำงานกันเก่งๆ

รวมถึงเพื่อนร่วมงาน เราสามารถเรียนรู้ได้จากทุกคน ถ้าจะนับกันจริงๆ

 

2. ภาษาที่2 หรือ3 เป็นเรื่องสำคัญ

ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนทำได้

แล้วก็ไม่ได้เครื่องมือการันตีกว่าคุณจะประสบความสำเร็จ

 

แต่มันเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะทำให้คุณเดินไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น

 

เป็นไปได้ยากมากที่เราจะทำงานโดยที่ไม่ต้องใช้ภาษาที่สองหรือสามเลย

ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง ภาษาจะย้อนกลับมาหาเรา

 

หลายครั้งที่ผมเห็นคนเก่งๆ พลาดโอกาส เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้

หลายที่มองว่า ภาษาอังกฤษ คือภาษาพื้นฐานที่ต้องได้กันอยู่แล้ว

จึงมองว่า ภาษาที่สาม เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้เราไปไวกว่า

 

ตอนที่ผมไปทำงานที่ประเทศจีน เคยเจอเซลล์คนหนึ่งที่ทำงานด้วยกัน

อายุยี่สิบกว่าๆ พูดได้ทั้งจีน(ภาษาแม่) อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมถึงภาษาไทย

ได้อย่างคล่องแคล่ว

 

ถึงกลับต้องหันมามองตัวเองเลยว่า

ที่บอกว่ายังพูดบางภาษาไม่ได้

เพราะว่าไม่ไหวจริงๆ

หรือยังไม่ได้เริ่มที่จะตั้งใจเลย

 

3. ได้ภาษาแล้ว อย่าลืมพัฒนาทักษะการสื่อสาร

 

พูดเก่งไม่กลัว กลัวพูดไม่รู้เรื่อง

 

หลายคนพูดแล้วไม่สามารถจับประเด็นออกมาได้

บางครั้งเราไม่ได้ตอบในสิ่งที่เขากำลังถาม

พูดเอง งงเอง ฉะนั้นเวลานำเสนอผลงาน

มันเลยเป็นปัญหาที่เราไม่สามารถสื่อสารในสิ่งที่เราคิดออกไปได้

 

หลายคนเก่งมาก

แต่ทำงานด้วยแล้วไม่สนุก

เพราะสื่อสารความรู้ ความเก่งออกมาไม่ได้

 

ไม่มีใครผิด เพราะเรื่องแบบนี้เราต้องมาดูแลตัวเอง

เพราะใครๆ ก็อยากมีผลงานที่ดี

 

เพราะฉะนั้นก็ต้องฝึกที่จะรายงานสิ่งที่ทำ

พัฒนาทักษะด้านนี้ของตัวเองให้ดีขึ้น

 

นึกภาพง่ายๆ เวลาเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่ ของค่ายดังๆ

คนที่ออกมานำเสนอนั้น คือคนสำคัญมากๆ

ถือว่าเป็นภาพลักษณ์ของบริษัท

 

คนจะเชื่อว่า“ของ” สิ่งนั้นสมควรจ่ายเงินซื้อมั้ย

ขึ้นอยู่กับการนำเสนอของเขาทั้งหมด

 

การทำงานก็เช่นกัน

 

คนจะเชื่อว่าเราทำงานได้ดีมั้ย

ไม่ได้ขึ้นอยู่กับชั่วโมงโอทีที่เพิ่มขึ้น

แต่มันอยู่ที่ว่า เราได้แสดงออกให้เขาเห็นผลงานที่แท้จริงของเราไหม

ถ้ามีโอกาสได้นำเสนอสิ่งนั้น ผมแนะนำให้คุณจัดให้เต็มที่

จะได้คุ้มค่ากับน้ำพักน้ำแรงที่เราลงมือไป

 

4. เป็นมิตรกับทุกคน รวมถึงแม่บ้านในแผนกคุณด้วย

 

เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กๆ น้อย ๆที่ผมสังเกตมาตลอด

ผมเชื่อนะว่า เราเป็นมิตรกับทุกคนไม่ได้

แต่ผมก็เชื่ออีกนั่นแหละว่า มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย

ที่จะมีศัตรูที่ต้องเจอหน้ากันตลอด8-10 ชั่วโมงต่อวัน

 

นั่นหมายความว่า35% ของชีวิตเราจะต้องคอยหวาดระแวง

และคำเรื่องที่ทำให้Productive ในการทำงานของเราลดลง

 

พักความรู้สึกส่วนตัวไว้

แล้วเอาเป้าหมายขององค์กรเป็นที่ตั้ง

 

การบริหารคนเป็นเรื่องยาก แต่เราหันมาบริหารความคิดตัวเองได้

 

ถ้าทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องทำใจ

ช่างมันไปบ้างบางเรื่อง

แต่ต้องทำงานให้เสร็จ และออกมาดี

ไม่ชอบกันไม่เป็นไร แต่ต้องไปด้วยกัน

 

ที่บอกว่าควรเป็นมิตรกับแม่บ้าน หรือพี่รปภ.ด้วย

เพราะผมสังเกตว่า หลายคนผู้จาดีกับคนที่อยู่เหนือกว่า

แต่กับคนที่อยู่ระดับลงมา น้ำเสียงและกิริยาคือการโขกสับ

 

ใครๆ ก็อยากให้คนปฏิบัติกับเราดีๆ

 

ถ้าเราอยากให้ใครให้เกียรติเรา

เราก็ควรให้เกียรติเขา ไม่ว่าเขาจะอยู่ในฐานะอะไร

 

ทำทุกอย่างให้เหมือนกับที่เราอยากให้คนอื่นทำกับเรา

 

5. จด วางแผน และวัดผลกับทุกอย่างที่ทำ รวมทั้งเรื่องส่วนตัวของเราด้วย

 

ตั้งแต่ผมทำงานมาวันแรก จนถึงวันนี้

สิ่งที่ผมได้ แล้วก็ยังใช้มันอยู่ คือทักษะในการนับถอยหลัง

 

เอาง่าย ๆเวลาเราจะทำอะไรสักอย่าง

บริษัทจะวางเป้าหมายไว้ข้างหน้า

สิ่งที่เราต้องทำคือการนับถอยหลัง

ว่ากว่าจะไปถึงตรงนั้นได้ เราต้องวางแผนอะไรบ้าง

แล้วก็วัดผลบ่อยๆ ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน

 

จริงๆ ทุกที่เขาก็ทำแบบนี้กันนั่นแหละ

แต่ที่ผมสนใจคือการเอากลับมาใช้กับเรื่องของตัวเอง

 

ว่าถ้าเราวางเป้าหมายในชีวิตไว้ตรงนั้น

อีก5 ปี10 ปีข้างหน้า

ในทุกๆ วันที่กำลังจะผ่านไป เราได้วางแผน หรือได้วัดผลมันบ้างหรือเปล่า

หรืออยู่ไปวันๆ ทำงานให้หมดวัน หมดปีไปเรื่อยๆ

 

ความสำเร็จมันเสกไม่ได้ แล้วมันก็ไม่เคยเดินเข้าหาคนที่ไม่พร้อม

 

ผมเลยคิดว่า ถ้าเราหมั่นดูแลเป้าหมายของชีวิตตัวเอง

เราจะมีความคืบหน้าเหมือนทุกครั้งที่เรารายงานในที่ประชุม

ว่าผลงานเดือนนี้ได้ตามเป้าหมาย

แบบที่ไม่ต้องให้ใครมาคอยตำหนิ

 

6. พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

 

อย่าให้10 ปีที่ผ่านมาเป็นเพียงการเอาทักษะเพียง1 ปีมาทำซ้ำๆ กัน

 

ผมเกริ่นไปตั้งแต่ข้อแรกๆ แล้วเกี่ยวกับการพัฒนาตัวเอง

เพราะผมเชื่อว่า การทำงานคือการพัฒนาศักยภาพ

ไม่ว่าจะเป็นการคิด การแก้ปัญหา รวมถึงการเติบโตและมีทัศนคติที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น

 

ถ้าไม่ได้เก่งขึ้น ก็อย่าเรียกร้องเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น

มองในมุมคนถือเงิน

บริษัทคาดหวังให้พนักงานเก่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลประกอบการ

ทำไมบริษัทต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้น เพื่อได้ผลลัพธ์ที่เท่าเดิม

 

 

ผมเลยบอกกับตัวเองว่า เราไม่ต้องเก่งขึ้นมากก็ได้

แต่เราต้องเก่งขึ้นกว่าเมื่อวาน

สังเกตว่าเรามีตรรกะที่ดีขึ้นไหม พยายามหาความรู้

พัฒนาทักษะที่Computer หรือAI ยังไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้

 

เพราะถ้าวันใดวันหนึ่งมันทำได้

วันนั้นก็ไม่ต้องมีเราอีกต่อไป

7. ให้เวลากับบริษัทแล้ว อย่าลืมให้เวลากับตัวเองและครอบครัวด้วย

 

ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าสุขภาพที่ดีเลย

ยิ่งทำงานนานขึ้น เราจะเริ่มเห็นคนรอบๆ ทยอยป่วย และตายไปทีละคน

ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน ครอบครัวของพวกเขา รวมทั้งครอบครัวตัวเองด้วย

 

เราทุ่มเทกับงานอย่างเต็มที่

เรารู้ว่าเป้าหมายในชีวิตของเราคืออะไร

แต่อย่าลืมว่า บางทีตรงนั้นไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต

 

กลับมากินข้าวกับแม่บ้าง

มีเวลาให้คนรัก หาเวลาไปออกกำลังกาย

 

ในวันที่เราป่วย บริษัทมีสวัสดิการให้

ในวันที่เราตาย บริษัทก็มีพวงหรีด และสวัสดิการที่ที่ตกลงกันไว้

 

แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าเราไม่ได้อยู่ตรงนั้นเพื่อใช้มัน

และคนที่อยู่ข้างหลัง จะไม่มีเราอีกต่อไปในชีวิตนี้

 

อย่าลืมที่จะพักผ่อน

อย่าลืมที่จะทำให้ชีวิตของเรามันพอดี

มีชีวิตการทำงานที่โอเค และมีชีวิตหลังเลิกงานที่มีความสุข

 

สองอย่างนี้ไปด้วยกันได้นะ

เพราะผมลองมันมาแล้วตั้งสิบปี

ติดตามบทความใหม่ ๆ จาก เพจบันทึกนึกขึ้นได้ ได้บน LINE TODAY ทุกวันศุกร์

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0