โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

สบตากับความตาย - ศุ บุญเลี้ยง

TOP PICK TODAY

เผยแพร่ 04 มี.ค. 2563 เวลา 03.35 น. • ศุ บุญเลี้ยง

เคยมีคุณหมอโทรมาที่สำนักงาน 

ลูกน้องเขียนขึ้นบนกระดานไว้ว่า

ผลเลือดไม่ค่อยดี ให้ไปพบหมอด่วน

ผมขับรถไปยังจุดหมายปลายทางซึ่งเขียนไว้บนกระดาน

 

นี่ชีวิตเรา…มาถึงจุดนี้ได้ยังไง ถ้าผลเลือดออกมาผิดปกติ เป็นโรคร้ายแรง เราจะทำยังไงกับชีวิตที่เหลือ เราจะทำยังไงให้ดีที่สุด และเราจะเผชิญความตายอย่างไรจึงจะสง่างามสมศักดิ์ศรี

ระหว่างขับรถไปสองชั่วโมง ก็คิดตริตรองไปตลอดทาง วันนั้นรถติดไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอีกต่อไป เมื่อเทียบกับปัญหาที่กำลังครุ่นคิดต่อชีวิต

เรื่องไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเราจะมีชีวิตอยู่อย่างไรในเวลาอันจำกัด

ต้องจัดลำดับความสำคัญให้ดีๆ

ใจคอไม่ค่อยดี แต่ก็นับว่ายังดีที่สามารถประคับประคองตัวเอง ให้ขับรถไปจนถึงจุดนัดหมายได้ตามเวลา แม้ใจจะเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ ไปตลอดทาง 

พอพบหน้าหมอยิ้มร่า บอกอยากเจอเลยโทรหา แล้วก็แกล้งล้อเรื่องผลเลือด ไม่คิดว่าจะเชื่อ เพราะผมไม่ได้ไปตรวจเลือดกับหมอท่านนี้ซักกะหน่อย

จริงด้วย…แสดงว่าภาวะนั้นสติมีอาการวิตกจนขาดปัญญา นั่นเป็นการทดลองซึ่งผมได้ตระหนักรู้ต่อชีวิตได้ดีทีเดียว

 

ถ้ามาช้ากว่านี้อีกนิดเดียวอาจจะเสียชีวิต

นี่ก็เป็นอีกคำพูดยอดนิยมจากคุณหมอที่โรงพยาบาล 

ซึ่งจะว่าไปผมก็ไม่ค่อยจะเชื่อหรอกนะ เพราะได้ยินบ่อยจนเป็นคำสามัญประจำโรงหมอ

รู้อยู่ว่าชีวิตมีความเสี่ยง การพบแพทย์เป็นเรื่องสำคัญ การรักษาที่ถูกวิธี การปฐมพยาบาลเป็นสิ่งควรรู้จักหลักการ

แต่ความตายก็มักจะมีเงื่อนไข เงื่อนงำแปลกๆ อันเราควบคุมไม่ค่อยจะได้

ต่อให้ไปทันหมอก็มีหลายรายที่ไม่รอด หรือซ้ำร้ายอาจตายเพราะไปเจอหมอ คืออยู่บ้านอาจจะไม่ถึงตายก็ได้ 

อีกบางคนแทนที่จะได้ตายสบายๆที่บ้านกลับต้องไปทรมานในโรงพยาบาล 

เท่าที่ถามๆ มาทุกคนมักจะบอกว่า ถ้าเป็นวาระสุดท้ายของชีวิต ก็ไม่คิดจะรักษา ไม่คิดจะยื้อยุด

แต่ปัญหายากที่สุด คือ

เราไม่รู้ว่าอาการที่เกิดกับญาติเราหรือตัวเรานั้นเป็นอาการอันเรียกว่าระยะสุดท้ายหรือยัง

ถ้ารู้แน่ว่าระยะสุดท้าย คงตัดสินใจไม่ยาก แต่ถ้าเราไม่มั่นใจว่ามันใช่หรือไม่ล่ะ

บางทีหากเกิดรักษาถูกวิธีแล้วหาย มันอาจจะยังไม่ใช่วาระสุดท้ายก็ได้ 

หลายคนเลยต้องสู้กันต่อไป ไม่เกรงใจเงินทองของหายาก แต่ก็พอหาใหม่ได้  ไม่เหมือนชีวิตที่ไม่รู้จะได้กลับคืนมาอีกหรือไม่

ชาติหน้าเป็นเช่นไรก็ไม่รู้แน่

คนที่ค้นพบอาการแล้วรู้ล่วงหน้า ได้รับรู้ว่าวาระสุดท้ายเหลืออยู่มากน้อยแค่ไหน จะว่าไปก็มีข้อดีตรงจะได้เตรียมตัว เตรียมใจ จัดการภาระอันคั่งค้าง ในกรณีที่ทำใจได้ 

แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ มันคงไม่ใช่เรื่องทำใจกันได้ง่ายๆ

จึงมีคำแนะนำว่า…เราควรต้องตริตรองเรื่องเหล่านี้บ้าง

ว่างๆ ก็หยิบเอาสมุดมาเขียนว่า หากล้มป่วยอยากให้รักษาแบบไหน แค่ไหน

อยากจัดงานศพตัวเองเช่นไร

วาระสุดท้ายอยากให้เปิดเพลงอะไร หรือบทสวดไหน ก็แล้วแต่ใจเราจะสั่งเสีย ทำเสียตั้งแต่อารมณ์ดีๆ ยังมีสติ 

ถ้าไม่จำเป็นก็อย่ามัวเสียเวลาจัดงานวันเกิด ให้อัตตาเติบโตเลย งดๆ ลดลงได้ก็ดี ไม่ต้องฉลองให้เปลืองเค้ก ไม่ต้องเป่าเทียนให้แค่ดับไป วันเกิดอาจไปช่วยเหลือคนที่ลำบากหรือศพไร้ญาติก็ย่อมได้

เวลาไปงานศพ ไปนั่งปลง ไปฟังเทศน์ ไปเห็นชีวิตที่สิ้นลม ตามๆ กันไป

ความฝันสุดท้ายของชีวิตใครๆ ย่อมอยากตายอย่างสงบ แบบไม่ต้องพยายามยื้อยุด ถ้าหัวใจมันอยากหยุดก็ให้มันหยุด อย่าไปปั๊มให้มันเหนื่อย

ระหว่างนี้ก็อยากจะทำหนังสืองานศพตัวเองเก็บไว้ล่วงหน้า

เพราะว่าเป็นคนชอบอ่านหนังสืองานศพ

เลยคิดว่า ถ้าได้อ่านหนังสืองานศพตัวเองด้วยน่าจะดี

ก็ต้องพยายามรวบรวมทำให้เสร็จก่อนตาย 

ตรวจดูปรับปรุงให้พอใจ ตายเมื่อไหร่ไม่ต้องเขียนเพิ่ม ไม่ต้องจัดงานให้มากเรื่องมากราว จัดง่ายๆ เสร็จไวๆ

ถ้าฝังก็ดี  ฝังในที่ดินริมทะเลได้ก็ดียิ่ง

เผาเสียดายไฟ อากาศเป็นมลพิษด้วย

สั่งๆ ไว้ เตือนสติตนไปเรื่อยๆ เขาจะทำตามหรือไม่ ก็สุดแต่ใจของคนที่ยังอยู่ 

ตายแล้วก็คงไม่รู้เรื่องรู้ราว

 

แต่ถ้าถึงตอนใกล้ตาย แล้วมีคนพยายามจะมายื้อชีวิต 

อันนี้ขอบอกไว้ก่อนว่า

ใครยื้อกูแช่ง

 


ติดตามบทความใหม่ ๆ จากศุ บุญเลี้ยง ได้ทุกวันพุธ บน LINE TODAY และหากสามารถอ่านบทความอื่นได้ที่เพจศุ บุญเลี้ยง

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0