กรณีเจ้าหน้าที่ตรวจพบมีอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ขึ้นบินอยู่บริเวณพื้นที่ถวายดอกไม้จันทน์ มณฑลพิธีพระเมรุมาศจำลอง ศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวานนี้ (26 ต.ค.) ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจพบผู้บังคับและเจ้าของ โดยเบื้องต้นแจ้งว่าเพิ่งซื้อโดรนมาใหม่ และลองขึ้นบินโดยไม่ทราบว่าห้ามโดรนขึ้นบินในบริเวณพระราชพิธีฯ โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบการได้รับอนุญาตจาก กสทช. ซึ่งผู้ต้องหาได้ใช้หลักทรัพย์ประกันตัวออกไปในวงเงิน 7 หมื่นบาท
อ่านข่าวต้นฉบับ: โดนหลายข้อหา..หนุ่มใหญ่นครสวรรค์บินโดรนเหนือมณฑลพิธีถวายดอกไม้จันทน์
กรณีนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการตรวจพบการบังคับโดรนผิดกฎหมายในลักษณะนี้ ทำให้หลายคนลงความเห็นว่าควรทำให้เป็นตัวอย่าง เนื่องจากที่ผ่านมาภาครัฐได้มีการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องถึงการห้ามบินโดรนเหนือพระราชพิธีฯ อย่างเด็ดขาด ซึ่งเป็นเรื่องที่ทั้งผิดกฎหมายและเป็นการกระทำที่ไม่สมควร ดังนั้นเมื่อพบว่ามีผู้ฝ่าฝืน และให้การเบื้องต้นว่า “ไม่ทราบว่าห้ามบิน” จึงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำของผู้บังคับโดรนเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยออกมาเน้นย้ำประชาชนให้ปฏิบัติตามประกาศห้ามใช้โดรนบริเวณพระบรมมหาราชวัง-สนามหลวง และในรัศมี 19 กิโลเมตร ถึง 29 ตุลาคม 2560 รวมทั้งบริเวณเขตห้าม เขตจำกัด และเขตอันตราย เว้นแต่โดรนที่ปฏิบัติหน้าที่ในการถ่ายภาพมุมสูงของคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีฯ ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนผู้ที่ครอบครองโดรน จะต้องไปดำเนินการขึ้นทะเบียนทั้ง 2 ประเภท คือ 1.ขึ้นทะเบียนผู้ครอบครองโดรน 2 .ขึ้นทะเบียนผู้บังคับโดรน ได้ที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ถึงจะอนุญาตให้ขึ้นบินได้อย่างถูกต้อง โดยขึ้นทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 9 มกราคม 2561 หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ