โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

นิลโลหิต Rapper สายปั่น ที่ปลดปล่อยอารมณ์ผ่านการแร็ป

LINE TODAY

เผยแพร่ 26 ก.ย 2561 เวลา 12.30 น. • Expinion.J

     โตขึ้นอยากเป็นอะไร?ตอนเด็กๆหลายคนคงเคยได้ยินคำถามนี้ ตอนนั้นคุณตอบไปว่าอะไร มันเป็นคำตอบของคุณจริงๆ หรือเป็นคำตอบที่ สังคม คนรอบข้างอยากให้คุณตอบแบบนั้น วันนี้เราจะมาคุยกับ เกม หรือ นิลโลหิต Rapper สายปั่น มาดกวน จากเวที Rap IS NOW จะมาเล่าถึงชีวิตวัยเด็กที่กล้าเลือกเดินตามทางที่ตัวเองเชื่อมั่น และเส้นทางการ Rap ที่ทำให้เขาได้ระบายความจริงและพิสูจน์ตัวเองในแบบที่เขาเป็น

ให้นิยาม ว่า นิลโลหิตเป็นคนยังไง?  

เป็นคนร้ายที่รักเธอ ผ่าม! (หัวเราะ) ก็เป็นในแบบของผมเหมือนกับแบบที่พวกคุณเป็น แบบของผมคือสิ่งที่ผมชอบ สิ่งที่ผมทำแล้วมีความสุข แบบที่ไม่ทำร้ายใคร น่าจะเป็นความหมายของตัวผมจริงๆ 

Rap ในความหมายของนิลโลหิต แปลว่าอะไร?

คำว่า Rap จริงๆเกมมองว่ามันเป็นการระบาย การพูดความรู้สึกจริงๆออกมา แค่คำว่าระบายความจริงก็น่าจะครอบคลุมความหมายของมันแล้ว  

แล้วปกติเราเป็นคนชอบระบายเกี่ยวกับเรื่องอะไร?

หลายเรื่องครับ ทั้งเรื่องที่พูดได้แล้วก็พูดไม่ได้ (หัวเราะ) เรื่องที่พูดได้ก็เช่นเรื่อง ชีวิตในแต่ละวัน เจอเรื่องนั้นเรื่องนี้ บางทีเจอเรื่องนี้แล้วหงุดหงิด หรือ บางเรื่อง ตลกดีก็เอามาเล่าสู่กันฟัง ส่วนเรื่องที่พูดไม่ได้ก็.. คุณก็รู้กันอยู่(หัวเราะ)  

เริ่มรู้สึกว่าเรามีแนวทางที่เป็นตัวของตัวเอง ตั้งแต่เมื่อไหร่? 

จำไม่ได้ครับว่าตั้งแต่ตอนไหน แต่ตั้งแต่จำความได้เราก็รู้สึกแล้วว่าอะไรที่เราเหมือนใครเราจะรู้สึกไม่ดี 

แล้วที่เรารู้สึกไม่ดีแล้วเราทำยังไง? 

ก็เปลี่ยนครับ ถ้าเราทำแล้วมันไปเหมือนใครแล้วเรารู้สึกว่าเราไม่ชอบ เราก็เปลี่ยนไปทำอีกแบบหนึ่งที่เรารู้สึกว่าเราแฮปปี้กว่า หรือถ้าในมุมหนึ่งผมชอบมันอยู่แล้ว ถึงว่ามันจะเหมือนใคร แต่ผมก็ยังยืนยันว่าผมชอบ แล้วผมก็จะทำต่อครับ สุดท้ายแล้ว “ผมว่าเวลาเป็นตัวกำหนดมากกว่าครับว่าเราจะจริงจังกับสิ่งที่เราชอบตรงนั้นมากแค่ไหน”  

ครอบครัวโอเคมั้ยกับการที่เราเลือกเดินในทางที่เราชอบ? 

ก็ไม่ได้สนับสนุนร้อยเปอร์เซ็นต์ตั้งแต่แรก สุดท้ายเราก็พิสูจน์ให้เค้าเห็น ว่าเราสามารถใช้สิ่งนี้เอามาเลี้ยงดูตัวเองได้ แบ่งเบาภาระให้ครอบครัวได้ ซึ่งตอนนี้ทางบ้านก็ยอมรับแล้วครับ  

วัยเด็กเราเป็นเด็กแบบไหน? 

เป็นตุ๊ด แฮร่! (หัวเราะ) ตอนเด็กก็เรียกว่าเป็นเด็กอ่อนแอก็ได้ ชอบโดนเพื่อนแกล้ง เพราะว่าตัวเล็กกว่าชาวบ้านเค้า ด้วยความที่ตัวเล็กกว่าชาวบ้านก็มีความเป็นหัวโจกในระดับหนึ่ง ก็จะชอบรวมกลุ่มเพื่อน กลุ่มแก็งค์ไปทำโน่นทำนี่กัน ไปเต้น b boy ไปเล่นการ์ดกัน 

แล้วตอนเราโดนแกล้งเราทำยังไง?

 มันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เรารู้สึกว่า โดนแกล้งแล้ว เราต้องปกป้องตัวเอง แล้วก็มีอีกช่วงหนึ่งที่รู้สึกว่า การโดนแกล้งมันก็เป็นแค่อุปสรรคชีวิตในแต่ละวันที่ผมผ่านมันไปได้ ปล่อยวาง มีแค่ 2 วิธีในการแก้ปัญหาตรงนี้    

เราปกป้องตัวเองยังไง?

ตอนนั้นจำได้ว่าจากเด็กเรียบร้อยนิ่งๆ กลายเป็นเด็กก้าวร้าว เก็บความรู้สึก เก็บกด เก็บอารมณ์แล้วก็เวลามีอะไรที เราปลดปล่อยแบบรุนแรง หลังจากนั้นต่อมาผมก็เลยหันกลับไปมองตัวเองว่า การใช้อารมณ์หรือความรุนแรงในการปกป้องตัวเอง ผมว่าเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยโอเค คนเรามันมีความฉลาดมากกว่านั้นที่จะหาวิธีมาปกป้องตัวเอง ก็เลยเป็นยุคต่อมาที่เรา รู้จักการปล่อยวางมากขึ้น 

ตอนเด็กเป็นเด็กตั้งใจเรียน หรือ เด็กกิจกรรม? 

เคยเป็นเด็กตั้งใจเรียนครับ จนกระทั่งมาทำกิจกรรมความตั้งใจเรียนก็เลยลดลง (หัวเราะ) แต่ก็ไม่ได้ทิ้งการเรียน ก็ถูไถจนจบได้  

สมัยเด็กๆเคยโดนพ่อแม่ถามไหมว่า “โตขึ้นอยากเป็นอะไร?” 

เรารู้สึกอย่างไร จริงๆก็โดนมาตลอด แต่ผมก็ตอบไปตลอดว่าผมชอบอะไรในเชิง อาร์ต เชิงศิลปิน อะไรที่ไม่ใช่วิชาการ  

เขาเคยบอกไหมว่าเราเอาไปใช้อะไรไม่ได้?

เค้าก็บอกว่า งานพวกนี้ใช้หากินยาก มันก็ไม่จีรังในทุกๆงาน แต่สุดท้ายผมก็ลองเดินตามสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สบายใจมาโดยตลอด จนเค้าบอกว่าขอแค่นี้จนเรียนจบ แล้วอยากทำอะไรก็ทำ ผมก็เลยเรียนสายที่พ่อแม่แฮปปี้มาจนจบ แล้วพอจบผมค่อยมาทำสิ่งที่ตัวเองชอบอย่างเต็มที่ ซึ่งสุดท้ายเราก็ทำให้เค้าเห็นว่า อาร์ตที่เราทำมันก็สามารถเลี้ยงดูชีวิตเราได้เหมือนกัน  

แล้วสังคมรอบข้างที่โรงเรียน กดดันไหม?

 ผมไม่ทราบว่ารอบข้างจะกดดันไหม ผมมองแค่ว่าสิ่งที่ผมทำตอนนี้ ผมมีความสุขกับมัน คือแรงกดดันรอบข้างมันจะมีผลกับเราหรือเปล่า เกมมองแค่ว่า เราจะเก็บมันมาใส่ใจหรือเปล่าแค่นั้นครับ แต่เกมเลือกที่จะไม่เก็บมันมาใส่ใจ เกมเลยมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองทำตอนนี้  

อะไรที่ทำให้เราตัดสินใจที่จะเดินตามทางของตัวเอง?

เกมไม่รู้ว่าเกมตัดสินใจได้ตอนไหน แต่สิ่งที่เกมทำมันทำให้เกมจ่ายค่าเทอมจนเรียนจบได้ 

แล้วสมัยนั้นเราทำอะไรบ้าง?

ก็แร็ฟ ทำดนตรี แนวhiphop แล้วก็มีรับงานนอก  

เล่าตอนเข้าวงการให้ฟังหน่อย ว่ามาเริ่มทำอาชีพนี้ได้ยังไง?

เกมเคยเกลียด hiphop มาก่อน คือตอนเด็กๆจำได้ว่าเกลียดฮิปฮ็อปเพราะมันเป็นภาษาหยาบคาย มันเป็นเรื่องของความรุนแรง ความเถื่อน อาจจะเป็นด้วยภาพลักษณ์ของ hiphop สมัยนั้นที่คนทั่วไปยังยอมรับไม่ได้ด้วยมั้งครับ ผมก็เลยเหมือนโดนเเรงกดดันสังคมนั่นแหละ ว่า เฮ้ยคนนอกเค้ามองไม่ดี เราก็มองไม่ดีเหมือนกับเค้า ทั้งที่จริงๆแล้วเราก็เเค่คิดไปตามสังคม เกมเค้ามาวงการสมัยตอนอายุ 14 ตอนนั้นพี่สาวพาเค้ามาเหมือนกับมาลองแต่งตัวเล่นๆ แต่ตอนนั้นผมเริ่มสนใจการเต้น b boy พอได้มาศึกษาจริงๆมันไม่ใช่แค่เรื่องของดนตรีเหมือนมันเป็นเรื่องของวัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ หลายๆอย่าง คือ hiphop มันไม่ใช่แค่ดนตรี มันมากมายกว่านั้นจริงๆ จนได้เข้ามาแร็ฟช่วงแรกก็ไม่ได้เป็นที่ยอมรับเท่าไหร่ จนสุดท้ายเราทำมันมาเรื่อยๆ การยอมรับมันไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่า เราเก่งแค่ไหน แต่มันขึ้นอยู่กับว่า เราสามารถทำให้คนที่อยู่รอบข้างเรามองว่าสิ่งที่เราทำมันโอเคแค่ไหนมากกว่า  

ตอนเด็กๆที่มักจะได้ยินคำถามว่า "โตขึ้นอยากเป็นอะไร" เรารู้สึกว่าเหมือน เป็นการตีกรอบให้เด็กรู้คำตอบเลยหรือเปล่า ทั้งๆที่เขาแทบยังไม่เคยลองออกไปทำอะไรเลย?

เกมก็มองในสองแง่ คือ ถ้ามองในมุมหนึ่ง ว่ามันเป็นกรอบจำกัดก็จริงที่อาจจะตีกรอบความคิดให้เด็กว่ามันมีแค่นี้ แต่ถามว่าจริงๆแล้วมันใช่หรือเปล่ามันก็อาจจะไม่ใช่ แต่ถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง อย่าเรียกมันว่ากรอบดีกว่า เรียกว่ามันอาจจะเป็นแนวทางหนึ่งที่เป็นคำแนะนำให้พวกเค้า ให้พวกเค้าไปลองดู ซึ่งถ้าเค้าลองแล้วเค้าชอบ เค้าก็สำเร็จในส่วนของเค้า แต่ถ้าเค้าไม่ชอบแล้วเค้าต้องอยู่กับมันตลอดไปหรือเปล่า อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวเด็กแล้วครับว่า เด็กคนนี้กล้าพอที่จะเป็นตัวเองมากแค่ไหน  

มีอะไรอยากจะพูดกับเด็กที่ยังไม่กล้าพอไหม?

คุณไม่ต้องทำอะไรเพื่อให้คนอื่นยอมรับ คุณแค่เป็นตัวเอง มีความสุขกับสิ่งที่คุณชอบ สิ่งที่คุณทำโดยที่มันไม่ไปทำร้ายใครก็พอ แค่นี้ครับ  

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0