โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ตื่นเช้าหน่อยคนน้อยกว่า..แก้ไขได้ที่ผู้ใช้บริการเท่านั้นเหรอ? - จุดประเด็น

LINE TODAY

เผยแพร่ 05 ก.ย 2562 เวลา 07.40 น. • Expinion.J

ไม่นานมานี้รถไฟฟ้าบีทีเอสผุดแคมเปญ #ตื่นเช้าหน่อยคนน้อยกว่า มาแก้ปัญหาผู้โดยสารหนาแน่นในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่กลับโดยกระแสตีกลับจากคนกรุง และ ชาวเน็ตว่าแคมเปญนี้ฟังดูแล้วเหมือนเป็นการผลักภาระให้ผู้โดยสารอยู่หรือเปล่า?

โดยแคมเปญโฆษณาดังกล่าว เปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างในการขึ้นรถไฟฟ้าในแต่ละช่วงเวลา ถ้าขึ้นในช่วงเวลา 7 โมงจะพบว่ามีปริมาณผู้โดยสารหนาแน่น ซึ่งต่างจากช่วง 6 โมงเช้า หากขึ้นในเวลานี้จะมีผู้โดยสารน้อยกว่า และสะดวกกว่าอย่างเห็นได้ชัด แค่ลองปรับเปลี่ยนเวลาใช้บริการ 

แต่ทั้งแคมเปญดังกล่าวกลับโดนตีกลับอย่างดุเดือนจนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ชาวเน็ตได้เข้าไปวิพากย์วิจารณ์และตั้งคำถามว่า ปัญหาความหนาแน่นของผู้โดยสาร ต้องแก้ไขที่ผู้ใช้บริการเท่านั้นเหรอ ? หรือ ถ้าบางคนที่เดินทางมาจากแอร์พอร์ตลิงค์ แต่ก่อนตื่นตี 5 ตอนนี้ต้องตื่น ตี 4 เหรอ? 

ทำให้หลายคนมองว่าช่างเป็นแนวคิดที่ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย ชาวเน็ตบางคนถึงกับผุดแฮลเท็กขึ้นมาเสียดสีแคมเปญดังกล่าวอย่าง “เลิกงานเร็วหน่อย คนน้อยกว่า” หรือ “กลับดึกหน่อย คนน้อยกว่า” บ้างก็บอกให้ลองไปศึกษาโมเดลของรถไฟฟ้าในต่างประเทศดู อย่างประเทศญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อว่ารถไฟฟ้ามีผู้โดยสารขึ้นหนาแน่นมาก ว่าเขามีการจัดระเบียบอย่างไร

พอลองได้ไปดูแล้ว รถไฟฟ้าญี่ปุ่นก็เคยมีการผุดไอเดียที่คล้ายๆกัน แต่มีสิ่งจูงใจให้คนตื่นเช้ามากกว่า อย่างแคมเปญ “แจกคูปองกินโซบะและเทมปุระฟรี!! ที่ร้านโซบะ Metro An ของบริษัทที่อยู่ตามสถานีต่างๆ เพื่อให้คนตื่นเช้าขึ้น และลดความหนาแน่นบนรถไฟฟ้าในชั่วโมงเร่งด่วน”

โตเกียวได้เริ่มทดลองโครงการนี้มาตั้งแต่เดือน มกราคม โดยให้ผู้โดยสารที่เดินทางรถไฟใต้ดินสาย Tozai Line ที่ขึ้นชื่อว่ามีคนเดินทางหนาแน่นที่สุดสายหนึ่ง ไปลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ และ ลงทะเบียนบัตรรถไฟฟ้าของตัวเองไว้แล้ว ซึ่งเดินทางระหว่างสถานีโตโย -คัทซูทาไดในชิบะ และมงเซนนากะโช ทางตะวันออกของโตเกียว จะได้รับคูปองกินโซบะและเทมปุระ หากเสียบบัตรเข้าประตูรถไฟฟ้าก่อนเวลาที่แต่ละสถานีกำหนด ติดต่อกันเป็นเวลา 10 วัน 

แต่! การจะได้รับคูปองนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่ผ่านเข้าออกสถานีก่อนช่วงเวลาที่กำหนดด้วย (เหมือนเป็นการเชิญชวนให้ร่วมแรงร่วมใจกันตื่นเช้าขึ้น ถ้าอยากได้บัตรคูปองอาหาร ) เพราะหากมีคนเข้าร่วม 3,000 คน คุณก็จะได้คูปองที่แลกได้ทั้งโซบะและเทมปุระ ถ้าสมัคร 2,500 คน ก็จะได้ โซบะ 1 ถ้วย และถ้ามี 2,000 คน คุณก็จะได้แค่ เทมปุระ 1 ชิ้น แต่ถ้าน้อยกว่านี้ก็ไม่ได้คูปองเลย

อีกหนึ่งแคมเปญที่รัฐบาลญี่ปุ่นผลักดันให้บริษัทต่างๆทำ เรียกว่า แคมเปญ Jisa Biz คือการให้บริษัทต่างๆสามารถกำหนดเวลาทำงาน หรือเวลา เข้า-ออกงานใหม่ได้เอง เพื่อเป็นการลดความหนาแน่นของผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วน โดยผลสำรวจจากบอกว่า กว่า 95% ของคนทำงานในโตเกียวและโอซาก้า บอกวว่า เวลาที่ใช้ในการเดินทางไปทำงานร่วมชั่วโมง โดยรถไฟ ยิ่งในสภาพที่แออัดมาก ทำให้เกิด ความเครียดสูง

ทั้งนี้มีหลายบริษัทใหญ่ในญี่ปุ่นที่เข้าร่วมแคมเปญนี้ อย่าง Unilever ทางผู้อำนวยการได้กล่าวว่า "การที่บริษัทได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเพราะเชื่อว่า การเดินทางที่สะดวกสบายมากขึ้น จะนำมาสู่การทำงานที่ดีขึ้น แต่ก่อนหน้าที่บริษัทยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน พนักงานต้องเข้าไปอัดแน่นในรถไฟทุกวัน แล้วก็มาต่อแถวรอลิฟท์อีก เราคิดว่าเรื่องพวกนี้ไม่จำเป็นเลย”

เราเชื่อว่าระบบคมนาคมขนส่งที่ดี จะส่งผลดีต่อสังคมเป็นวงกว้าง ทั้งคุณภาพชีวิตของผู้คนดีขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการต่างๆ ลดการใช้รถยนตร์ส่วนตัวที่ทำให้เกิดปัญหารถติด และปล่อยก๊าซที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน ระบบขนส่งสาธารณะจึงเป็นเรื่องที่ควรถูกให้ความสำคัญ และแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

แล้วคุณล่ะ คิดเห็นอย่างไร?

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0