ดูดวง

เรื่องหลอน ๆ ในวัง ... หลอนขนาดที่ขนาดพระเจ้าเสือยังกลัว

พ.พาทินี
เผยแพร่ 19 เม.ย. 2561 เวลา 04.56 น.

เรื่องหลอน ๆ ในวัง … หลอนขนาดที่ขนาดพระเจ้าเสือยังกลัว

ละครเรื่องบุพเพสันนิวาสนี้ถือว่าเป็นวาระแห่งชาติเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าไม่ดูคงจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง พ.พาทินี เองก็เป็นหนึ่งในออเจ้า เอ๊ย !! แฟนละครเหมือนกัน ซึ่งจากที่เราดู ๆ กันละครเรื่องบุพเพสันนิวาสจบลงตรงที่สมเด็จพระเพทราชาปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์บ้านพลูหลวง และได้แต่งตั้งออกหลวงสรศักดิ์เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ซึ่งเป็นตำแหน่งพระมหาอุปราชที่จะได้เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ต่อไป เรื่องราวต่อจากนั้นก็แลดูเหมือนจะสงบเหมือนทะเลที่ไร้คลื่นลม แต่ความสงบที่แท้จริงนั้นหามีไม่ 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ถ้าใครที่ดูเรื่องบุพเพสันนิวาสจะทราบว่า กรมพระราชวังบวรฯ (หรือพระเจ้าเสือในกาลต่อมา) เป็นพระโอรสลับของสมเด็จพระนารายณ์ ไม่ใช่พระโอรสแท้ ๆ ของสมเด็จพระเพทราชา ซึ่งต่อมาสมเด็จพระเพทราชาก็ได้มีพระโอรสซึ่งเป็นพระโอรสแท้ ๆ ที่ประสูติในเศวตฉัตร แถมตอนที่พระโอรสองค์นี้ประสูติก็เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่ว นั้นเป็นสัญญาณว่าผู้มีผู้บุญมาเกิดแล้ว ซึ่งพระโอรสมีพระนามว่าเจ้าพระขวัญ ซึ่งการกำเนิดเกิดมาของเจ้าพระขวัญทำให้กรมพระราชวังบวรฯต้องวิตกกังวล

เมื่อเจ้าพระขวัญเจริญพระพรรษาก็เริ่มมีผู้คนนับถือมากขึ้นเรื่อย ๆ อันเนื่องมาจากพระองค์เป็นพระราชภาติยะ (หลาน) ในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แถมตอนที่สมเด็จพระเพทราชาประชวรหนักก็มีข่าวลือแพร่สะพัดออกไปทั่วว่าเจ้าพระขวัญจะได้ครองราชสมบัติต่อจากพระเพทราชา จึงทำให้กรมพระราชวังบวรฯต้องตัดไฟเสียแต่ต้นล้มเพื่อให้ให้เป็นภัยต่อราชสมบัติของพระองค์

และแล้ววันชี้ชะตาก็มาถึงเมื่อกรมพระราชวังบวรฯมีรับสั่งให้มหาดเล็กเชิญเสด็จเจ้าพระขวัญให้มาเข้าเฝ้าเพื่อให้เจ้าพระขวัญทรงม้าเทศให้พระองค์ทอดพระเนตร เมื่อมหาดเล็กเข้าเฝ้าขณะนั้นเจ้าพระขวัญกำลังเสวยผลอุลิตหวาน (แตงโม) และยังเหลืออีกครึ่งซีก เจ้าพระขวัญจึงวางไว้เพื่อจะกลับมาเสวยต่อ แต่หารู้ไม่ว่าการเดินทางครั้งนี้จะเป็นการเดินทางไกลที่ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เมื่อเจ้าพระขวัญเสด็จถึงพระตำหนักหนองหวาย พวกข้าราชบริพารก็โดนกีดกันไม่ให้ตามเสด็จ เจ้าพระขวัญจึงต้องเข้าเฝ้ากรมพระราชวังบวรฯเพียงลำพัง และแล้วก็เป็นไปตามคาดเมื่อเจ้าพระขวัญเสด็จเข้าไปถึงตำหนักที่ปิดหน้าต่างและประตูจนมืดทึบก็ถูกควบคุมตัว และถูกสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทร์ทันที จากนั้นพระศพก็ถูกบรรจุใส่ถุงและนำไปฝังที่วัดโคกพระยา

พระตำหนักหนองหวาย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ตำนานเฮี้ยนได้เริ่มต้นตั้งแต่บัดนี้ …

ทันทีเมื่อสิ้นพระชนม์วิญญาณของเจ้าพระขวัญก็ไปปรากฏที่ตำหนักของกรมหลวงโยธาทิพซึ่งเป็นพระราชมารดาทันที ซึ่งในขณะนั้นกรมหลวงโยธาทิพกำลังบรรทมแบบกึ่งหลับกึ่งตื่น อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเจ้าพระขวัญทูลขอพระราชทานผลอุลิตหวานที่เหลืออยู่มาเสวย พระราชมารดาจึงตกพระทัยและรู้ทันทีว่าเป็นลางไม่ดี …

ความเฮี้ยนของวิญญาณเจ้าพระขวัญยังปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเฉพาะข้าราชบริพารที่เดินผ่านตำหนักหนองหวายมักจะได้ยินเสียงเด็กร้องไห้บ้าง เสียงคนวิ่งอยู่บนพระตำหนักบ้าง บางคนโดนหนัก ๆ ถึงขั้นโดนสะกิดและมีเสียงถามหาผลอุลิตหวานที่เสวยเหลืออีกครึ่งซีก ซึ่งไม่แปลกที่วิญญาณของเจ้าพระขวัญจะเฮี้ยนขนาดนี้เพราะตายด้วยสาเหตุผิดธรรมชาติ (ตายโหง)

เหตุการณ์อันน่าสะพรึงนี้ทำให้ข้าราชบริพารไม่กล้าเดินผ่านหรือแม้แต่จะมองไปที่พระตำหนักหนองหวาย ขนาดกรมพระราชวังบวรฯยังเคยได้ยินเสียงคนขี่ม้าอยู่ใกล้ ๆ ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้มีรับสั่งรื้อถอนพระตำหนักหนองหวายไปถวายสมเด็จพระสังฆราช (แตงโม) วัดใหญ่สุวรรณาราม และมีการเอาขวานจามที่ประตูตำหนักในลักษณะย้อนขึ้นด้านบนเพื่อเป็นการแก้อาถรรพณ์และสะกดวิญญาณ

สมเด็จพระสังฆราช (แตงโม)

เหตุการณ์ชวนขนหัวลุกของชาววังจึงสงบลงนับตั้งแต่นั้นมา …

ปัจจุบันนี้รอยขวานจามที่บานประตูเพื่อสะกดวิญญาณเจ้าพระขวัญนี้ยังอยู่ หากใครอยากดูสามารถไปดูให้เห็นกับตาได้ที่ศาลาการเปรียญ วัดใหญ่สุวรรณาราม จังหวัดเพชรบุรี 

รอยขวานจามที่บานประตู

พ.พาทินี