ทั่วไป

ยกระดับไซบูทรามีน เป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ฝ่าฝืนเจอโทษหนัก!

MThai.com - News
เผยแพร่ 22 ก.ย 2561 เวลา 09.29 น.
23 ก.ย. 2561 ยกระดับไซบูทรามีนเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ฝ่าฝืนโทษหนัก! จำคุกสูงสุดถึง 20 ปี และปรับถึง 2 ล้านบาท

23 ก.ย. 2561 ยกระดับไซบูทรามีนเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ฝ่าฝืนโทษหนัก! จำคุกสูงสุดถึง 20 ปี และปรับถึง 2 ล้านบาท

นพ.พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่จำหน่ายในท้องตลาดเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมามักพบว่ามีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่โฆษณาอวดอ้างลดน้ำหนัก มีการใส่ไซบูทรามีน ซึ่งทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงต่อผู้บริโภคบางรายถึงขั้นเสียชีวิต

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

โดยไซบูทรามีน (Sibutramine) ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางทำให้รู้สึกไม่อยากอาหารและส่งผลข้างเคียงกับคนที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดต่าง ๆ ในปี 2553 ประเทศในยุโรปจึงประกาศยกเลิกไม่ให้ใช้ยานี้ รวมทั้งในประเทศไทยได้มีการเรียกเก็บยาที่มีสารไซบูทรามีนออกจากท้องตลาดและยกเลิกทะเบียนยาไซบูทรามีน

อย่างไรก็ตาม ปัญหาการลักลอบใส่ไซบูทรามีนในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารก็ยังคงพบอยู่ ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ออกประกาศฯ กำหนดให้ไซบูทรามีนเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2561 เป็นต้นไป

ผู้ใดผลิตนำเข้าหรือส่งออกผลิตภัณฑ์ที่มีไซบูทรามีนเป็นส่วนผสมจะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 5 – 20 ปี และปรับตั้งแต่ 5 แสนบาท – 2 ล้านบาท ผู้ใดขายจะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 4 – 20 ปี และปรับตั้งแต่ 4 แสนบาท – 2 ล้านบาท ผู้ใดครอบครองจะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 -5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาท – 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมไปถึงผู้ที่บริโภคผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ก็ถือว่าเป็นความผิดด้วย โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

นพ.พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ รองเลขาธิการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่สามารถลดความอ้วนได้ หากมีการโฆษณาว่าสามารถช่วยรักษาโรค ลดความอ้วนหรือมีผลในทางยา ขอให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจมีส่วนผสมของยา ซึ่งผู้ใช้อาจได้รับผลข้างเคียงจากยานั้น จนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต

ากผู้บริโภคต้องการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและควบคุมอาหาร รวมทั้งออกกำลังกายอย่างเหมาะสม หากผู้บริโภคต้องการใช้ยาลดความอ้วนจะต้องใช้ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น ไม่ควรหาซื้อยามารับประทานเอง เพราะอาจส่งผลกระทบกับสุขภาพและชีวิต การใช้ยาลดความอ้วนไม่สามารถทำให้หายจากโรคอ้วนได้ เมื่อหยุดยาไประยะหนึ่งแล้วจะทำให้น้ำหนักกลับมาเพิ่มมากยิ่งขึ้น หรือที่เรียกว่า YO – YO Effect

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 8
  • ✍︎ Panya $.
    เพิ่งตื่น อีกหน่วยงาน ตามล้อมคอกตลอด เค้าขายกันมานานแล้ว ล้อมคอกคือความถนัดของราชการไทย เดินตามหลังปัญหาตลอด
    22 ก.ย 2561 เวลา 14.29 น.
  • Tosapol
    หญิงไทยทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ตนเองผอม .....ยกเว้นการออกกำลังกาย
    22 ก.ย 2561 เวลา 11.22 น.
  • sanook888
    ผึ่งคิดได้ไง ตื่นรู้ ตื่นเพือตัวเองหรือตืนเพือคนอื่น อันนี้ไม่รู้ คุนคิดยังไง กับชีวิตประจำวันของพวกคุน มนุษย์ก็เป็นเเค่คนโง่ทำตัวไฮโซทั้งที่ไม่รู้อะไรเลย
    22 ก.ย 2561 เวลา 14.41 น.
  • Thinkorn
    ออกตรวจออกจับบ่อยๆด้วย มิใช่ให้ตำรวจทำ เขาไม่มีความรู้งานนี้ดอก
    22 ก.ย 2561 เวลา 13.16 น.
  • suwat
    กูออกความเห็นไปตั้งนานแล้วทำไมยังไม่มีอีก
    22 ก.ย 2561 เวลา 11.17 น.
ดูทั้งหมด