หากพูดถึงคำว่า Y2K แล้ว เด็กรุ่นใหม่ก็อาจจะทำหน้างง ๆ ว่ามันคืออะไร แต่สำหรับวัยรุ่นยุค 2000 นี่ Y2K ถือเป็นสิ่งที่ทุกคนจำได้ดี (โอเค ถ้าใครจำได้ พวกคุณไม่เด็กแล้วนะ…)
ย้อนกลับไป 20 ปีก่อน เมื่อตอนเปลี่ยนปีจากปี 1999 เข้าสู่ปี 2000 ตอนนั้นทั่วทั้งโลกตื่นตัวกันมากกับสิ่งที่เรียกว่า Y2K
ครับ เจ้า Y2K นี่พูดง่าย ๆ มันก็คือ Bug ทางระบบคอมพิวเตอร์อย่างหนึ่งที่เกิดจากการเปลี่ยนเลขปีจาก 1999 ไปสู่ 2000 ซึ่งจะทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ที่บันทึกเลขปีเป็น 2 หลักเกิดทำงานผิดพลาด เพราะมันจะถูกบันทึกเป็น 00 แทน
ผลของมันไม่ใช่แค่ทำวันที่เพี้ยน แต่เขาว่ามันอาจจะทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ทั่วทั้งโลกเกิดการทำงานผิดพลาด ทำให้ปัญหา Y2K ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่หนักที่สุดในวงการคอมพิวเตอร์ยุคนั้นเลยทีเดียว เพราะเขาว่ากันว่ามันจะส่งผลต่อทุกสิ่งที่ใช้คอมพิวเตอร์ควบคุม ไม่ว่าจะจะเป็นเครื่องบิน โรงพยาบาล ธนาคาร ลามไปจนถึงความกังวลที่อาจเกิดสงครามโลกครั้งใหม่จากการสั่งยิงขีปนาวุธที่ถูกควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์
เรื่องมันยิ่งไปกันใหญ่เมื่อมีคนนำเอาเรื่องของ Y2K ไปผูกกับเรื่องวันสิ้นโลก ทั้งคำทำนายของนอสตราดามุสเอย รวมถึงลัทธิความเชื่ออื่น ๆ ที่ว่าเมื่อ Y2K มาถึงก็อาจจะถึงวันจบสิ้นของโลกใบนี้ ทำให้คนที่มีความเชื่อเกี่ยวกับวันสิ้นโลกนี้ บางคนถึงขั้นลาออกจากงาน ใช้เงินเก็บราวกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้มาถึง ไม่ก็สร้างหลุมหลบภัยเพื่อรอวันเปลี่ยนปีเข้าสู่ปี 2000 กันเลยทีเดียว
แน่นอนว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง ผลของ Y2K ก็อย่างที่เรารู้กัน เพราะเราต่างรอดชีวิตผ่านมันมาได้จนครบ 20 ปีในปีนี้แล้ว เอาจริง ๆ คือในตอนนั้นไม่ได้เกิดปัญหาอะไรใหญ่โตสักเท่าไร ทั้งนี้ส่วนหนึ่งก็อาจจะเพราะมีการระดมเอาเหล่าโปรแกรมเมอร์มาทำการแก้ปัญหาป้องกันเอาไว้ก่อนแล้ว เมื่อเกิด Y2K จริง ๆ ก็แทบจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากมายอย่างที่กลัวกัน คนที่คิดว่าพรุ่งนี้โลกจะแตกไปแล้วก็กลับมาใช้ชีวิตต่อไปอย่างเขิน ๆ กันเล็กน้อย และเราก็เริ่มลืมเรื่อง Y2K นี้ไป
ตอนนั้นจำได้ว่าผมอยู่ประมาณชั้น ม.ต้น ยุคนั้นแม้จะเริ่มมีอินเตอร์เน็ตแล้วแต่มันก็ยังไม่สะดวกสบายเหมือนในปัจจุบันจะแช็ตคุยกับเพื่อนก็ยากลำบาก วันที่เกิด Y2K แม้จะไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ แต่ก็แอบตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน เรียกว่าไม่กล้าขึ้นเครื่องบิน ไม่กล้าเปิดคอมฯ หรือทีวีทิ้งไว้เลยทีเดียว เพราะกลัวมันพัง แต่พอเข้าสู่ปี 2000 แล้วลองเปิดคอมพิวเตอร์ดูก็พบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็เลยจบเรื่อง Y2K ไปแบบงง ๆ แบบนั้น
แต่ทว่า…ผ่านไป 20 ปี มาจนเมื่อวันปีใหม่เข้าสู่ปี 2020 ก็เกิดปัญหาซ้ำรอย Y2K นี้อย่างเงียบ ๆ เฉยเลยครับ เมื่อมีการพบว่าโทรศัพท์มือถือหลายรุ่นในญี่ปุ่นเกิดอาการผิดปกติเมื่อเข้าสู่ปี 2020 !
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าแม้ประเทศญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าแห่งเทคโนโลยีอันทันสมัย แต่ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังชอบเทคโนโลยีอะไรแบบเดิม ๆ อยู่
อย่าง “เพจเจอร์” อุปกรณ์การสื่อสารรุ่นเก่า ที่บ้านเราไม่ใช้กันแล้ว แต่ที่ญี่ปุ่นเพจเจอร์เพิ่งปิดตัวลงไปเมื่อปีที่แล้วนี่เอง เช่นเดียวกับโทรศัพท์มือถือครับ แม้ปัจจุบันคนญี่ปุ่นจะนิยมชมชอบไอโฟน หรือใช้โทรศัพท์แอนดรอยที่ผลิตจากประเทศอื่น ๆ กัน แต่ก็ยังมีคนญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยที่ยังคงชอบการใช้มือถือรุ่นเก่า ๆ โดยเฉพาะรุ่นฝาพับที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นเอง ซึ่งก็ผลิตออกมาตั้งแต่ราว ๆ ปี 2005 แล้ว มาจนตอนนี้ก็ยังคงใช้กันอยู่และยังมีขายเป็นมือสองตามร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในญี่ปุ่นอยู่
ทว่าคนที่ยังคงใช้โทรศัพท์รุ่นเก่าอยู่ก็คงถึงเวลาต้องบอกลาโทรศัพท์ของตัวเองกันแล้วเมื่อเข้าสู่ปี 2020 ครับ เพราะมีการพบว่ามือถือรุ่นเก่าบางเครื่องที่ผลิตในญี่ปุ่นนั้น ทำงานผิดปกติเมื่อเข้าสู่ปี 2020 โดยวันที่และเวลามันกลับไปเป็น 00 ทั้งหมด ไม่สามารถใช้งานได้เต็มที่ เพราะปฏิทินไม่สามารถใช้การได้ นาฬิกาไม่สามารถใช้งานได้ ตั้งปลุกก็ไม่ได้ สรุปก็คือโทรออกได้อย่างเดียว ไม่สามารถใช้งานอย่างอื่นได้ (ปกติแม้จะเป็นโทรศัพท์รุ่นเก่า แต่คนญี่ปุ่นก็ยังใช้มันส่งอีเมล์หรือทำบันทึกตารางงาน การนัดหมายอยู่ครับ)
ส่วนสาเหตุมันก็คล้าย ๆ กับตอน Y2K นั่นแหละครับ แต่ครั้งนี้เขาบอกเป็นเพราะว่าบริษัทโทรศัพท์ในตอนนั้นเขาใส่ปฏิทินให้มันรันไปถึงแค่ปี 2019 เพราะคิดว่าคงไม่น่าจะมีใครที่ใช้โทรศัพท์ได้นานขนาดนั้น จึงทำไปเพื่อลดต้นทุนไปในตัว แล้วพอมันเกิดปัญหาขึ้นจริง ๆ ตอนนี้ก็ไม่มีทีมซัปพอร์ตที่จะคอยช่วยอัปเฟิร์มแวร์หรือแก้ Bug ให้อีกแล้ว ไม่มีแม้แต่การแจ้งเตือนอะไรมาก่อนด้วย
นั่นก็แปลว่าโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่า ๆ บางรุ่นที่ยังมีการใช้งานในญี่ปุ่นอยู่นั้นต้องยุติการใช้ไปโดยปริยายถือเป็น Y2K ในเวอร์ชั่นปี 2020 ที่ไม่มีชื่อเรียกเป็นของตัวเอง ผ่านเข้ามาอย่างเงียบ ๆ และไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วก็จากไปอย่างเงียบ ๆ เพราะไม่มีใครสนใจเหมือนกับในปี 2000 ที่ตื่นเต้นและตื่นตัวกันมาก ซึ่งอาจเป็นเพราะครั้งนี้ก็เกิดผลกระทบแค่เพียงวงแคบ ๆ และเพราะว่าเราเคยผ่าน Y2K ในปี 2000 มาแล้ว และมันก็ไม่ได้เกิดผลกระทบอะไรมากมายนัก จึงไม่ได้เป็นข่าวหรือเป็นเรื่องใหญ่โตเหมือนเมื่อ 20 ปีก่อนอีกต่อไป เหลือแค่เพียงคนกลุ่มที่ยังใช้โทรศัพท์รุ่นเก่าจำนวนหนึ่งที่ต้องมาบอกเล่าความระทมของตัวเองลงในทวิตเตอร์เท่านั้น
เพราะตอนนี้คนส่วนใหญ่ลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่งเคยเกิดปัญหาคล้าย ๆ กันนี้มาก่อน และตอนนั้นว่ากันว่าอาจจะเป็นวาระสุดท้ายของโลกกันเลยทีเดียว …
ติดตามบทความใหม่เกี่ยวกับเรื่องน่ารู้และเรื่องแปลก ๆ ของประเทศญี่ปุ่นทาง LINE TODAY: TOP PICK TODAY จากผมได้ทุกวันเสาร์นะครับ
ช่องทางการติดตามเพิ่มเติม
Facebook :Eak SummerSnow
Youtube : Eak SummerSnow
Surapun บทความมีสาระน่ารู้.. ดีครับ
11 ม.ค. 2563 เวลา 03.00 น.
Nong สาระดีไม่เท่าซ้ำเติมว่าแก่แล้ว
11 ม.ค. 2563 เวลา 04.54 น.
bird เยื่ยมเลย พอถึงละ y2k ตอนนั้นมี project ให้แก้เยอะเหมือนกัน เล่าให้ลูกฟังดีกว่า
11 ม.ค. 2563 เวลา 04.33 น.
..One Life To Live.. สร้างได้..แก้ได้..!!
11 ม.ค. 2563 เวลา 04.43 น.
ทุกอย่างล้วนแล้วก็ย่อมที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะของสังคม.
11 ม.ค. 2563 เวลา 04.35 น.
ดูทั้งหมด