เราทุกคนคือผลผลิตของตัวเอง
สิ่งที่เราเป็นในทุกวันนี้ เป็นผลผลิตจากอดีตที่ผ่านมาของเราทั้งนั้น ทั้งจากการเลือกจะเป็นและไม่เลือกที่จะเป็น จนถูกสิ่งแวดล้อมหล่อหลอมให้เราเป็น
ในส่วนหนึ่งของงาน HR คืองานพัฒนาศักยภาพในการทำงานของพนักงาน เพื่อให้มีผลงานที่ดี ได้ตามเป้าหมาย ในเกือบทุกๆทฤษฎีจะบอกว่าให้เริ่มต้นจากการวิเคราะห์ก่อนว่าพนักงานแต่ละคนต้องพัฒนาเรื่องอะไร !!!
ใช่ค่ะ ขั้นแรกของการจะพัฒนาตัวเองได้คือการมองมาที่ตัวเอง เพื่อให้รู้ตัวเองก่อนว่าเราต้องทำอะไร เพื่ออะไร แล้วเราทำอะไรได้ดี และอะไรที่ยังทำได้ไม่ดี เพราะอะไร
ในขณะเดียวกัน ในการทำงานทุกๆวัน เชื่อว่าเราทุกคนเคยมีประสบการณ์ในการทำงานกับคนที่โทษแต่คนอื่น รับชอบแต่ไม่เคยรับผิด นึกภาพซิว่าคนแบบนี้มันไม่น่าร่วมงานด้วยแค่ไหน 555 ซึ่งเราก็ไม่ควรทำให้ตัวเองเป็นคนแบบนั้นใช่ป่ะ
• มองตัวเอง เพื่อวิเคราะห์ตัวเอง เรามองว่าการสำรวจตัวเองไม่ใช่แค่ทำความเข้าใจว่าเราเก่งหรือไม่เก่งอะไร ดีไม่ดีอย่างไร แต่ต้องสำรวจเพื่อทำความเข้าใจตัวเองว่าเราทำงานไปเพื่ออะไร มันจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของการเปิดใจ ยอมรับการพัฒนาตัวเอง เพราะถ้าเราไม่เข้าใจว่าเราจะพัฒนาตัวเองไปเพื่ออะไร พลังในการเปลี่ยนแปลงตัวเองมันอาจจะไม่มากพอจนทำให้สำเร็จก็ได้นะคะ เคยคุยกับเพื่อนที่เค้าลุกขึ้นมาออกกำลังกาย มาวิ่งมาราธอน เค้าไม่ได้วิ่งเพราะเค้าวิ่งเก่ง หรือแค่เพราะอยากจะวิ่ง แต่เค้าวิ่งเพราะมีเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพที่ดี วิ่งเพื่อเอาชนะใจตัวเองหรือเอาชนะใจคนอื่นบ้างก็มีนะ 555 ก็เข้าใจได้นะ เวลาดูรูปคนไปวิ่งแล้วก็แบบ อืม มันน่าเอาชนะใจจริงๆค่ะ
• ปรับเพื่อเปลี่ยน การเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อทำตัวเองให้มีชีวิตที่ดีขึ้น ทำตัวเองให้คู่ควรกับการมีชีวิตที่ดี ที่ประสบความสำเร็จ ที่มีความสุข ซึ่งเป็นความสุขที่ไมได้เกิดจากการหลอกตัวเองด้วยการโยนความผิดให้คนอื่น ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราทำงานได้ไม่ดี และโดนตำหนิ เราให้น้ำหนักกับอะไรมากกว่ากัน ระหว่างการพิจารณางานของตัวเอง หรือวิธีการตำหนิของคนอื่น หลายคนมัวแต่ไปสนใจที่จะหาความผิดพลาดในการตำหนิของหัวหน้าว่าใช้อารมณ์บ้าง ว่าพูดไม่ดีบ้าง มาเป็นข้ออ้างในการโยนเรื่องทั้งหมดกลับไปให้คนนั้น แทนที่จะกลับมาสนใจว่างานที่เราทำ อะไรเป็นความผิดพลาดที่ต้องปรับปรุงแก้ไข
ทำไมต้องมองตัวเองก่อน ? ก็เพราะเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นในงานของเรา จะไม่มีเรื่องไหนที่เราไม่ต้องรับผิดชอบ เราต้องเปลี่ยนความคิดตัวเองให้ได้ ต้องยอมรับความผิดพลาดให้ได้ และต้องมองปัญหาอย่างเป็นกลางเพื่อให้สามารถแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก ปัญหาหรือความผิดพลาดไม่ใช่อุปสรรค แต่คือส่วนหนึ่งของงาน ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
จากประสบการณ์ทำให้ได้รู้ว่าการเห็นคุณค่าของตัวเอง และการยอมรับตัวเองเป็นเรื่องสำคัญมากๆในการทำงาน เราไม่สามารถมองแค่ส่วนดีของตัวเองได้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมองหาแต่ข้อด้อยของตัวเองนะคะ แต่เรากลับได้เรียนรู้หลายๆอย่างจากการยอมรับข้อบกพร่องของตัวเอง
- ต้องแยกส่วนที่ผิด และถูกออกจากกันให้ได้ … การที่ทำสิ่งหนึ่งไม่สำเร็จ ไม่ได้แปลว่าสิ่งอื่นที่ทำมาจะไม่มีความหมาย การทำผิดหนึ่งครั้ง ก็คือการทำผิดในครั้งนั้น ไม่ได้มีผลกับการทำถูกทุกครั้งที่ผ่านมา
- การแก้ไขปรับปรุง เป็นเรื่องของเรา การที่คนอื่นจะเป็นแบบเดิมก็เป็นเรื่องของเค้า เพราะสุดท้ายทุกคนจะได้รับผลจากสิ่งที่ตัวเองเป็น อย่าไปคิดว่าเราเปลี่ยนอยู่คนเดียวมันไม่ได้ช่วยอะไรหรอก … มันช่วย !!! มันช่วยให้เราดีขึ้น เก่งขึ้น ถ้าเราเก่งและดี เราสามารถเลือกได้ว่าจะเอาตัวเองไปอยู่ที่ตรงไหน ที่จะเหมาะกับเราไง
- ใช่ #เราต้องทำเพื่อตัวเอง
- กำลังใจเป็นสิ่งจำเป็น เพราะกำลังใจจะช่วยให้เราลุกขึ้นได้ อย่าร้ายจนใครๆก็ไม่เอา และก็อย่าปิดตัวเองจนไม่มีแหล่งพลังงานสำรองในวันที่หมดพลัง
- คำแนะนำเป็นสิ่งสำคัญ … ถ้ากำลังใจคือสิ่งที่ทำให้เราลุกขึ้นได้ คำแนะนำที่ดีจะทำให้เรารู้ว่าต้องเดินไปทางไหน … ลุกขึ้นได้ แต่เดินไปผิดทาง ก็จะไม่หลุดพ้นจากการทำผิดซ้ำๆ
- ถ้าจะมีใครวิจารณ์คนที่พัฒนาตัวเอง ปรับปรุงแก้ไขตัวเอง นี่ไม่ใช่ความคิดเห็นที่ควรฟังละ อย่าคิดแทนคนอื่น และอย่าเอาความคิดเห็นคนอื่นมาบั่นทอนตัวเอง อย่าไปอายที่จะเริ่มต้นทำอะไรดีๆ ที่ไม่มีใครทำ ย้ำว่า เรากำลังทำเพื่อให้ตัวเองดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อเอาใจคนที่ไม่มีประโยชน์กับชีวิตเรา
- คนที่คอยสนับสนุนเราทุกเรื่องนี่โคตรจะน่ารักเลย แต่เราต้องแยกแยะให้ได้ว่าทำผิดคือทำผิด การมีคนคอย support ไม่ได้แปลว่าเราไม่ได้ทำผิด เข้าใจแหละว่าบางครั้งเราก็เลือกไม่ได้ที่จะต้องฟังทุกๆคนที่คอยให้กำลังใจ ให้คำแนะนำ แต่เราต้องเลือกที่จะเชื่ออ่ะ เมื่อก่อนนะเวลามีเรื่องอะไรไม่พอใจจะโพสต์ลง Facebook แล้วก็จะมีเพื่อนๆมาคอยให้กำลังใจ และบางคนก็จะ comment ประมาณว่าเข้าข้างเราทุกเรื่อง 55 ก็เพื่อนกันอ่ะเนอะ แต่พอเยอะไปก็ทำให้คิดได้ว่ามันคือการสปอยล์เราอ่ะ โดยที่เค้าไม่ได้รู้ว่าจริงๆแล้วเราก็มีส่วนผิดในเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนกัน แต่เราเลือกจะสนใจแต่คนที่คอยเข้าข้างเรา เราจะไม่ได้เรียนรู้เพื่อปรับปรุงตัวเองเลย
- เปิดใจนะ เก็บความสำเร็จในอดีต เก็บศักดิ์ศรีและอีโก้ไว้ก่อน เดี๋ยวก็ได้ใช้ 555 คำแนะนำดีๆ เปิดรับไว้ก่อน ถึงแม้ว่าจะมาจากคนที่เราไม่ชอบ หรือเราไม่ยอมรับเค้า #บางคนสอนก็เหมือนด่า แต่ถ้ามันดี ก็ต้องเอามาใช้ จะถูกตำหนิบ้างก็ช่างมัน ยังไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรตอนนั้น ฝึกเป็นผู้ฟังที่ดี พูดน้อยๆ ฟังเยอะๆ แล้วจะเห็นอะไรชัดขึ้นค่ะ
- รับพลังงานด้านบวกให้มากๆ คิดถึงความผิดพลาดแค่เพื่อหาทางแก้ไข จบแล้วก็ต้องเลิกเลย ความรู้สึกว่า เออ ช่างมัน เอาใหม่ … อะไรแบบนี้อ่ะ พอปล่อยได้จริง มันจะเบามาก โล่งมาก ถึงจะยังแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ปล่อยได้ ก็คือโอเคแล้ว
- พังแล้วเรื่องนึง อย่าให้เรื่องอื่นต้องพังไปด้วย พังเป็นเรื่องๆไปค่ะ 555 ยังไม่ต้องรีบ ในชีวิตคนเรา มีเรื่องรอให้พังอีกเย๊อะ เมื่อเจอเรื่องที่ผิดพลาดแล้วก็ยอมรับ และหาทางปรับปรุง เพื่อแก้ไขได้แล้วก็จบไป อย่าจมตัวเองอยู่กับการยอมรับความผิดแค่อย่างเดียว ต้องก้าวไปต่อให้ได้ด้วย และเมื่อแก้ไขได้แล้วก็ปล่อยเรื่องนั้นไปซะ อย่าแบกไปต่อ มันจะพาลให้เราจมไปกับเรื่องแย่ๆ โดยก้าวไปต่อได้ยากค่ะ
สุดท้ายแล้ว ความจริงใจในการยอมรับความผิดพลาด และทำมันใหม่ให้ดี เป็นพื้นฐานของเรื่องทั้งหมดที่เขียนมา ถ้าไม่จริงใจกับคนอื่น ไม่จริงจังกับเป้าหมายของตัวเอง … ก็ยากที่เราจะเลิกบ่น เลิกโทษคนอื่นได้
วันนี้ยังไม่ดีที่สุดไม่เป็นไร ขอแค่ให้ดีขึ้นก็พอ
#รักนะคะ
#เจ้าหญิงแห่งวงการHR
แสบ เขียนได้ดีมากคับ
12 ธ.ค. 2562 เวลา 12.16 น.
ไม่ว่าจะมีปัญหาใดเกิดขึ้นมาก็ตาม ในการที่มีเป้าหมายและความตั่งใจจริงในตัวของเราเอง ก็ย่อมสามารถที่จะทำให้มีวิธีการที่จะแก้ไขเพื่อให้ผ่านพ้นไปได้เสมอ.
12 ธ.ค. 2562 เวลา 21.59 น.
พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง.. บทความเขียนดีมากครับ ขอให้เจ้าหญิงแห่งวงการ hr มีพลังบวกเยอะๆ ด้วยนะครับ
12 ธ.ค. 2562 เวลา 09.11 น.
... Nut.Ch บริษัท คนไทย ชอบ หาแพะ โยนความผิดให้คนอื่น หน่วยงานสากล เค้าตรวจเจอ เค้าไม่เห็นด้วย
13 ธ.ค. 2562 เวลา 00.33 น.
ゆじ ถามหน่อยทำไมหลายๆคน ทำงานไม่ประสานงานกัน ตำหนิกัน ไม่เปิดกว้าง ทำงานไม่เป็น เม้า ไม่ปรับทัศนคติ ไม่เปลี่ยนตัวเอง ?
12 ธ.ค. 2562 เวลา 23.50 น.
ดูทั้งหมด