อุบายหนึ่งซึ่งผมชอบเป็นพิเศษคือเรื่องอาจารย์เซนสอนศิษย์ให้ปล่อยวาง
อุบายคือ เมื่อหลับตานอนทุกคืน ให้นึกเสียว่ากำลังจะตาย
เมื่อหลับก็คือตาย สิ้นลมหายใจเพียงนั้น
ถ้าได้ตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น ก็บอกกับตัวเองว่า นี่คือโบนัส เราได้เกิดใหม่ นี่เป็นวันแรก ใช้มันให้คุ้มที่เรารอดตายมาได้
ดังนั้นทุกวันใหม่ก็คือวันเกิด ทุกวันใหม่ก็คือของขวัญ และบังเอิญที่คำว่าของขวัญในภาษาอังกฤษ - Present ก็สามารถแปลว่า ปัจจุบันขณะ
ทุกวันใหม่ก็คือชีวิตในปัจจุบันขณะ
ประโยชน์ของอุบายนี้คือ
1 เตรียมพร้อมตายทุกราตรี
2 ฝึกปล่อยวาง ก็กำลังจะตายอยู่แล้ว จะไปยึดมั่นอะไรอีกล่ะ จะตายแบบกลุ้มหรือตายแบบโล่ง เคลียร์ทุกอย่างก่อนตายในแต่ละคืน ชีวิตก็ปลอดโปร่ง เป็นอิสระ
3 เห็นคุณค่าของวันทุกวัน เพราะเราได้แต่ละวันมาฟรี ๆ สวรรค์ต่ออายุให้ เลิกบ่นสักทีว่าชีวิตแย่ เพราะเราได้รับวันนี้แถมมาฟรีๆ เราตายไปแล้วเมื่อคืน
4 ได้พิจารณาชีวิตที่ผ่านเป็นประจำ ทำให้รู้ว่าเรามาจากไหน จะไปทางไหน ไม่หลงทางง่าย ๆ
……………
คนที่ผ่านการ ‘ตายแล้วเกิดใหม่’ อย่างเป็นรูปธรรมมักเปลี่ยนวิถีชีวิตไปในทางที่ปล่อยวางและเป็นอิสระมากขึ้น เช่น ผ่าตัดใหญ่รักษาโรคร้ายมาก และรอดชีวิตมาได้ เกิดอุบัติเหตุรถชนร้ายแรง รอดมาได้
ญาติเพื่อนผมมากกว่าหนึ่งคนล้ม กึ่งอัมพาต แล้วรักษาตัวจนหาย บางคนพบเนื้องอกร้ายในอวัยวะสำคัญทันเวลา บางคนไปไม่ทันเครื่องบินและรอดชีวิตมาได้ เพราะเครื่องบินตก
นี่ก็คือ ‘การเกิดใหม่’ จริง ๆ
เราไม่ต้องรอเหตุการณ์จริงแบบนี้ค่อยปรับเปลี่ยนชีวิตเราให้ดีขึ้น เราสามารถมองตัวอย่างของคนอื่น และจินตนาการว่าเราอยู่ในสถานะนั้นก็ได้
การฝึกตายทุกคืนแบบนี้ทำให้สามารถตายก่อนตายจริง เมื่อวันตายจริงมาถึง ก็ไม่รู้สึกอะไรพิเศษ เพราะเราฝึกตายมาแล้วทุกคืน
ตายก็คือการนอนแล้วไม่ตื่น ไม่มีอะไรมาก ตายบ่อย ๆ ก็ชิน
ตื่นก็คือเขาอนุญาตให้อยู่อีกหนึ่งวัน ใช้ให้คุ้ม
ดีใจไหมที่วันนี้เรายังหายใจได้ ? ดีใจไหมที่วันนี้เรายังได้เจอกัน ?
เรามีแค่วันนี้วันเดียว คืนนี้ก็ตายอีกแล้ว
ว่าก็ว่าเถอะ เราใช้ชีวิตได้เพียงทีละนาที เราไม่ทีทางรู้ว่าในนาทีหน้า เรายังจะมีลมหายใจหรือไม่ เพราะชีวิตคือความไม่เที่ยง
มีแค่วันนี้แค่วันเดียว จะใช้เวลาทั้งวันบ่น ด่า สาปแช่ง หรือว่าจะ ‘เอนจอย ไลฟ์’
เหลืออีกแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น
ทุกวันเราเข้าสู่โหมด RIP
Relive In Peace.
……………
วินทร์ เลียววาริณ
Yong เรื่องราวดีๆแบบนี้เป็นธรรมะเป็นเรื่องของคนมีจิตใจใฝ่ธรรมธรรมะจะแยกแยกคนประเภทคนเพราะคนที่ไม่สนใจในธรรมะเป็นผู้ยังขาดปัญญาไม่เห็นธรรมเขาจะไม่สนใจที่จะมาอ่านเห็นเป็นของไร้สาระเขาจึงเป็นผู้ไม่ได้สาระประโยชน์อะไรจากการเลือกทำสังเกตดูแม้แต่คอมพิวเตอร์มันยังสนใจใฝ่ธรรมเพราะมันอยากฉลาดแค่พูดมันก็พิมพ์ให้เราได้แล้วแถมพิมพ์ได้ถูกต้องด้วยแสดงว่าสมองคอมพิวเตอร์มันพัฒนาเลือกหาความรู้จากคนนี่ล่ะเรียกว่า AI หรือ artificial intelligence ต่อไปมันคงจะเก่งขึ้นเรื่อยๆยิ่งมันถูกใช้มันยิ่งเก่งเร็วจริงๆ
09 ธ.ค. 2562 เวลา 04.34 น.
Yong คนไม่ศรัทธาเคารพในศีลเรียกว่าเป็นคนหลงคนเมาคนที่ยังไม่รู้จักสัมมาสมาธิทำจิตให้ตั้งมั่นเป็นกลางตามธรรมชาติยังไม่ได้ก็คือคนที่ยังหลงไปทางยินดีบ้างเมื่อยังขาดสัมมาสติคนที่ยังไม่รู้จักอริยสัจ 4 ไม่เห็นแจ้งในทุกข์สมุทัยนิโรธมรรคก็ยังเป็นคนหลงดังนั้นเราต้องมาเจริญศีลสมาธิปัญญาเพื่อความหายหลงทำจิตให้เป็นกุศลโดยการเจริญสติปัฏฐาน 4เพื่อให้เกิดญาณทรรศนะรู้เห็นสิ่งต่างๆตามความเป็นจริงไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5 ว่าเป็นตัวเราของเราเพราะมันเป็นแค่สภาวะธาตุสภาวธรรมเท่านั้นเอง
09 ธ.ค. 2562 เวลา 00.33 น.
Tui of Earth "อะไรที่มากเกินไปก็เป็นพิษ"
09 ธ.ค. 2562 เวลา 08.44 น.
Rainny L.(อิมกึมบี)🌦 แค่รู้ก็พอ อย่าไปลื่นไหลตาม ไม่งั้นจะประสาทเอาได้ เพราะวันหนึ่งๆ เกิดตายไม่รู้กี่รอบ อย่าเกาะติดจิตขนาดนั้น จะทำให้บ้าเอาได้ง่ายๆ เอาแค่รู้ให้ได้ก่อน รู้บ่อยๆจะเกิดสติ มุ่งหมายสติก่อน
09 ธ.ค. 2562 เวลา 09.02 น.
Aekalak ชีวิตประจำวันสมองหมกมุ่นอยู่กับเรื่องอะไรมันจะบ่งบอกตัวตนที่แท้จริงของคนๆนั้น
09 ธ.ค. 2562 เวลา 02.14 น.
ดูทั้งหมด