การเลือกตั้งแบบพิสดาร

แม้รัฐบาลจะยืนยันหนักแน่นมาโดยตลอด จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 แต่ก็ยังมีผู้ตั้งข้อสงสัยเป็นระยะๆ หลายคนฟันธงว่าจะไม่มีเลือกตั้งในวันดังกล่าว หลังจากที่รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ตอบคำถามนักข่าวว่าผู้กำหนดวันเลือกตั้งคือ กกต. แต่ถ้า กกต.ได้รับเสียงสะท้อนจากพรรคการเมืองว่ายังไม่พร้อม กกต.ก็ต้องคิดเอง

แต่เลขาธิการ กกต.ไม่ได้ยืนยันชัดเจน ว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ หากพรรคไม่พร้อม เป็นอำนาจของ กกต.ที่จะพิจารณา แต่ต้องอยู่ในกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด คือตั้งแต่ 24 กุมภาพันธ์ ถึง 9 พฤษภาคม 2562 ขณะนี้มี 12 พรรคที่อยู่ในระหว่างขอจัดตั้งพรรค แต่ กกต.จะเร่งรัดให้ทันเวลาตามกฎหมาย

สาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดความสงสัยอย่างต่อเนื่อง เพราะว่ายังไม่มีประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการ จะจัดการเลือกตั้งวันใดกันแน่ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นวันที่ กกต.เปิดประเด็นขึ้นมาก่อน ตามด้วยเสียงขานรับของฝ่ายรัฐบาล แต่ยังไม่มีประกาศเป็นทางการ แม้นายกรัฐมนตรีจะยืนยันต่อผู้นำนานาชาติอีกครั้ง ในระหว่างเยือนฝรั่งเศส

การเลือกตั้งครั้งนี้ นอกจากจะมีความสับสนเกี่ยวกับวันเลือกตั้งที่ชัดเจนแล้ว ยังมีเรื่องแปลกประหลาดพิสดารอีกหลายเรื่อง เช่น ผลการสำรวจความเห็นประชาชน พบว่าคนส่วนใหญ่ถึง 98.5%บอกว่าจะไปเลือกตั้งแน่ แต่คน 77.8% ไม่ทราบว่าเลือกตั้งครั้งนี้จะต้องกากี่บัตร เนื่องจากวิธีการเลือกตั้งใหม่ที่พิสดาร

ยิ่งกว่านั้นรัฐบาลยังห้ามองค์กรต่างประเทศ ไม่ให้เข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้ง หลังจากที่มีรายงานข่าวว่าสหภาพยุโรปซึ่งเป็นตัวแทน 28 ประเทศในยุโรป และองค์กรสิทธิมนุษยชนหลายแห่ง ขออนุญาตเข้ามาสังเกตการณ์ ยิ่งกว่านั้นยังห้าม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ให้ หาเสียง แม้พรรคใดพรรคหนึ่งจะประกาศชื่อเป็นผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

การห้ามนายกรัฐมนตรีหาเสียงเลือกตั้งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นยุคประชาธิปไตย หรือยุครัฐประหาร โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีที่ต้องการสืบทอดอำนาจกลับมาบริหารประเทศอีกหลังการเลือกตั้ง ส่วนการห้ามคณะผู้สังเกตการณ์จากต่างประเทศอาจทำให้น่าสงสัย รัฐบาลไทยมีอะไรต้องปิดบังหรือไม่?

ทำไมจึงไม่ทำให้การเลือกตั้งเป็นไปแบบธรรมชาติ ภายใต้บรรยากาศและสีสันของความเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่บรรยากาศที่อึมครึม เหมือนกับการเลือกตั้งในประเทศอำนาจนิยม การเลือกตั้งน่าจะเป็นไปโดยเปิดเผย มีความเป็นเสรี เป็นธรรม ได้รับการยอมรับทั้งจากประชาชนในประเทศและจากประชาคมโลก เป็นภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ.