“ผมก็แค่เป็นหมอที่ชอบถ่ายรูปและงานศิลปะเท่านั้นเอง” คุยกับคุณหมอนักเดินทาง PYONG : Traveller X Doctor

“ผมก็แค่เป็นหมอที่ชอบถ่ายรูปและงานศิลปะเท่านั้นเอง” นี่คือประโยคแรก ๆ ที่เขาบอกเมื่อเราถามถึงตัวตนของหมอเปียง กันตพงศ์ ทองรงค์ แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติและอีกบทบาทของบล็อกเกอร์ท่องเที่ยว เจ้าของเพจ PYONG : Traveller X Doctor 

เราได้นัดหมอเปียงมาเพื่อนั่งคุยเรื่องคำถามคาใจต่าง ๆ ที่เรามั่นใจว่าหลาย ๆ คนคงอยากจะรู้จากเขาเหมือนกัน ทั้งเรื่องงานประจำ แพสชัน ความฝัน การเดินทาง และการบริหารจัดการเวลา เชื่อได้เลยว่าหลังจากอ่านบทสัมภาษณ์นี้จบ คุณคงจะต้องตกหลุมรักคุณหมออารมณ์ดี ยิ้มตาหยีที่ชอบเที่ยวเป็นที่สุดคนนี้มากกว่าเคย!

“ผมคิดว่าถ้าความรู้ที่เรียนมา 6 ปีของผมสามารถไปช่วยหยุดกระบวนการการเจ็บป่วยหรือแม้กระทั่งเปลี่ยนชีวิตของใครคนนึงได้ คงจะดีไม่ใช่น้อย”

หมอเปียงเล่าถึงเป้าหมายในการเป็นหมอว่าเขาอยากเป็นศัลยแพทย์ และจุดมุ่งหมายของเขาคือการช่วยคนให้ได้มากที่สุด “ตอนนี้ผม Intern ปีที่สองแล้ว และที่อยากเรียนต่อคือด้านศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างซึ่งเป็นศาสตร์เกี่ยวกับการซ่อมแซม อย่างเช่นในเคสอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่เกิดความเสียหายบนใบหน้า หรือความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด ที่ผมสนใจด้านนี้มาก ๆ ก็เป็นเพราะผมมองว่ามันคือการดีไซน์รูปแบบหนึ่ง เป็นการใช้แง่มุมทางศิลปะมาผสมผสานกับความรู้ทางการแพทย์ที่สามารถช่วยพลิกชีวิตคนได้ ผมคิดว่าถ้าความรู้ที่เรียนมา 6 ปีและในปีต่อ ๆ ไปของผมสามารถไปช่วยหยุดกระบวนการการเจ็บป่วยหรือแม้กระทั่งเปลี่ยนชีวิตของใครคนนึงได้ คงจะดีไม่ใช่น้อย ส่วนตอนนี้ก็ได้ทุนแล้วครับ แต่ก็ต้องรอลุ้นอีกทีว่าจะได้เรียนต่อที่ไหน (หัวเราะ)”

ความหลงใหลในศิลปะคือจุดเริ่มต้นของการถ่ายภาพและการเดินทาง

“ผมเป็นคนชอบงานดีไซน์และศิลปะมาก ๆ ตั้งแต่อยู่ชั้นประถมเลย ชอบวาดรูประบายสี เป็น พวกนักล่ารางวัล ไปแข่งตามระดับจังหวัด ระดับภูมิภาค ก็ชอบมานานมาก ๆ แล้วจนโตขึ้นได้เริ่มลองจับกล้อง เราก็รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่สร้างงานศิลปะได้เหมือนกัน เป็นงานศิลปะประเภท instant ถ่ายปุ๊บได้รูปออกมาเลยซึ่งมันง่ายกว่างานที่เราเคยทำก่อน ๆ เรา เลยรู้สึกอินกับการถ่ายรูปมากยิ่งขึ้น เริ่มจากการถ่ายตามมุมต่าง ๆ ในโรงพยาบาล เห็นมุมนู้นมุมนี้สวยก็ถ่ายเก็บไว้ พอลงในอินสตาแกรม ก็จะมีคนเข้ามาถามว่าตรงนี้คือที่ไหน เหมือนกับว่าเราพยายามจะมองหามุมธรรมดาที่มันพิเศษ แต่คนเดินผ่านไปผ่านมากลับมองไม่เห็น พอมีคนมาถาม เราก็รู้สึกว่าประสบความสำเร็จที่ทำให้มุมปกติดูสวยขึ้นมาได้ 

หลังจากนั้นเราก็เริ่มขยายพื้นที่การถ่ายรูปออกไป เวลาไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศก็จะต้องพกกล้องไปด้วย ถ่ายเก็บไว้จนมีสต็อกรูปที่เยอะพอสมควร ซึ่งก่อนหน้านี้ ผมก็โพสต์ลงในเฟซบุคส่วนตัวอยู่แล้ว เล่าเรื่องราวต่าง ๆ คล้าย ๆ กับเวลาที่ลงในเพจตอนนี้เลย เพื่อน ๆ พี่น้อง ครูอาจารย์ก็เชียร์ให้ทำเพจ ตัวเราเองก็มองว่าถ้าทำเพจก็คงเป็นอีกช่องทางนึงที่เผยแพร่งานศิลปะผ่านภาพถ่ายของเราได้ ก็เลยเป็นที่มาของเพจ PYONG : Traveller X Doctor ครับ”

สถานที่ ผู้คน ดีไซน์ วัฒนธรรม ทุกอย่างถูกเล่าอยู่ในภาพถ่ายของเปียง

“ผมเป็นคนชอบถ่ายรูปแนวสตรีทอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการได้ไปในที่ ๆ ทุกอย่างสวย ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย หรือที่ ๆ มีคนเยอะ ๆ ผมจะชอบมาก ๆ เลย” เปียงเล่าให้ฟังถึงการเดินทางของเขา “ที่ชอบที่สุดตอนนี้คือโซลและโตเกียว สนุกมากเลยกับการถ่ายรูปสถาปัตยกรรมและคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ผมรู้สึกว่าคนที่นั่นเค้ามีความน่าสนใจทั้งด้านการแต่งตัวและแอคชั่นต่าง ๆ เวลาสแนปออกมาก็จะได้ภาพแปลก ๆ ก็เลยสนุกครับ”

เราถามเขาว่ามีที่ไหนที่ไปมาแล้วและไม่คิดจะกลับไปอีกไหม เปียงบอกเราว่า “ผมว่ามันไม่มีหรอก ทุก ๆ ที่ที่ไปมันก็จะมีสิ่งที่เป็นกิมมิคหรือบางอย่างที่ดึงดูดไม่เหมือนกัน ถึงจะมีข้อเสียของที่ ๆ นั้น เราก็จะมองแยกกัน ข้อเสียก็เก็บไว้เอาไว้เล่าต่อให้เพื่อนฟังสนุก ๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ข้อดีหายไป ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ๆ สำหรับผมมันคือดีหมดนะ”

การเดินทางช่วยต่อยอดการเป็นแพทย์

“หมอเนี่ยจะต้องคอนแทคท์กับทุก ๆ คนบนโลกใบนี้ เพราะเราไม่สามารถเลือกได้ว่าคนไข้ที่เดินเข้ามาจะมาจากภาคไหนหรือประเทศไหน ซึ่งสิ่งที่จะเป็นประโยชน์มาก ๆ เวลาเราคุยกับคนไข้ก็คือการที่เรารู้ภูมิหลังของเค้า เช่น ถ้าเกิดเป็นคนใต้เนี่ย เค้าจะมีภาษาและลักษณะการพูดแบบไหน อาหารการกิน โรคที่เป็นบ่อยคืออะไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ถ้าเราได้ออกเดินทางมาก ๆ เราก็จะเข้าใจคนจากหลากหลายพื้นที่ได้มากขึ้น และมันทำให้เราสามารถคอนเนคท์กับเค้าได้ดียิ่งขึ้นในฐานะหมอ มีผลต่อการรักษามาก ๆ เลยครับ”

คำถามที่ถูกถามบ่อยคือ “แล้วเอาเวลาไหนไปเที่ยว”

ด้วยความที่อาชีพแพทย์อย่างเดียวก็หนักอยู่แล้ว และการเป็นบล็อกเกอร์แบบเต็มตัวไปพร้อม ๆ กันก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เราเลยแอบถามหมอเปียงด้วยคำถามคาใจว่า “เอาเวลาตอนไหนไปเที่ยว” เขาตอบเราว่า 

“ผมแค่มองว่าเราต้องนิยามก่อนว่าคำว่า “เวลาว่าง” แปลว่าอะไร อย่างเวลาที่เราเล่นอินสตาแกรมมันถือว่าว่างไหม มันก็ไม่ว่างนะ เพราะเราก็ไถไอจีอยู่ เวลาที่เรานอนถือว่าว่างไหม ก็ไม่ว่าง ก็นอนอยู่นี่ไง (หัวเราะ) คำว่า “ว่าง” มันไม่มีอยู่จริงหรอก เพราะทุกคนก็มีอะไรที่อยากทำตลอดเวลาอยู่แล้ว อยู่ที่มุมมองว่าเราจะทำให้ “เวลา” กับ “สิ่งที่ทำ เนี่ย มีการวางแผนหรือคิดล่วงหน้าไว้แล้วหรือเปล่า

ชีวิตผมก็มี priority (สิ่งที่สำคัญที่สุด) อยู่แค่ 3 อย่างหลัก ๆ ก็คือเรื่องงาน สิ่งที่ชอบ และการดูแลตัวเอง ผมมองว่าสามอย่างนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำ เลยพยายามที่จะใส่มันเข้าไปในตารางชีวิตของแต่ละเดือน อย่างการทำเพจนี้ มันก็เป็นเหมือนการเอาเวลานอกการทำงานประจำไปทำ ซึ่งมันก็คือหนึ่งใน priority ที่ผมจะกันเวลาไว้ให้ส่วนนี้เสมอ มันเลยไม่ได้มีข้ออ้างว่าไม่มีเวลา เพราะถ้าต้องทำและอยากทำ ผมว่ายังไงมันก็ได้ทำ”

ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างโลกหลาย ๆ ใบ

คำถามต่อไปที่ทีม LINE TODAY ปิ๊งขึ้นมาหลังจากที่ได้ฟังคำตอบของเปียงก่อนหน้า เรียกได้ว่าแทบจะทันทีเลยก็คือ มีจุดไหนไหมที่เขาอยากจะเลือกเดินสักทาง เปียงบอกว่า “ผมคิดว่าแบบนี้แหละเจ๋งดี เพราะเราได้ท้าทายตัวเองว่าไม่ว่าจะทำงานหนักขนาดไหนแต่ว่าสิ่งที่ออกมาต้องเสมือนกับว่าเราคุมมันอยู่และเต็มที่กับทุก ๆ อย่าง เหมือนเรายืนอยู่จุดตรงกลางที่มีโลกหลาย ๆ ใบอยู่รอบตัวเรา มีโลกของการเป็นหมอ มีโลกของศิลปะ แฟชั่น การท่องเที่ยว เราก็ยืนอยู่ตรงกลางตรงนั้น เล่าถึงแต่ละโลกที่เป็นตัวเราผ่านประสบการณ์และมุมมองที่เราเห็นสิ่งนั้น ๆ ผ่านเพจ ถึงจะเหนื่อยบ้าง แต่ผมว่าผมทำไหว ยิ่งได้ฟีดแบคมาจากคนที่ติดตามเราบอกว่าเราเป็นแรงบันดาลใจให้กับเขา มันยิ่งเป็นกำลังใจให้เราทำดีต่อไปเรื่อย ๆ ครับ”  

เปียงทิ้งท้ายว่า “สองอย่างไม่ใช่อะไรที่แยกกันเพราะมันคือจิตวิญญาณของผมทั้งหมด อาจจะมีบางช่วงที่เราต้องโฟกัสกับอย่างหนึ่งมากกว่าอีกอย่าง แต่คงไม่มีวันไหนที่ผมเลือกที่จะทิ้งอะไรสักอย่างเพื่อตามหาอีกอย่าง เจอกันเรื่อย ๆ ในเพจได้แน่นอน!”

อ่านเรื่องราวสนุก ๆ และติดตามอัพเดตจากหมอเปียงได้ที่ PYONG : Traveller X Doctor , อินสตาแกรม @pycaptain และแชนแนลบนยูทูบ PYONG : Traveller X Doctor

เรื่องและวิดีโอ : @mint.nisara | ภาพ : Count on Three