การศึกษา
ร.ร.-มหาวิทยาลัยเอกชน…หนีตาย
ปรับกลยุทธ์-เปิดศึกชิง ‘น.ร.-น.ศ.’
ปัญหาประชากรในวัยเรียนลดลง ได้ส่งผลกระทบต่อสถานศึกษาเอกชนและสถาบันอุดมศึกษาเอกชนอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
แต่ดูเหมือนปีนี้จะมองเห็นผลกระทบได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เพราะไม่ได้กระทบเพียงแค่สถานศึกษาเอกชนเท่านั้น แต่รวมถึงสถานศึกษาของรัฐ ทั้งโรงเรียน มหาวิทยาลัยรัฐ มหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ล้วนแล้วแต่ได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น
เพียงแต่จะกระทบมาก หรือกระเทือนน้อยเท่านั้น
สาเหตุก็เนื่องจากจำนวนประชากรที่เกิดในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมาลดน้อยลง เมื่อจำนวนเด็กเกิดน้อยลง เด็กที่เข้าสู่ระบบโรงเรียนจึงลดลงตามไปด้วย
จะเห็นจากตัวเลขในอดีต เมื่อครั้งยังมีเด็กเข้าสู่ระบบโรงเรียนจำนวนมาก มีนักเรียนที่จบชั้น ม.6 มากกว่า 1 ล้านคน ทำให้รัฐบาลโดยกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และทบวงมหาวิทยาลัยในอดีต มีนโยบายให้ภาคเอกชนก่อตั้งโรงเรียนเอกชนและสถาบันอุดมศึกษาเอกชน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระการจัดการศึกษาของรัฐที่ไม่เพียงพอและไม่ทั่วถึง
ทำให้โรงเรียนเอกชนและมหาวิทยาลัยเอกชนผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดในช่วงเวลานั้น
แต่เมื่อประชากรเด็กลดลง โรงเรียนเอกชนและสถาบันอุดมศึกษาเอกชนจึงได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะสถานศึกษาขนาดไม่ใหญ่นัก ไม่ได้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก หรือเพิ่งจัดตั้งได้ไม่นาน หรือที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด
เริ่มจากโรงเรียนเอกชนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ที่ปัจจุบันจำนวนนักเรียนลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดกลางหรือขนาดเล็กที่ไม่ได้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากนัก
การ “แย่งชิง” เด็กระหว่างโรงเรียนรัฐและโรงเรียนเอกชนจึงเกิดขึ้น
ในช่วงของการเปิดภาคเรียนที่ 1/2561 ที่ผ่านมา ยังเกิดปรากฏการณ์ที่ “นักเรียน” ในโรงเรียนเอกชนทยอย “ลาออก” ตั้งแต่วันแรกที่เปิดเรียน และยังคงลาออกไปเรื่อยๆ ไปจนถึงสัปดาห์ที่ 3 ของการเปิดเรียน
ซึ่งสมาคมคณะกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชน (ส.ปส.กช.) ประเมินว่ามีนักเรียนหลายพันคนที่ลาออกเพื่อไปเข้าเรียนในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แทน
เนื่องมาจากนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่ให้โรงเรียนสังกัด สพฐ.ยืดหยุ่นจำนวนรับต่อห้องเรียน โดยโรงเรียนสามารถขยายจำนวนนักเรียนต่อห้องได้มากกว่า 40 คน หรืออาจขยายจำนวนห้องเรียนเพิ่มได้อีก
ทำให้วิกฤตนักเรียนในโรงเรียนเอกชนที่ว่าน้อยอยู่แล้วยิ่งน้อยลงไปอีก
“นายศุภเสฏฐ์ คณากูล” นายก ส.ปส.กช. กล่าวว่า โรงเรียนเอกชนสังกัด สช. ได้รับผลกระทบหนักมาก เพราะแม้จะเปิดภาคเรียนแล้ว แต่มีนักเรียนลาออกพร้อมกันถึง 50 คนในวันเดียว แค่ยอดรวมสัปดาห์แรก มีเด็กลาออกกว่า 4,000 คน
ปัญหาดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อการ “เลิกจ้าง” ครูในโรงเรียนเอกชนอีกด้วย
แต่ผลกระทบที่น่าจะรุนแรงที่สุดที่คาดการณ์คือ อาจถึงขั้นที่โรงเรียนเอกชนหลายแห่งต้องปิดตัวลง โดยเฉพาะโรงเรียนเอกชนขนาดเล็กที่สู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในต่างจังหวัด และในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นอกจากปัญหาเหล่านี้และเกิดศึก “ชิง” เด็ก ระหว่างโรงเรียนรัฐและโรงเรียนเอกชนแล้ว
สิ่งที่คาดไม่ถึงอีกประการคือ “ผู้บริหาร” โรงเรียน ถึงขั้น “ไม่มองหน้า” กัน
ทำให้บรรยากาศของความร่วมมือระหว่างโรงเรียนหดหาย ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอดีต
“นายณัฐวุฒิ ภารพบ” ผู้อำนวยการโรงเรียนอำมาตย์พิทยานุสรณ์ จ.นครศรีธรรมราช และนายกสมาคมการศึกษาเอกชนนครศรีธรรมราช ระบุว่า นักเรียนเอกชนถูกดูดไปจากโรงเรียนรัฐรอบด้าน จากนโยบายของ สพฐ. ผู้อำนวยการโรงเรียนเอกชนและผู้อำนวยการโรงเรียนรัฐใน จ.นครศรีธรรมราช ไม่มองหน้ากันแล้ว เพราะมัวแต่แย่งเด็กกัน ทำให้ขาดความสามัคคีในหมู่คณะ บรรยากาศความร่วมมือระหว่างโรงเรียนก็เสียหาย
“รัฐมนตรีว่าการ ศธ. และเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อเรื่องนี้เลย โรงเรียนเอกชนเป็นผู้ถูกกระทำมาตลอด แต่ขออย่างเดียวคืออย่าลิดรอนสิทธิโรงเรียนเอกชนมากเกินไป”
ทั้งนี้ สิ่งที่โรงเรียนเอกชนเรียกร้องเพื่อให้ผู้บริหาร ศธ. และ สช. แก้ปัญหาเบื้องต้นคือ อยากให้รัฐอุดหนุนเงินรายหัวค่าอาหารกลางวัน 100% เต็ม จากเดิมที่อุดหนุน 100% แค่ 4 แสนคน และอุดหนุน 28% อยู่ 1.6 ล้านคน
โดยเชื่อว่าโรงเรียนเอกชนจะพยุงตัวเองได้และลดภาระของผู้ปกครอง เพราะบางส่วนไม่มีกำลังจ่าย
คงต้องติดตามว่าการพบปะกันของ ส.ปส.กช. และสมาคมสภาการศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย กับ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อรับฟังปัญหาที่โรงเรียนเอกชนกำลังเผชิญอยู่
จะมีแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างไร!!
ในระดับอุดมศึกษา ใช่ว่าจะไร้ปัญหานิสิตนักศึกษาลดลง หรือไม่มีการแย่งชิงนิสิตนักศึกษาระหว่างมหาวิทยาลัยรัฐและมหาวิทยาลัยเอกชน
ซึ่งปีนี้ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ได้ปรับเปลี่ยนระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษามาเป็นระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา หรือทีแคส
โดยรวบรวมระบบการคัดเลือกรูปแบบต่างๆ ที่มีอยู่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นระบบรับตรง โควต้า การคัดเลือกนิสิตนักศึกษาของกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท) ระบบแอดมิสชั่นส์ เป็นต้น และจัดระเบียบใหม่ โดยแบ่งการคัดเลือกออกเป็น 5 รอบ
ซึ่งแต่ละรอบจะเปิดรับจำนวนมาก แต่จำนวนที่รับได้จริง กลับน้อยกว่าที่ประกาศไว้
ที่เห็นได้ชัดเจนคือทีแคส รอบที่ 3 ระบบรับตรงร่วม ที่ประกาศรับรวมกว่า 1 แสนที่นั่ง แต่มีผู้ยืนยันสิทธิทีแคสรอบ 3/1 และรอบ 3/2 รวม 5 หมื่นกว่าคนเท่านั้น
ขณะที่ทีแคสรอบที่ 4 ระบบแอดมิสชั่นส์ที่อยู่ระหว่างรับสมัคร มีจำนวนรับรวมกว่า 83,000 ที่นั่ง แต่มีผู้ลงทะเบียนสมัครเพียง 5 หมื่นกว่าราย ซึ่งไม่เต็มตามจำนวนที่ประกาศรับเช่นกัน
และคาดว่าทีแคสรอบสุดท้าย ในรอบที่ 5 สถาบันอุดมศึกษาน่าจะเปิดรับผู้ที่ยังไม่มีที่เรียนทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นก็น่าจะยังมีที่นั่งว่างในมหาวิทยาลัยเหลืออีกจำนวนมาก
เพราะเดิมมีนักเรียนที่จบชั้น ม.6 มากกว่า 1 ล้านคน ทำให้เกิดการแย่งที่นั่งในมหาวิทยาลัย
แต่เมื่อประชากรเกิดน้อยลง ปัจจุบันมีนักเรียนที่จบชั้น ม.6 ลดลงเหลือประมาณ 5 แสนคนเท่านั้น
ทำให้จำนวนผู้ที่เข้าสู่สถาบันอุดมศึกษาเหลือเพียง 3 แสนคน
สวนทางกับการขยายตัวของมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนที่เพิ่มมากขึ้น
ปฏิบัติการ “แย่ง” นักเรียนและนิสิตนักศึกษาจึงเกิดขึ้น!!
ปัญหาดังกล่าวส่งผลให้มหาวิทยาลัยเอกชนบางแห่งต้องปิดตัวหรือควบรวมกิจการเพื่อความอยู่รอด และดูเหมือนมหาวิทยาลัยรัฐเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
“นายพรชัย มงคลวนิช” อธิการบดีมหาวิทยาลัยสยาม ยอมรับว่าปัญหานักศึกษาลดลงเป็นเรื่องจริง วิธีที่ทำให้มหาวิทยาลัยเอกชนอยู่รอดได้คือต้องปรับหลักสูตรให้ทันสมัย หรือจะเพิ่มคุณค่าหลักสูตรอย่างไร เพราะนักศึกษาต้องการเรียนที่หลักสูตรที่แตกต่างกัน ดังนั้น จะปรับเพื่อสนองความต้องการของนักศึกษาอย่างไร
ซึ่งเป็น “โจทย์ใหญ่” ที่มหาวิทยาลัยเอกชนต้องหา “ทางออก” เพราะหากปรับตัวไม่ได้ ก็มีแนวโน้มสูงว่าอาจต้องปิดตัวลงเช่นกัน!!
โรงเรียนมากมายแต่คุณภาพการศึกษาต่ำลงทุกทีหมายความว่า??
23 มิ.ย. 2561 เวลา 12.22 น.
🌸pim🌸 หากรัฐต้องการลดภาระการขนย้ายคนมาเรียนในกทม. รัฐต้องบำรุงการศึกษาในตจว.ให้เท่าเทียมกันกับในกทม. รวมถึงสนับสนุนในเรื่องของไทย4.0ของรัฐ กระจายเทคโนโลยีเข้าสู่ตจว. พร้อมๆกับในรร.เพื่อสนับสนุนเด็กให้ก้าวหน้า เพื่อจะได้ไม่มุ่งมาหาความเจริญแต่ในเมือง
23 มิ.ย. 2561 เวลา 12.29 น.
คนน้อยลงโลกก็สวยงามขึ้น
23 มิ.ย. 2561 เวลา 12.25 น.
Zircon ไม่ควรขยายห้องเรียน 40 คน ครูดูแลไม่ไหวหรอก
23 มิ.ย. 2561 เวลา 12.18 น.
B.Bank ก็เศษรฐกิจไม่ดี กิจกรรมใน Be.. T... ก็เยอะ เลยไม่มีลูกันไง
23 มิ.ย. 2561 เวลา 12.04 น.
ดูทั้งหมด