ถ้ามนุษย์ต้องย้ายไปอยู่ดาวอังคารจริง เราจะรอดมั้ย? ที่นั่นมีพายุยักษ์ขนาด 1 ใน 4 ของโลก!
วันที่ 31 ก.ค.61 ที่จะถึงนี้ ดาวอังคารกับโลกของเราจะเข้าใกล้กันที่สุดในรอบ 15 ปี สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าชัดเจน ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้สนใจที่จะได้ชมดาวเคราะห์สีแดงดวงนี้ แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ขณะนี้บนดาวอังคารกลับมีปรากฏการณ์สุดขั้วเกิดขึ้นมา นั่นคือพายุฝุ่นทรายขนาดใหญ่โตมโหฬารเกือบเท่าดาวทั้งดวง บดบังท้องฟ้าจนมืดมิด
(ภาพแสดงให้เห็นว่าดวงอาทิตย์ค่อยๆเลือนหายไปใต้พายุฝั่นยักษ์จนดูเหมือนเวลากลางคืน)
พายุปีศาจลูกนี้เริ่มก่อตัวเมื่อวันที่ 30 พ.ค.ในบริเวณไม่ไกลจากจุดที่ยาน "โรเวอร์ออพพอทูนิตี้" ของ NASA กำลังทำงานอยู่ ยานสำรวจอายุกว่า 15 ปีลำนี้มีความอ่อนไหวต่อระดับแสงสว่างมากเพราะใช้พลังงานจากแผงเซลสุริยะ เมื่อพายุฝุ่นเริ่มเข้าปกคลุมแสงแดดก็เริ่มสลัวลง ระดับพลังงานของยานออพพอทูนิตี้ก็ลดลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อล่วงมาถึงวันที่ 12 มิ.ย. พายุฝุ่นได้ขยายขนาดกินพื้นที่กว้างถึง 35 ล้านตารางกิโลเมตร หรือ 1 ใน 4 ของพื้นผิวดาวอังคาร(ลองนึกภาพขนาดคร่าวๆ ก็ประมาณ 1 ใน 4 ของโลกที่เราอาศัยอยู่) ปกปิดท้องฟ้าจนมืดมิด เมื่อแสงอาทิตย์ส่องลงมาไม่ถึงพื้น ยานออพพอทูนิตี้ก็ขาดการติดต่อกับทีมงานที่โลกอย่างสิ้นเชิง
NASA ยังหวังว่าระบบ AI ของออพพอทูนิตี้ จะสั่งให้ยานเข้าสู่โหมดการหลับลึกก่อนพลังงานหมด เพื่อให้มีพลังงานเหลือพอจะกู้ยานลำนี้คืนหลังจากพายุฝุ่นยักษ์ผ่านพ้นไป
แต่พายุฝุ่นปีศาจยังคงขยายตัวไม่หยุด จวบจนย่างเข้าวันที่ 24 มิ.ย.มันก็ขยายขนาดครอบคลุมดาวอังคารทั้งดวง ยานโรเวอร์อีกลำของ NASA นั่นคือยาน "คิวริออซิตี้" ซึ่งประจำการอยู่อีกฟากฝั่งของดาว ได้มองเห็นและได้รายงานผลการสังเกตพายุนี้กลับมาที่โลก โชคดีที่ยานคิวริออซิตี้ทำงานด้วยพลังงานนิวเคลียร์ มันจึงรอดพ้นจากมหันตภัยพายุปีศาจที่ดับดวงตะวันครั้งนี้ และคอยส่งข้อมูลกลับมาโลกเป็นระยะ
เวลานี้หากใครมีกล้องโทรทรรศน์ส่องไปที่ดาวอังคารท่านจะเห็นเหมือนภาพบนด้านขวา นั่นคือไม่มีรายละเอียดของพื้นผิวดาวดังที่จะเห็นตามปกติในภาพบนด้านซ้าย เนืองจากถูกพายุฝุ่นยักษ์กลืนกินดาวไปทั่วทั้งดวง และก็ยังไม่มีทีท่าจะสลายไปง่ายๆ แต่ก็มีข้อดีคือดาวอังคารในปีนี้จะสว่างกว่าปกติทำให้มองเห็นด้วยตาเปล่าได้ง่ายในยามค่ำคืนเนื่องจากฝุ่นที่ปกคลุมดาวจะสะท้อนแสงอาทิตย์มาเข้าตาเราจนดาวอังคารดูสวยงามสุกใสโดยเฉพาะช่วงปลายเดือน ก.ค.ซึ่งเป็นช่วงที่ดาวอังคารและโลกโคจรเข้าใกล้กันดังที่กล้าวไว้ข้างต้น
พายุฝุ่นยักษ์นี้จะส่งผลต่ออาณานิคมของมนุษย์ในอนาคตที่จะย้ายไปตั้งอยู่บนดาวอังคารไม่ต่างจากชะตากรรมของยานออพพอทูนิตี้ที่เกิดอยู่ ณ ขณะนี้
กล่าวคือเมื่อพายุฝุ่นยักษ์ปกคลุมดาวจนเหมือนตกอยู่ในช่วงเวลากลางคืนอันยาวนาน พลังงานไฟฟ้าที่จำเป็นในการผลิตอากาศสำหรับหายใจ และสร้างความร้อนให้แก่อาคารที่อยู่อาศัยบนดาวอังคารที่หนาวเย็นก็จะหมดไป นั่นคือภาวะอันตรายอย่งยิ่ง
และถึงแม้เราเลือกที่จะใช้พลังงานนิวเคลียร์เช่นเดียวกับที่ใช้ในยานคิวริออซิตี้ เหล่ามนุษย์ชาวดาวอังคารก็ต้องมาเสี่ยงกับรังสีที่อาจรั่วไหลออกมาจากแร่พลูโตเนียม -238 ในระบบผลิตไฟฟ้าอีก
ทีมงานบุกเบิกชุดแรกๆที่จะไปถึงดาวอังคารจึงต้องวางแผนรับมือพายุฝุ่นยักษ์นี้ให้ดีก่อนที่ชนรุ่นหลังจะตามไปตั้งรกราก เช่นอาจต้องสร้างแบตเตอรีเก็บไฟฟ้าขนาดใหญ่พอที่จะสำรองไฟฟ้าได้นานเป็นเดือนๆจนกว่าพายุจะผ่านพ้นไป มิเช่นนั้น เราอาจต้องพบกับหายนะที่แก้ไขไม่ได้
โดย Mr.Vop
Imung สวนตัวผมขออยู่ บนโลกดาวสีฟ้านี้เหละ. ถ้าโลกอยู่ไม่ได้เราก้จะไม่มีที่อยู่อีกแล้ว โลกนั้น พิเษศจน ไม่แน่นทั้งดาราจัก อาจมีเพียงเรา หรือถ้ามีที่อื่น เราก้คง ไปไม่ถึงเพราะความกวางของมัน. สิ่งที่ทำได้คือ เราจะต้องดูแลดาวดวงนี้. ให้อยู่นานที่สุด. มนุษย์กำเกิดบนโลก จะไม่มีที่ใด สบายกว่า บ้านเกิดเรา ดาวสีฟ้าดวงนี้อีกแล้ว
17 ก.ค. 2561 เวลา 13.11 น.
mom ให้พวกคนรวยๆเขาไปอยู่รวมๆกันเถอะที่ดาวอังคาร ไปล่าสัตว์ถ้ามีให้ล่านะ ไปตัดต้นไม้ ถ้ามีให้ตัดนะ ทำบ้านพักตากอากาศ ส่วนใหญ่คนรวยเห็นแก่ตัว ไม่รู้จักพอ แบ่งชนชั้น ดูถูก เหยียด เหลือไว้ในโลกพังๆ แค่คนจนก้อพอ เพราะคนจน ส่วนใหญ่ จะเห็นอกเห็นใจ กัน ช่วยเหลือเกื้อกูล แบ่งปันกัน ไม่ทำลายป่า เต็มที่ก้อ เก็บเห็ด ขุดแมงกิน เมื่อไร้คนรวย โลกก้อจะน่าอยู่ อุดมสมบูรณ์ขึ้นมาอีกครั้ง คนจนต้องช่วยกันปลูกป่า อยู่กับดินกินกับหญ้าตามประสาเรา
17 ก.ค. 2561 เวลา 13.34 น.
Ake ตายตั้งแต่ยังไม่ขึ้นยานแล้ว
17 ก.ค. 2561 เวลา 12.06 น.
Tassanee ก็ดีนะเผื่อจะได้มีพลังแบบจอห์น คาร์เตอร์
12 ก.ย 2561 เวลา 13.04 น.
supernote อยู่ได้สิ ผมจะขออาสาไปเป็นชุดแรก
23 ก.ค. 2561 เวลา 14.38 น.
ดูทั้งหมด