แดเนียล นิวแมน คอลัมนิสต์นิตยสารฟอร์บส์ นำเสนอแนวโน้มของเทรนด์ “Digital Transformation” ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2562
เขาระบุด้วยว่า Digital Transformation หรือ การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลนี้ ไม่ใช่แค่เพียงการเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเปลี่ยนแปลงองค์กรโดยรวม ทั้งเรื่องเทคโนโลยี ธุรกิจ และผู้คน
5จีพื้นฐานสู่ 5จีเคลื่อนที่
เรื่องที่สำคัญสำหรับ 5จี ในปีนี้ คือ การที่บิรษัทต่างๆ อย่าง ควอลคอมม์ อินเทล โนเกีย อิรีคิสัน ซัมซุง และหัวเว่ย ต่างเริ่มทดสอบระบบ 5 จี ทั้งยังอาจเห็นบริษัทใหม่ๆ อย่าง มิโมซา เน็ตเวิร์คส์ เปิดตัวระบบ 5จี ทั้งในพื้นที่เมือง และชนบท เปิดทางสำหรับผู้ให้บริการมือถืออย่าง เอทีที และเวอไรซอน เริ่มนำเสนอบริการใหม่ที่เร็วขึ้น และมีนวัตกรรมมากขึ้นสำหรับผู้ใช้มือถือ
*แชทบอทดีกว่าเดิม *
ที่ผ่านมา หลายคนคงจะมีประสบการณ์ที่ค่อนข้างสับสนกับแชทบอท แต่ข่าวดีสำหรับปีนี้คือ มีการเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีนี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องกระบวนการภาษาธรรมชาติ (เอ็นแอลพี) และการวิเคราะห์ความรู้สึก ซึ่งนักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่า เอ็นแแอลพีจะทำให้โฉมหน้าของอุตสาหกรรมบริการเปลี่ยนแปลงไปในแบบที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน
นอกจากความเป็นไปได้ที่จะเกิดการนำเสนอบริการต่างๆ โดยที่ไม่ต้องมีคนเข้ามาเกี่ยวข้องเลย เอ็นแอลพี ยังจะช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถวิเคราะห์ และพัฒนาบริการของตัวเองได้ โดยมีแนวโน้มว่าราว 40% ของธุรกิจขนาดใหญ่ ได้ใช้งาน หรือจะนำเอ็นแอลพีเข้ามาใช้งานปีนี้
คลาวด์เชื่อมต่อได้
ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ๆ อย่าง อเมซอน และอาลีบาบา จะพากันตอบสนองต่อเสียงเรียกร้อง นำเสนอบริการทางเลือกคลาวด์แบบส่วนตัว ที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากที่ต่างๆ มาไว้ในที่เดียวกัน
นอกจากนี้ เราอาจได้เห็นไมโครซอฟท์ และบริษัทเทคโนโลยีรายต่างๆ ที่ออกมาให้คำมั่นถึงการเชื่อมต่อบริการคลาวด์กันมากขึ้น ซึ่งคำว่า “Multicloud” จะกลายมาเป็นคำที่พูดถึงกันทั่วไป ในบทสนทนาที่เกี่ยวกับระบบคลาวด์
เดินหน้าศึกษาบล็อกเชน
เราเริ่มตระหนักมากขึ้นถึงความยุ่งยากในการนำบล็อกเชนเข้ามาใช้ แต่นักพัฒนาจำนวนมากยังเดินหน้าทำงานเพื่อค้นหาศักยภาพของบล็อกเชน ที่นอกเหนือจากเรื่องเงินดิจิทัล
หนทางเดียวที่จะทำให้เกิดการยอมรับบล็อกเชน คือ การสร้างเวอร์ชัน plug and play ที่ทุกคนสามารถใช้งานและเข้าใจได้ โดยบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่างไอบีเอ็ม ยังคงเดินหน้าค้นหาศักยภาพของบล็อกเชนสำหรับแอพพลิเคชันต่างๆ ที่นอกเหนือจากเรื่องเงินดิจิทัล
แม้กระทั่งอุตสาหกรรมการเงินเอง ก็ยังจับตามองเทคโนโลยีนี้อย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกับผู้พัฒนาแอพพลิเคชันสำหรับการขนส่งสินค้า และบริการต่างๆ
ในปีนี้ มีแนวโน้มว่า นักพัฒนาจะยังเดินหน้าทำงานเพื่อค้นหาศักยภาพบล็อกเชนต่อไป แต่มีความเป็นไปได้ว่าอาจต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปี ก่อนที่จะเริ่มเห็นผลในเรื่องนี้
จากข้อมูลสู่เอไอ
มีการนำข้อมูลเข้ามาใช้ในการวิเคราะห์เพื่อธุรกิจมากขึ้น ต่อเนื่องไปจนถึงการเพิ่มความสามารถของแมชชีน เลิร์นนิง และเอไอ โดยดาต้ากลายมาเป็นกุญแจสำคัญสำหรับบริษัทต่างๆ ที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ บริการ พนักงาน กลยุทธ์ และเรื่องอื่นๆ ได้ดีขึ้น
ผลวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า เมื่อปีที่แล้ว มีการใช้ดาต้าไปเพียง 1% ของดาต้าที่ถูกสร้างขึ้นทั้งหมด ซึ่งในปีนี้ เราอาจได้เห็นบรรดาผู้นำด้านดิจิทัล ลงทุนมากขึ้นในเรื่องดาต้าที่มีอยู่ในมือทั้งหมด และเรื่องนี้จะทำสำเร็จได้ด้วยการนำเทคโนโลยีแมชชีน เลิร์นนิ่ง และปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เข้ามาใช้
ธุรกิจทำจีดีพีอาร์เพิ่ม
ภาคธุรกิจมีแนวโน้มที่จะโดนบีบให้ดำเนินการปกป้องข้อมูลของลูกค้ามากขึ้น เพื่อแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจ และความจริงใจที่มีต่อผู้บริโภค โดยในปีที่แล้ว ยังมีบริษัทอีกจำนวนมาก ที่ยังไม่มีการปรับการดำเนินงานให้สอดคล้องกับข้อบังคับปกป้องข้อมูลทั่วไป (จีดีพีอาร์) ของยุโรป ที่มีเป้าหมายเพื่อปกป้องข้อมูลของผู้ใช้งาน
อันที่จริงแล้ว ในขณะนี้ ยังมีเว็บไซต์ข่าวสหรัฐราว 1,000 ราย ที่ไม่สามารถใช้งานได้ในยุโรป เพราะไม่ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องจีดีพีอาร์ เรื่องนี้จะทำให้ บรรดาผู้บริโภคที่ได้รับรู้เรื่องราว เริ่มมองเห็นว่า บริษัทรายใดที่ให้ความใส่ใจเกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลของพวกเขาอย่างแท้จริง
จีดีพีอาร์กำลังเริ่มกลายเป็นเทรนด์โลกมากขึ้น และจะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทต่างๆ ในเรื่องที่พวกเขาปฏิบัติต่อการรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคลของลูกค้า
มุ่งหน้าใช้เออาร์
เทคโนโลยี Augmented Reality หรือ เออาร์ จะพิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์ สามารถนำเข้ามาใช้กับภาคธุรกิจได้ในหลายด้าน โดยเฉพาะการฝึกอบรมพนักงานของบริษัท ซึ่งหมายความว่าเทคโนโลยีนี้ ไม่ได้มีแต่ความเท่เท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์อีกด้วย
ในปีนี้มีแนวโน้มว่า เออาร์จะถูกพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว อาจจะมีเทคโนโลยีเออาร์แบบใหม่ หรือแบบที่นำเทคโนโลยีเข้าไปรวมเข้าไว้กับผลิตภัณฑ์จริงเกิดขึ้น
‘เอดจ์-ไอโอที’ มาแรง
กระแสเมืองอัจฉริยะ และรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติที่กำลังมาแรง ทำให้แทบไม่มีโอกาสเลยที่จะใช้กระบวนการของข้อมูลเฉพาะบนคลาวด์เท่านั้น ซึ่งหมายความถึง การที่จะต้องมุ่งหน้าไปสู่เทคโนโลยีเอดจ์มากขึ้น เพราะการวิเคราะห์ และข้อมูลจะไม่ได้เป็นแค่การรวบรวมสำหรับการสร้างกระบวนการเท่านั้น แต่จะกลายเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องนำเทคโนโลยีเอดจ์เข้ามาสนับสนุน อันจะทำให้เทคโนโลยีเอดจ์ และอินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ หรือไอโอที ที่จำเป็นสำหรับการเชื่อมโยงข้อมูลเข้าด้วยกัน ถูกนำเข้ามาใช้งานมากขึ้น เพื่อการประมวลใช้ข้อมูลให้เกิดประโยชน์สูงสุด
บริการไอทีตามการใช้จริงคว้าแชมป์
พวกเขามีความสนใจ ที่จะสร้างการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และมีความยืดหยุ่นกับปริมาณงาน ทั้งยังต้องมีในการเพิ่ม และลดขนาดตามความต้องการทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหมายความถึงแนวคิดที่ว่าทุกสิ่ง และทุกอย่างคือบริการ จะเป็นที่ต้องการอย่างมาก และการบริการตามความต้องการที่เติบโตขึ้นอย่างมาก ทำให้บริษัทต่างๆ มีความซับซ้อนมากขึ้น ในการเลือกใช้บริการไอที เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของตัวเอง
ซีอีโอยังคุมทุกอย่าง
แม้ผลการศึกษาจำนวนมาก จะแสดงให้เห็นว่า พนักงานต่างต้องการที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลเริ่มต้นจากด้านบนสุดขององค์กร และแนวโน้มยังคงแสดงให้เห็นว่า งานในด้านนี้จะถูกมอบหมายให้แผนกไอที การตลาด หรือแผนกทรัพยากรบุคคลเป็นหลัก
แต่ในปีนี้ ซีอีโอจะต้องก้าวเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เริ่มตระหนักว่า การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลไม่ได้จะเกิดขึ้นกับทุกที่ พวกเขาจะต้องให้ความสำคัญกับการจ้างงานเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลมากขึ้น โดยตระหนักถึงลักษณะสำคัญของการสร้างวัฒนธรรมที่มีความยืดหยุ่น และความคล่องตัว เรียนรู้ที่จะเชื่อถือข้อมูลได้มากกว่าเดิม
