สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ว่านายลู่ คัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในช่วงหนึ่งของการแถลงเมื่อวันศุกร์ ว่ามี "นักการเมืองอเมริกันบางคน" ยังไม่ยุติสร้างข่าวและแพร่กระจายข้อมูลอันเป็นเท็จ ที่มาจากการสันนิษฐานและเชื่อมโยงเพียงฝ่ายเดียวโดยปราศจากหลักฐาน เพื่อชี้นำให้ประชาชนในประเทศมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนตามไปด้วย ขณะที่บทบรรณาธิการของไชนา เดลี ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระบุว่าการที่รัฐบาลวอชิงตัน "แสดงความวิตกกังวล" ต่อการที่รัฐบาลปักกิ่งอาจสอดแนมกิจการภายในของผ่านอุปกรณ์ของ "ฮิกวิชั่น" เป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองของสหรัฐ
บูทแสดงสินค้าของ "ฮิกวิชั่น" ที่งานนิทรรศการแห่งหนึ่งในเมืองเซี่ยงไฮ้
ทั้งนี้ ถ้อยแถลงของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนไม่ได้พาดพิงชื่อของบุคคลและชื่อของบริษัทแห่งใดโดยตรง แต่นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี ว่าหัวเว่ยเป็นบริษัทที่มี "ความสัมพันธ์ลึกซึ้งและแน่นแฟ้น" กับพรรคคอมมิวนิสต์จีน จากการที่นายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งหัวเว่ยนั้น เคยทำงานให้กับกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ( พีแอลเอ ) มาก่อน เพราะฉะนั้นจึงเป็นไปได้ยากมากที่รัฐบาลปักกิ่งจะไม่ได้กำลังครอบงำหัวเว่ยตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน ซึ่งประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องที่หัวเว่ยปฏิเสธมาตลอด
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวย้ำอีกว่าหัวเว่ยคือบริษัทข้ามชาติจากจีนที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของสหรัฐ จากจุดเริ่มต้นของบริษัทแห่งนี้ที่มาจาก "งานข่าวกรองและงานที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ" อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐกล่าวว่าโดยส่วนตัวเขามองการบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน "สามารถเป็นไปได้" หากมีการนำประเด็นเกี่ยวกับหัวเว่ยรวมอยู่ใน "การเจรจาต่อรอง" ครั้งต่อไป แต่ทรัมป์ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดว่าหมายถึงเรื่องอะไร
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนายเหริน เจิ้งเฟย เมื่อปี 2558
ด้านสำนักข่าวซินหัวไม่ได้เสนอรายงานตอบโต้ทรัมป์โดยตรง แต่กล่าวว่าทุกภาคส่วนในจีน "พร้อมเต็มที่" สำหรับ "สงครามการค้าที่ยืดเยื้อ" หลังประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวระหว่างลงพื้นที่ในมณฑลเจียงซี ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ว่า "การเดินทัพทางไกล" ( The Long March ) โดยกองทัพแดงแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนภายใต้การนำของประธานเหมา เจ๋อตง เริ่มต้นที่มณฑลเจียงซี กำลังพลเดินเท้าจากใต้ขึ้นเหนือเป็นระยะทางไกลมากกว่า 12,500 กิโลเมตร ผ่านพื้นที่ทุรกันดารตลอดเส้นทาง และใช้เวลาเดินทางมากกว่า 1 ปี จนถึงมณฑลส่านซีที่อยู่ทางเหนือ ระหว่างนั้นมีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายและมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แต่กองทัพแดงสู้รบจนสามารถชนะกองทัพของนายเจียง ไคเช็กได้ในที่สุด.
เครดิตภาพ : AP,REUTERS
Nutto ナット ประเทศอัปรีย์จัญไรอย่างไอ้กัน คู่ควรที่จะมีผู้ปัญญาอ่อน บ้าคลั่ง
25 พ.ค. 2562 เวลา 03.11 น.
🌺🍏 APPLEGREENTEA 🍏🌺🍀 อย่าไปเชื่อมันหลายไอ่พวกหัวขาว มีเรื่องจะเล่าว่าอดีตดิฉันเคยมีแฟนคนจีนแผ่นดินใหญ่ ย้อนไปเมื่อ7ปีได้ อดีตสามีเจอตำรวจีนเรียกพบ มีหมายเรียก สามีต้องไปพบ ทางการจีนแจ้งว่าเบอร์โทรของสามีเป็นสายให้เมกา ซึ่งไม่ใช่เลย เมกามันเจาะเข้ามาส่องเอง รู้หมดว่าเราทำอะไรคุยอะไรกัน สิ่งที่อยากบอกคือเมกานั่นแหละที่ชอบเจาะส่องชาวบ้าน เลยคิดแต่ว่าคนอื่นจะเป็นแบบมัน
25 พ.ค. 2562 เวลา 03.20 น.
Nuachai เหมือนกับที่ลิเบีย อิรัก อิหร่าน ตุรกีและอีกหลายประเทศที่โดนมันยัดข้อหาเหล่านี้แล้วใช้สิทธิ์ตำรวจโลกเข้าไปจัดการทำลายประเทศเหล่านี้จนบรรลัยฉิบหายหมดสิ้น ดูถูกทุกประเทศ มันดีอยู่ประเทศเดียว
25 พ.ค. 2562 เวลา 03.39 น.
สงสัยจะมีสงครามโลกครั้งที่3
25 พ.ค. 2562 เวลา 03.31 น.
TinyXin นักข่าว
คำว่า "ปูดข่าว" มันไม่ใช่ว่า "เปิดเผยเรื่องจริงที่เป็นความลับ" เหรอ
ถ้าเป็นข่าวเท็จ ทำไมไม่ "กุข่าวเท็จ"ละ
หรือว่าผมเข้าใจผิด
25 พ.ค. 2562 เวลา 03.59 น.
ดูทั้งหมด