ไลฟ์สไตล์

เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย...ทำไมต้อง ‘อันเฟรนด์’

Rabbit Today
อัพเดต 19 ก.ค. 2562 เวลา 11.27 น. • เผยแพร่ 19 ก.ค. 2562 เวลา 11.27 น. • อังศุมาลิน

ในชีวิตจริง การจะตัดความสัมพันธ์กับใครสักคนนั้นไม่ง่าย อยู่ๆ จะเดินไปบอกเพื่อนว่า “เราเลิกคบกันเถอะ” ก็คงไม่จบเพียงเท่านั้นแน่

ในโลกออนไลน์ การเลิกเป็นเพื่อน หรือ ‘อันเฟรนด์’ กลับง่ายเพียงปลายนิ้ว มีหลายบทความเสนอทางออกให้เรา ‘อันฟอลโลว์’ แทน เพื่อความประนีประนอม แต่บางครั้งคอมเมนต์ของเขาก็ยังโผล่ขึ้นมาในโพสต์เพื่อนๆ ของคุณ หรือบางคราวเฟซบุ๊กก็ ‘แสนรู้’ โชว์ให้เราเห็นว่าเขาไปกดไลค์อะไรบ้าง ฟางเส้นสุดท้ายก็เลยขาดผึง อันเฟรนด์เสียเลยดีกว่า (และอาจจะลามไปถึงการบล็อก)

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

สาเหตุที่คนถูกอันเฟรนด์ในเฟซบุ๊ก ส่วนใหญ่มักมาจากเรื่องการเมือง ศาสนา และทัศนคติต่อเรื่องบางอย่าง ที่เราเห็นแล้วอาจจะรู้สึกขัดตา ขัดใจ เพื่อนบางคนก็ชอบโพสต์ขายของ ฝากร้าน บ่นพร่ำเพ้อ มโนต่างๆ นานา หรือบางครั้งเราก็แค่ต้องการเคลียร์ลิสต์เพื่อนให้เหลือเฉพาะคนสนิทจริงๆ เท่านั้น แต่ก่อนที่จะตัดสินใจอันเฟรนด์ใครสักคน ควรแน่ใจว่าระหว่างเราและเขาจะไม่โคจรมาเจอกันอีก ไม่อย่างนั้นอาจเกิดอาการเลิกลั่กอิหลักอิเหลื่อเมื่อต้องทำงานร่วมกัน 

หากคุณและเขารู้จักกันในชีวิตจริง เมื่อต้องเจอหน้า เขาอาจจะมีคำถามว่า “ทำไมต้องอันเฟรนด์กันด้วย?” คุณสามารถอธิบายได้ตามตรงว่า “นี่คือพื้นที่ส่วนตัวที่เราจะทำอะไรก็ได้ เราอาจจะมีทัศนคติบางอย่างไม่ตรงกัน เพราะฉะนั้นทางใครทางมันจะดีกว่า แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ในชีวิตจริงนะ” ฟังแล้วอาจจะเคืองๆ บ้าง แต่ถ้าเขาเปิดใจมากพอก็ย่อมเข้าใจ

แต่อยู่มาวันหนึ่ง คุณกำลังนั่งไถเฟซบุ๊ก พลางนึกขึ้นมาได้ว่า “คิดถึงเพื่อนคนนั้นจังเลย ไม่ได้คุยกันตั้งนาน ไหนเข้าไปส่องสิว่าชีวิตเขาเป็นอย่างไรบ้าง” แต่พอเข้าไปดูที่หน้าเฟซบุ๊กของเพื่อนคนนั้น ปรากฏว่าคุณและเขาไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกต่อไปแล้ว สถานะคุณกลับกลายเป็นคนที่ถูกอันเฟรนด์ แต่อย่าเพิ่งโวยวายตีอกชกหัว มันก็เหมือนกับที่คุณอันเฟรนด์เพื่อนนั่นแหละ เจ้าของเฟซบุ๊กเขาต้องมีเหตุผลไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

การถูกอันเฟรนด์ในเฟซบุ๊ก สามารถเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนว่าเราถูกตัดออกจากโลก (ออนไลน์) ของเขา นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คนที่หลุดออกจากวงโคจรมักรู้สึกแย่ แต่ลองคิดอีกแง่หนึ่งว่า ในเมื่อเราและเขามีความคิดเห็นหรือทัศนคติบางอย่างที่ไม่ตรงกัน แล้วจะทนเห็นโพสต์ให้ตำตาอยู่ทำไม ต่างคนต่างอยู่น่าจะดีกว่า หลังจากนี้ก่อนจะรับใครเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กควรพิจารณาให้ดีๆ จะได้ไม่ต้องลำบากใจภายหลัง

ความจริงแล้วโลกออนไลน์ และโลกแห่งความเป็นจริงสามารถแยกออกจากกันได้ พ่อแม่บางคนก็เข้าใจเมื่อลูกกดปุ่มอันเฟรนด์ตัวเอง มีเพื่อนรักหลายคู่ที่อันเฟรนด์กันในเฟซบุ๊ก แต่ก็ยังนัดเจอพูดคุยกันได้ตามปกติ เราเจอกันในชีวิตประจำวันก็มากพอแล้ว บางครั้งก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวบนโลกออนไลน์บ้าง 

อย่าลืมว่า อันเฟรนด์ในโซเชียลฯ ไม่ได้แปลว่าต้องอันเฟรนด์ในชีวิตจริงค่ะ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 8
  • social network มันเป็นสิ่งสมมุติ หากคุณต้องการเพื่อน แล้วเพื่อนนั่ง grab หรือขับรถ มาหาคุณที่บ้าน ที่ทำงาน ซื้อขนมมาฝาก ซื้อเบียร์มาฝาก นั่งคุยกับคุณรับฟังคุณ ช่วยให้กำลังใจคุณ ช่วยแก้ปัญหาช่วยหาทางออกให้กับคุณ อันนั้นมันเป็นมิตรภาพที่ยั่งยืนและจับต้องได้มากกว่าโลกสมมุติทาง internet
    19 ก.ค. 2562 เวลา 12.24 น.
  • Pui 💪459
    อันเฟรนทั้งในโซเชียลและชีวิตจริง ทุกวันนี้ทำงานก็ไม่ได้ทำงานที่เดียวกับเพื่อนที่เรียน ๆ กันมา เจอสังคมใหม่ งานเยอะ ชีวิตหมดไปกับการเดินทางไปทำงาน เหนื่อยงานกลับบ้านนอน หมดวันละ การที่อันเฟรนบางทีไลฟ์สไตล์เราไม่เหมือนกัน แล้วมนุษย์เพื่อนหลาย ๆ คนตอนที่ไม่มีธุระอะไรก็ไม่เคยมีการถามไถ่ แต่พอจะแต่งงานจะบวชจะมีลูกถึงได้เห็นหัวเรา พอเจอบ่อยๆ ก็มาคิดละว่า “เพื่อน” แบบนี้ไม่น่ามีอยู่ในชีวิตเราแล้วเปล่าก็เลยต้องอันเฟรนไป
    19 ก.ค. 2562 เวลา 15.27 น.
  • supe®model
    เพื่อนในline ที่คุยทุกวัน ไม่ได้เป็นเพื่อนใน fb ส่วนมากที่เล่น fb เพราะอยากอ่านข่าวสาร เรื่องทั่วไป
    19 ก.ค. 2562 เวลา 14.40 น.
  • ก็มันมีแค่ปุ่มถูกใจกะไม่ถูกใจนี่คะ บางครั้งเราอยากคุย คนอื่นไม่อยากคุยด้วย เดี๋ยวจะลำบากใจกับป่าวๆค่ะ🤔🤔🤔
    19 ก.ค. 2562 เวลา 15.12 น.
  • แล้วคนเราเป็นสามีกันนอนยุ่ด้วยกันทะเลาะกันทำไหมต้องเอาไปพูดด้วยบางทีตัวเราก็ไม่ดีแต่เราก๋ไม่เคยพูดสิ่งทีไม่ดีให่เพิลฟังคนเรานะเป็นสามีกันและกันไม่สมควรใช่ไหม
    19 ก.ค. 2562 เวลา 15.41 น.
ดูทั้งหมด