คนร.เดินหน้าควบรวม “ทีโอที-แคท” นายกฯปักธง “มิถุนา” กดปุ่มเปิดป้าย “บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ” รอแค่อัยการสูงสุดฟันธงข้อพิพาท AC 3.4 แสนล้าน ชงเข้า ครม.ได้ทันที เตรียมเร่งจ้างที่ปรึกษาสางปมบุคลากร-โมเดลธุรกิจ-ทรัพย์สิน
นายมนต์ชัย หนูสง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีโอที เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เมื่อ 17 ม.ค. 2562 เห็นชอบการควบรวม บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท โทรคมนาคม (แคท) ตั้งเป็นบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (NT) แต่ยังมีประเด็นด้านกฎหมายที่ต้องรอความเห็นอัยการสูงสุดก่อนส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ
“ที่ประชุมกังวลผลกระทบเรื่องข้อพิพาทต่าง ๆ หากควบรวม จึงควรเคลียร์ให้ชัดก่อน อย่างคดีค่าเชื่อมโยงโครงข่าย (แอ็กเซสชาร์จ) มูลค่ากว่า 3.4 แสนล้านบาท ยังอยู่ที่ศาลปกครอง จึงต้องรอความเห็นอัยการสูงสุด”
จากนี้จะรอให้ทางกรมบัญชีกลางอนุมัติการจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อวิเคราะห์โครงสร้างองค์กร บริหารทรัพย์สิน และการแก้ปัญหาบุคลากร ก่อนจะเข้าสู่การควบรวมกิจการและจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ ซึ่งมีขั้นตอนทางกฎหมายหลายส่วน อาทิ การแจ้งให้เจ้าหนี้และลูกหนี้ของทั้งทีโอทีและแคท รับทราบถึงการจะควบรวมกิจการและให้เวลาในการยื่นเรื่องคัดค้านตามกฎหมายได้ภายใน 60 วัน เช่น สถาบันการเงินที่ให้เงินกู้โครงการขยายโครงข่ายทีโอที 3G บริษัทร่วมลงทุนในโครงการเคเบิลใต้น้ำเชื่อมต่อระหว่างประเทศ
“ในที่ประชุม คนร. นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นประธาน ระบุให้ตั้ง NT ให้เสร็จภายใน มิ.ย.นี้ เร็วกว่าแผนเดิมที่จะตั้งเดือน ก.ค. เพื่อให้เสร็จทันรัฐบาลชุดนี้ ฉะนั้น การทำงานของที่ปรึกษาต่าง ๆ ก็ต้องเสร็จให้ทัน มิ.ย. พนักงานควรจะเริ่มในโครงสร้างใหม่ได้ คือ ให้เหลือบริษัทเดียวทันที แต่ในช่วงแรกยังทำงานแยกส่วนไปก่อนแล้วค่อย ๆ รวมไปทีละส่วนซึ่งมองว่าคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีก 2-3 ปี กว่าจะรวมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่”
เนื่องจากทั้ง 2 องค์กรมีวัฒนธรรมองค์กรต่างกัน รูปแบบการทำงาน แม้แต่เวลาในการทำงานของพนักงาน 2 องค์กรต่อวันก็ไม่เท่ากัน ซึ่งจะกลายเป็นประเด็นเกี่ยวกับสภาพการทำงานที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญ เพื่อขวัญกำลังใจของคนทำงาน
“ในระหว่างงานนี้ต่าง ๆ ของทีโอทีที่วางแผนจะทำในปีนี้ ทั้งโครงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมในพื้นที่ EEC และอินฟราสตรักเจอร์ 5G เพื่อให้โอเปอเรเตอร์อื่นมาใช้ร่วมกันก็เดินหน้าไปได้ต่อ ถือว่าทำควบคู่กันไปได้ ส่วนข้อพิพาทกับผู้รับสัมปทานก็จะพยายามเจรจา ถ้าส่วนไหนเจรจายุติได้ก่อนก็ยินดี อย่างเรื่องเสาโทรคมนาคม อุปกรณ์โครงข่ายน่าจะง่ายสุดในการหาข้อยุติ แต่ปัญหาการแก้ไขสัญญาสัมปทานกับเอไอเอส ครั้งที่ 6-7 ที่มูลค่ากว่า 6.2 หมื่นล้านบาท คงไม่เข้าไปแตะ รอศาลชี้จะดีกว่า”
ขณะที่ผลประกอบการปี 2561 ทีโอทีมีรายได้รวม 45,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.9% กำไรสุทธิอยู่ที่ 2,170 ล้านบาท พลิกจากปีก่อนที่ขาดทุน 4,300 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้ารายได้รวม 56,500 ล้านบาท มาจากสัญญาพันธมิตร 31,200 ล้านบาท และทีโอทีดำเนินงานเอง 25,300 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,400 ล้านบาท
ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat
หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!
กำพล จากยักษ์ใหญ่...
กลายเป็นคนแคระ
ทำงานแบบไร้ต้นทุนมานาน
พอถึงยุคแข่งขัน ก้เลยปรับตัวไม่ทัน
เพราะต้นทุนตัวเองสูงมากกกก
20 ม.ค. 2562 เวลา 02.02 น.
woot ผู้บริหารเก่าๆมันแดกไปเยอะแล้วทิ้งภาระให้คนรุ่น
หลัง55555
20 ม.ค. 2562 เวลา 03.11 น.
Arkom พนักงานทำงานเช้าชามเย็นชามเอารไปช้ส่วนตัวบ้างไรบ้างคราวนี้ล่ะมึงเอ้ยหึๆๆๆ
20 ม.ค. 2562 เวลา 02.56 น.
tam แดกกันซะ สบายทั้งโคตร
20 ม.ค. 2562 เวลา 03.15 น.
Ilovevoyagermountain รวมเป็นหนึ่งเดียวเพื่อให้ยังคงเป็นรัฐสาวิสาหกิจ ดีกว่าเอาสมบัติชาติไปแล่นแร่แปรธาตุเป็นบริษัทเอกชน แต่จะให้ดีที่สุด ทุกตำแหน่งทุกหน้าที่ โดยเฉพาะผู้มีอำนาจผู้บริหารทั้งหลาย ควรทำงานด้วยความตั้งใจและซื่อสัตย์ เพื่อประโยชน์สูงสุดขององค์กรและประเทศชาติ ไม่ใช่ทำแต่เพื่อตนเองและพวกพ้องของตนเอง เพราะถ้าองค์กรรอด ประเทศชาติรอด ประชาชนคนไทยทุกคนก็รอด
20 ม.ค. 2562 เวลา 09.22 น.
ดูทั้งหมด