ข้อมูลเบื้องต้น
หลี่เฟินเยว่ผู้เป็นนางร้ายเลือกทิ้งตัวร้ายไปมีชู้ เพราะความเหงาและโดดเดี่ยว ในท้ายสุดจึงถูกพระสวามีตัดศีรษะทิ้ง!
วิญญาณดวงหนึ่งในยุคปัจจุบัน จู่ ๆ ก็ข้ามมิติมาเป็นนางร้าย ฉากแรกที่ได้พบคือกำลังถูกชินอ๋องหน้าน้ำแข็งปรนเปรอจุดอ่อนไหวกลางกายสาวในคืนเข้าหอ…
โชคชะตาช่างเล่นตลก สวรรค์ส่งมาเอาตัวรอดในโลกนิยาย ห้ามตายจนกว่าเรื่องจะดำเนินจบ อยู่ในอุ้งมือตัวร้ายแบบนี้ หนทางเดียวคือเกี้ยวเขา ทำให้หลงจนหัวปักหัวปำ ตอนนั้นมาถึงเมื่อใด บอกซ้ายย่อมไปซ้าย บอกขวาย่อมไปขวาแล้ว!
นางร้ายพบเจอขนาด 56 1/2
ม่านหมอกหนาอาบย้อมทั่วบริเวณ ต้นไม้ใบหญ้าพลิ้วไหวเสมือนมีชีวิต สายลมโชยกระทบผิวกายให้พอรู้สึกหนาวเล็กน้อย ทว่ากลับถูกเสียงความร้อนแรงที่ดังออกมาจากเรือนพระชายาชินอ๋องกลบจนหมดสิ้น
องครักษ์ต่างก้มหน้า กอบกุมส่วนกลางกายที่กำลังปวดหนึบ เพราะยังเป็นเวลางานของพวกเขา
และเสียงแห่งความลามกก็ไม่มีท่าทีว่าจะเบาลงเลย…
“สะ…เสียว” หญิงสาวเปล่งเสียงร้องครางกระเส่า
ความรู้สึกที่กำลังพานพบยามนี้ไม่รู้ว่าคือความฝันหรือความจริงกันแน่ สาวโสดซิงกำลังจะมีค่ำคืนเร่าร้อนแล้ว ถูกปรนเปรอแบบนี้ดีไม่น้อย ปากของเขาครอบครองเต้าหู้นุ่มเต่งตึงพลางใช้ลิ้นเลียส่วยยอดถันชูชัน หมุนวนถี่รัวจนเกิดความซ่านเสียว
“พี่คะ แรงอีกค่ะ” เธอกดศีรษะเขากับทรวงอกนุ่ม เชิงบังคับให้ทำต่อไป
อา…ฟินจัง
ซ้ำกลางกายสาวยังมีน้ำหวานค่อย ๆ ไหลออกมาจนชื้นแฉะ บ่งบอกว่าพร้อมสำหรับครั้งแรกแล้ว
สาวโสดอยากมีค่ำคืนอันหอมหวาน ในที่สุดฝันก็จะเป็นจริง…
จู่ ๆ เขากลับหยุดการกระทำเอาไว้เพียงเท่านั้น เงยหน้าขึ้นมามองพลางขวมดคิ้วด้วยความสงสัย
ดวงตาพลันประสาน รอบข้างเงียบเชียบจนได้ยินเสียงลมหายใจอันสม่ำเสมอของอีกฝ่าย
ชายหนุ่มและหญิงสาวจ้องมองราวกับไม่เคยเห็นเห็นกันมาก่อน
สตรีใต้ร่างบุรุษกะพริบตาปริบ ๆ หลายครั้ง ตกตะลึงพรึงเพริดความหล่อเหลาคมคาย ทว่าแววตาตรงหน้านั้นยากจะคาดเดาว่ากำลังคิดสิ่งใด
ครั้นพอพินิจพิจารณาดี ๆ จึงได้รู้ว่าทรงผมของเขาผิดแปลกจากคนยุคสมัยใหม่มาก
“ฝันแน่ ๆ” เอ่ยพลางตบใบหน้าตนเองเพื่อเรียกสติให้รีบลืมตาตื่น
ทว่าตบเพียงครั้งเดียวก็ต้องร้องเสียงหลง “โอ๊ย”
แก้มซีกขวาถูกแรงตบเมื่อครู่พลันชา เจ็บแสบอย่างมาก ส่วนเขากำลังมองมา ยกยิ้มมุมปากไร้การเปล่งวาจา
“พี่คะ ที่นี่ที่ไหน” เอาเถอะ ไม่ถามเขาแล้วจะไปถามใคร
“เรือนนอน”
“…”
….ได้เรื่องมากจริง ๆ
หญิงสาวยังคงสับสนมึนงง แต่พยายามขยับลุกออกจากเตียงเพื่อเดินสำรวจสถานที่ โดยหลงลืมไปว่าขณะนี้ร่างกายเปลือยเปล่า ไร้อาภรณ์ปกปิดเรือนร่างอันเย้าย้วน
ยิ่งยามโฉมสะคราญย่างกาย…สายตาคมเข้มจับจ้องไม่วางตา…
เขามอง ‘พระชายา’ ที่ได้มาโดยไม่เต็มใจด้วยพักตร์ราบเรียบ
ยามนี้เห็นแผ่นหลังของนางไล่มาถึงเอวคอดกิ่วโค้งเว้าจนหยุดบริเวณสะโพกกลมกลึง พอนางหันข้างเผยให้เห็นยอดถันชูชันสีอ่อนบนเนินอวบอิ่มขาวปานหิมะ ชั่วขณะนั้นชินอ๋องพลันมีรอยยิ้มร้ายในดวงตาคม
นางเพิ่งแต่งเข้าจวนชินอ๋องวันนี้ ส่วนเมื่อครู่กำลังจะเข้าหอกัน แต่จู่ ๆ ก็มีคำพูดอันแปลกประหลาดออกมาจากริมฝีปากแดง
…เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำแอบแฝงแน่…
อันที่จริงไม่ได้คิดพิสวาท การร่วมหอเมื่อครู่เพื่ออยากสืบดูว่านางแอบซ่อนสิ่งใดไว้
หรือบางทีอาจคิดหาวิธีสังหารเขาอยู่กระมัง…
หญิงสาวเดินไปตามมุมต่าง ๆ ของเรือนนอน กวาดสายตามองข้าวของเครื่องใช้ไม่คุ้นตาด้วยความฉงน มันถูกประดับประดาตามแบบฉบับยุคโบราณ พอเห็นหน้าต่างและประตูไม้ก็ยิ่งแจ่มชัด
“ยุคโบราณ…” ทวนคำกับตนเอง ก่อนหันกลับไปมองชายหนุ่มบนเตียง ทว่าสิ่งแรกที่เห็นทำให้หญิงสาวเบิกตากว้างในทันที
ลำท่อนอวบอ้วนของเขาสะดุดตามากเหลือเกิน!
มันทั้งใหญ่และยาว มีเส้นเลือดปูนโปนโอบล้อม ส่วนปลายมีหัวบานหยักตั้งตระหง่าน คิดว่าหากนำมือไปกำคงไม่รอบ…
‘ประมาณห้าสิบหก’ คิดแล้วจึงกลืนน้ำลายลงคอคำหนึ่ง
ด้วยสายตาอันหวานเยิ้มของพระชายาที่ไม่ต้องการกำลังจับจ้องมองความเป็นบุรุษเพศ ชินอ๋องจึงขยับมือหนามาปิดบังเอาไว้
ใช้สายตาดุนางไปครั้งหนึ่ง
“เอาแต่มองของข้าอยู่ได้”
“….” หญิงสาวไม่ได้ตอบ แต่คิดในใจว่ามันใหญ่ขนาดนั้นไม่มองตรง ๆ ก็เห็นชัดเต็มสองตา
หวงมากก็ตัดทิ้งสิ!
“เห็นทีว่าการเข้าหอของเราวันนี้คงไม่ต้องแล้ว…”
“เข้าหอ…” ทวนคำด้วยอาการงุนงงสับสน ประติดประต่อเรื่องราวยังไม่ค่อยถูก
สาวโสดอยู่ดี ๆ ก็มีสามี ซ้ำยังเป็นยุคโบราณด้วย
นี่มันเรื่องอะไรกัน!
จะว่าไป…เมื่อวานเพิ่งขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ วิงวอนกับท่านเทพเรื่องเนื้อคู่
หรือว่าคนตรงหน้าจะเป็นคู่ชีวิต…
“เจ้าลืมเอาสมองมาด้วยหรือไร…”
หญิงสาวสบสายตาเขาโดยพลัน “นั่นปากเหรอ”
นางร้ายพบเจอขนาด 56 2/2
“หลี่เฟินเยว่ เจ้าคิดว่าเพราะได้รับการสนับสนุนจากเสด็จแม่จะทำให้ข้าไม่กล้าทำโทษเจ้าหรือ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบ
ถึงแม้ว่าแต่งงานกันแล้ว อย่างไรนางควรให้เกียรติกัน เขาเป็นถึงชินอ๋อง กิริยามารยาทนางยามนี้เรียกได้ว่าแปลกประหลาดนัก ราวกับไม่รู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควร ซ้ำท่าทียังดูผิดแปลกจากเดิม
“หลี่เฟินเยว่…” ชื่อนี้ช่างคุ้น เหมือนเพิ่งอ่านเจอมาจากไหน
หญิงสาวกำลังทบทวนเรื่องราว ทันใดนั้นก็มีเสียงมาจากด้านนอก “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ จับคนร้ายได้แล้ว ท่านอ๋องจะตัดสินโทษด้วยตนเองหรือไม่”
“ข้าจะตัดศีรษะมันด้วยตัวเอง” ชินอ๋องเอ่ยเสียงเรียบทว่าแฝงไอสังหาร ดวงหน้าหล่อเหลาไม่แสดงความรู้สึก
เขาไม่พูดอะไรกับพระชายาอีก คว้าอาภรณ์ขึ้นมาสวมใส่อย่างลวก ๆ ก้าวเท้าหนักออกไปทำเรื่องสำคัญในทันที
คนถูกเรียกว่าหลี่เฟินเยว่หยิบเสื้อผ้าที่หล่นกระจัดกระจายบนพื้นสวมใส่บนร่างกายให้เรียบร้อยแล้วนั่งลงบนขอบเตียงแล้วทบทวนเรื่องที่เกิดกับตนเอง ชั่วขณะนั้นดวงตาโตพลันเบิกกว้างเมื่อรู้ว่าชื่อนี้คือใคร
หลี่เฟินเย่วคือนางร้ายในนิยาย จุดจบของนางคือโดนพระสวามีซึ่งเป็นตัวร้ายตัดศีรษะทิ้งเพราะเลือกหนีไปอยู่กับชู้!
ยังไม่เคยเปิดนิยายอ่านสักบท แค่อ่านคำโปรยและรีวิวจากนักอ่านท่านอื่น ๆ ส่วนใหญ่ต่างสมน้ำหน้านางร้ายกันทั้งนั้น รวมถึงเข้าใจในการกระทำของตัวร้ายที่กระทำกับตัวละครอื่น แม้สุดท้ายจะพ่ายแพ้พระเอกซึ่งเป็นฮ่องเต้พระองค์ปัจจุบัน แต่ไม่ถูกดุด่าต่อว่าจากนักอ่าน ทุกคนต่างเห็นอกเห็นใจตัวร้ายกันทั้งนั้น
เรื่องนี้ทำให้คนยุคปัจจุบันที่เพิ่งถูกดูดเข้ามาขณะกำลังจะอ่านนิยาย คาดเดาว่าตัวร้ายอาจมีเหตุผลของการกระทำ เช่นนี้แล้วเขาอาจไม่ได้เลวร้ายอะไร
หญิงสาวเป็นพนักงานออฟฟิศ กินเงินเดือนน้อยนิดแต่ทำงานสารพัดอย่าง พอเลิกงาน กินข้าวอาบน้ำแล้วเสร็จจึงหาความบันเทิงให้ชีวิตบ้าง นั่นก็คือนอนอ่านนิยายจีนโบราณอย่างเหงา ๆ ในคอนโดขนาดเล็ก
อันที่จริงชีวิตนี้กังวลเรื่องของตัวเองเท่านั้น เนื่องด้วยบุพการีสิ้นชีพแล้ว ดังนั้นเป้าหมายจึงมีเพียงทำงานหาเงินไว้ใช้โดยไม่เดือดร้อนคนอื่น
ขณะคิ้วขมวดชนกัน ตรงหน้านางมีร่างโปร่งแสงของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า ตามมาน้ำเสียงแหบแห้งตามวัยชรา
“ข้าช่วยเจ้าได้เท่านี้จริง ๆ เนื้อคู่ของเจ้าคือตัวร้ายในนิยาย แต่ถึงยังไงก็ไม่ใช่โลกความจริง อย่าคิดเอาหัวใจทั้งดวงทุ่มเทลงไป สัมผัสความสุขชั่วครู่เท่านั้น เอาชีวิตรอดและห้ามตายจนกว่าจะจบเรื่อง เมื่อนั้นถึงจะกลับโลกเดิมได้”
เอ่ยเพียงเท่านี้ชายชราก็หายตัวไป ทิ้งให้หญิงสาวนั่งหมดเรี่ยวแรงตามลำพัง โลกยุคปัจจุบันการแข่งขันนับว่ามากแล้ว แต่ส่งมาถึงโลกนิยายยุคโบราณ! ซ้ำยังไม่ใช่นางเอกด้วย เป็นนางร้าย!
ตามความจริงนางเอกจะถูกบุรุษหลายคนเอ็นดูและพร้อมให้การช่วยเหลือทุกครั้ง แต่ผิดกับนางร้ายต้องเดินด้วยตัวเอง ไม่มีใครให้การสนับสนุนเพราะนิสัยอันร้ายกาจ ถูกมองว่าไม่น่ารักไปโดยปริยาย
แต่ใครจะรู้ว่าความจริงแล้วนางร้ายก็มีหัวใจ!
ถึงแม้ไม่ได้อ่านนิยายสักบท แต่ก็ยังพอได้ความทรงจำบางส่วนของหลี่เฟินเยว่ก่อนมาอยู่กับตัวร้าย
จากที่เคยอ่านความเห็นคนอ่านบางส่วน เหตุด้วยถูกพระสวามีเมินนั่นแหละ นางจึงแอบไปมีชู้เพราะความเหงาและโดดเดี่ยว มิเช่นนั้นคงต้องเหี่ยวเฉาในจวนชินอ๋องแล้ว
นางร้ายกับตัวร้ายไม่เคยเข้าหอกันจริง ๆ หรอก เรื่องก็ดำเนินแบบเมื่อครู่ เขาแค่อยากตรวจสอบว่าบนร่างกายนางซ่อนสิ่งอันตรายอะไรเอาไว้
ทว่าในเมื่อมันคือภารกิจที่ต้องทำก็ต้องเปลี่ยนแปลงเส้นเรื่องใหม่ ความเห็นนักอ่านบอกว่าเข้าใจตัวร้าย ดังนั้นการจะอยู่รอดจนจบจึงมีเพียงการเกี้ยวพระสวามี ทำให้เขาหลงรักหัวปรักหัวปรำ แค่นี้ต่อให้มีควาผิดก็ไม่กล้าฆ่าทิ้งแล้ว
“พระชายาเพคะ ท่านอ๋องกล่าวว่าคืนนี้จะไม่มาเรือนพระชายาอีก ขอให้พระชายานอนพักผ่อนได้เลยเพคะ” เสียงสาวรับใช้ดังมาจากด้านนอกเรียกสติหลี่เฟินเยว่ให้กลับคืนมา
ยามนี้ต้องย้ำเตือนตนเองว่าคือหลี่เฟินเยว่ สตรียุคโบราณที่ผู้คนต่างขนานนามว่าร้ายกาจ หากใครทำสิ่งใดไม่ให้พอใจก็จะสั่งลงโทษโดยไม่ไตร่ตรองหรือเอ่ยถามให้แน่ชัด
“ตอนนี้ท่านอ๋องอยู่ที่ไหน”
“เรือนท่านอ๋องเพคะ”
หลี่เฟินเยว่ยิ้มเบา ๆ ในเมื่อค่ำคืนนี้เพิ่งแต่งงานกัน ไม่เข้าหอคงไม่เหมาะสม หากบ่าวรับใช้นำเรื่องนี้ไปซุบซินนินทา เรื่องระหว่างพระชายากับชินอ๋องคงถูกนำไปพูดอย่างสนุกปากแน่
หญิงสาวอยู่ในชุดสีแดงมงคล เดินออกด้านนอกแล้วตรงไปยังเรือนนอนของพระสวามี ที่แห่งนี้ใหญ่โตโอ่อ่าสมเกียรติฐานะชินอ๋อง ไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้านความต้องการหลี่เฟินเยว่ เพราะได้ยินความร้ายกาจเลื่องชื่อของนาง
“ท่านอ๋องอยู่ส่วนใด” หลี่เฟินเย่วเอ่ยถามองครักษ์ชินอ๋อง
“อยู่ห้องอาบน้ำพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าจะเข้าไปปรนนิบัติพระสวามี พวกเจ้าไม่ต้องก่อกวน”
“กระหม่อมขอทูลท่านอ๋องก่อน” ทว่าองครักษ์ไม่ยอมง่าย ๆ ต่อให้สตรีตรงหน้าคือพระชายาชินอ๋องก็ตาม สมควรแจ้งผู้มีอำนาจในจวนก่อน
“อืม” หลี่เฟินเยว่เอ่ยพลางกอดอก นางก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาว่าเขาจะตอบกลับมาอย่างไร
“พระชายา เชิญด้านในพ่ะย่ะค่ะ” เพียงครู่เดียวองครักษ์ก็เดินกลับมาพร้อมกับผายมือเข้าไปในห้องอาบน้ำซึ่งแยกกับห้องนอน
หลี่เฟินเยว่เดินนวยนาดเข้าไปด้านใน แสงจากโคมไฟสีเหลืองนวลหลายอันส่องแสงสว่างจนทั่ว ในห้องอาบน้ำมีสระสี่เหลี่ยมตั้งอยู่ตรงกลาง ส่วนพระสวามีของนางนั่งแช่น้ำ สายตาคมกริบมองมายังนางเรียบเฉย ไม่เอ่ยสิ่งใด
ทว่าส่วนที่โผล่พ้นน้ำทำให้ดวงหน้างดงามเห่อร้อน แผงอกแกร่งกำยำ รวมถึงบาดแผลจากการสู้รบบนร่างกาย ลมหายใจพลันติดขัด พอเห็นหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อเรียงตัวสวยหัวใจยิ่งเต้นรัวดั่งตีกลอง
แต่ไม่ใช่เวลามาทำเหนียมอาย…
หญิงสาวสูดลมหายใจลึกเต็มปอด ก่อนก้าวเท้าลงไปในน้ำ ครั้นเข้าใกล้พระสวามีจึงยกสะโพกกลมกลึงนั่งลงบนตักแกร่งแล้วยื่นเขนคล้องคอเขาพลางช้อนตามองอย่างออดอ้อน
ทว่ากลางกายที่มีของใหญ่โตขนาดประมาณห้าสิบหกถูไปถูกมากับสะโพกนางยามนี้นี่สิคือปัญหา
หากเข้าหอกันจริง ๆ จะรับไหวได้ยังไง…
ชินอ๋องหน้าน้ำแข็ง 1/2
“เจ้าทำอะไร” ชินอ๋องเซียวลู่เสียนมองสตรีร่างอรชรดวงตาไร้แววใด พยายามแกะมือนางออกจากตน ทว่ามือของหลี่เฟินเยว่เหนียวหนึบยิ่ง นางช่างมีความพยายามสูงเสียจริง
หลี่เฟินเยว่ค่อย ๆ เผยรอยยิ้มบนดวงหน้าเกลี้ยงเกลา เลื่อนมือข้างขวาลูบตามผิวพระสวามีมาถึงแผงอกล่ำ ใช้นิ้วชี้เขี่ยยอดอกแกร่งวนไปมา ภาพตรงหน้าชัดเจนมาก เลือดกำเดาแทบจะไหลออกมาอยู่แล้ว
ถึงขนาดเห็นเส้นขนรอบหัวนมเขาด้วย…
เหตุไม่เคยใกล้ชิดบุรุษมากเท่านี้มาก่อน อุณหภูมิร่างกายถึงได้ร้อน แต่หากไม่ทำแบบนี้จะมีโอกาสอยู่รอดจนจบเรื่องได้อย่างไร
โชคดีที่เคยดูหนังโป๊และศึกษาเรื่องถุงยางมาบ้างจึงรู้ว่าขนาดของเขามันประมาณเท่าไหน ห้าสิบหกเรียกได้ว่าหากยากจริง ๆ
นางร้ายคนเดิมช่างไม่รู้จักความ!
มีของดี ใหญ่ยาว ตรงหน้าไม่รู้จักรักษา…
เซียวลู่เสียนก้มพักตร์หล่อเหลามองการกระทำของภรรยา ทว่าไม่แสดงความรู้สึกให้อีกฝ่ายเห็น เขาและนางแต่งงานกันเพราะสัญญาบางอย่าง มิใช่ความรักที่ก่อเกิดในหัวใจ ย่อมต้องระวังตัวเป็นอย่างมาก
หากนางคือคนที่พระมารดาส่งมาสืบความลับเล่า…
“หม่อมฉันทำถึงขั้นนี้…ท่านอ๋องไม่รู้สึกอะไรหรือเพคะ” หญิงสาวยิ้มน้อย ๆ มือยังคงลูบไล้บนแผงอกแกร่งกำยำของเขา ครั้นเห็นบาดแผลขนาดเล็กสลับใหญ่จากการสู้รบก็เผลอดึงมือกลับมา
“กลัวหรือ” เซียวลู่เสียนถามสั้น ๆ
หลี่เฟินเยว่จ้องดวงตาพระสวามี พักตร์หน้าอันหล่อเหลาราบเรียบ นางเดาไม่ออกกับความคิดในใจของเขาสักเรื่องเดียว
ชินอ๋องหน้าน้ำแข็ง…ชินอ๋องหน้าน้ำแข็ง
คอยดูเถิดว่านางจะจัดการเขายังไง
บางครั้งการตามเกี้ยวบุรุษเย็นชานับว่าท้าทายไม่น้อย หากสามารถพังธารน้ำแข็งลงมาได้ เมื่อนั้นชัยชนะย่อมรอตรงหน้า
“ไม่เพคะ หม่อมฉันแค่กลัวว่าท่านอ๋องจะเจ็บ” เอ่ยพลางยื่นมือไปลูบแผลเป็นตามร่างกายเขาเบา ๆ
“บาดแผลพวกนี้ไม่เจ็บหรอก หากเทียบกับ…” เซียวลู่เสียนกลืนคำพูดประโยคนั้นลงคอแล้วผินหน้าไปทางอื่น
หลี่เฟินเยว่เพิ่งแต่งเข้ามาเป็นพระชายา เรื่องราวของเขาไม่สมควรบอกกล่าวแก่นาง การอยู่ในจวนชินอ๋องแบบไม่รู้อะไรย่อมดีที่สุด
หลี่เฟินเยว่อยากเอ่ยถาม ทว่าเรื่องพวกนี้สมควรให้เขาเต็มใจกล่าวออกมาเองดีกว่า หากบีบบังคับจะยิ่งเกิดความไม่ประทับใจกับนาง
“เช่นนั้น หากท่านอ๋องชำระร่างกายแล้วเสร็จ หม่อมฉันทายาลดรอยแผลเป็นให้นะเพคะ” หญิงสาวฉีกยิ้มตาหยีให้เขา
“เจ้ารังเกียจ?” แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยสนใจทายาลดรอยบาดแผลพวกนี้อยู่แล้ว มันช่วยคอยย้ำเตือนว่าเกิดมาเพื่อสิ่งใด
“ไม่เพคะ หม่อมฉันเป็นห่วง”
“…” ชินอ๋องเซียวลู่เสียนจ้องลึกนัยน์ตาพระชายาที่เพิ่งเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินวันนี้อย่างไม่เข้าใจนัก
ท่าทางของนางผิดแปลกจากเสียงลืออันหนาหู ก่อนหน้านั้นได้ยินมาว่านางร้ายกาจ เอาความรู้สึกตัวเองเป็นที่ตั้ง ครั้นเปล่งวาจาห่วงใยกันออกมาเช่นนี้จึงแปลกใจไม่น้อย
“ข้าไม่ทา ส่วนเจ้า…ออกจากตัวข้าได้แล้ว และก็ออกจากเรือนของข้า…” ไม่พูดเพียงเท่านั้น เซียวลู่เสียนจับตัวหลี่เฟินเยว่ให้ออกจากตัวเขา
เพราะนางกำลังนั่งทับลำท่อนอวบอ้วนใหญ่โต สะโพกเบียดเสียดจนเอาอึดอัด อยากระเบิดบางสิ่งออกมา
“ค่ำคืนนี้หากหม่อมฉันกลับเรือนพระชายา คนอื่นต้องเอาไปนินทาแน่…” หลี่เฟินเยว่บ่นอุบ นางเพิ่งเข้ามาอยู่ในจวนชินอ๋อง หากกลายเป็นพระชายาที่พระสวามีไม่ต้องการ ไหนเลยจะได้รับความเคารพจากเหล่าบรรดาบ่าวรับใช้
“เจ้าเคยสนใจคำนินทาด้วยหรือ” ชินอ๋องเซียวลู่เสียนยกยิ้มมุมปาก
เมื่อวานเขาเห็นชัดเต็มสองตา ระหว่างนั่งรถม้าเดินทางมายังมืองหลวงนางได้นัดแนะกับใครเอาไว้
ทว่าหลี่เฟินเยว่มีเพียงความทรงจำร่างเดิมแค่บางอย่างเท่านั้น นางไม่รู้ว่าพระสวามีกำลังเอื้อนเอ่ยเรื่องใด เห็นทีต้องตามสืบความเป็นมาของตนเองให้รู้ความแล้ว
“อดีตหม่อมฉันไม่รู้ แต่ยามนี้สนใจเพคะ” หลี่เฟินเยว่ผู้นี้จะเป็นคนใหม่ ขอร้ายแบบมีสติ ใครมาดีย่อมดีตอบ ทว่าใครมาร้ายย่อมร้ายตอบ
“แต่ข้าไม่อยากนอนกับเจ้า…” เอ่ยแล้วก็ลุกพรวดพราดออกจากสระน้ำกลางห้อง
หยิบผ้าผืนสะอาดที่วางพาดบนฉากกั้นมาห่อหุ้มร่างกาย ก่อนจะเดินไปยังห้องนอนจากประตูที่เชื่อมถึงกัน
หลี่เฟินเยว่มองแผ่นหลังกว้างพระสวามี อย่างไรค่ำคืนนี้นางไม่ควรออกจากเรือนแห่งนี้จริง ๆ
สตรียุคใหม่จึงพาร่างนางร้ายลุกออกจากสระน้ำ กอดอกพลางทำท่าทางสั่นระริกเดินตรงไปยังห้องนอนชินอ๋อง
เซียวลู่เสียนเพิ่งสวมใส่อาภรณ์ชั้นกลางเรียบร้อย นั่งลงบนขอบเตียงเตรียมตัวเข้านอน ทว่าดวงตาคมกริบทอดมองไปยังสตรีร่างระหงที่เดินกอดตัวเองเข้ามา ริมฝีปากแดงสั่นระริก ทว่าแสงจากโคมไฟสาดส่องกระทบใบหน้านางกลับเพิ่มความงดงามขึ้นหลายส่วน