ต้องสูญเสียอีกเท่าไหร่! คนไทย“ไม่เคารพกฎจราจร” ผิดที่สำนึกคนหรือผิดที่อะไร?
อุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นข่าวที่เราพบเห็นอยู่บ่อย ๆ บนหน้าหนังสือพิมพ์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ซึ่งเป็นแบบนี้มานานหลายปีจนทุกวันนี้มันได้กลายเป็นสิ่งคุ้นชินเราไปเสียแล้ว ปฏิกิริยาของคนส่วนใหญ่ที่มีต่อข่าวพวกนี้คือ “อ๋อ” “อืม” แปลกแต่ว่ามันเป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ ทุกคนรู้ดีว่าอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น เหล่านี้เป็นปัญหา และทุกคนก็อยากแก้ปัญหาแต่เมื่อเวลาผ่านไป อุบัติเหตุบนท้องถนนกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ยิ่งข่าวล่าสุดที่มีมอเตอร์ไซค์ขับฝ่าไฟแดงแล้วไปชนเข้ากับเด็กนักเรียนที่กำลังเดินข้ามทางม้าลายจนเสียชีวิต ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้น การขับขี่โดย “ไร้การเคารพกฎจราจร” ทำให้อนาคตดี ๆ ของชาติต้องขาดหายไปเพียงเพราะการกระทำที่ขาดจิตสำนึกอย่างเลวร้ายของคน ๆ หนึ่ง
สาเหตุของปัญหาจริงๆมันคืออะไร? เราควรแก้ปัญหาอย่างไรถึงจะได้ผล?
แต่ที่มั่นใจก็คือปัญหาไม่ได้อยู่ที่กฎหมาย ประเทศไทยเรามีกฎหมาย พ.ร.บ. จราจร 2522 ของไทยนั้นมีข้อห้ามและบริหารจัดการจราจรแทบทุกอย่าง เรียกได้ว่าทัดเทียมกับประเทศศิวิไลซ์อื่น ๆ ได้เลย มีแม้กระทั่งรถต้องหยุดให้คนข้ามถนนตรงทางม้าลาย หากไม่ทำตามจะโดนปรับ 1,000 บาท แต่ในชีวิตจริงจะมีรถซักกี่คันที่หยุดตรงทางม้าลายให้คนข้าม! หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ตัวกฎหมายแต่เป็นการบังคับใช้กฎหมายต่างหากที่มีปัญหา
ภาพจาก posttoday.com
“แก้ไขไม่ได้หรอกเพราะปัญหามันอยู่ที่นิสัยของคนไทย”
หากใครกำลังคิดว่าปัญหาเหล่านี้มันไม่สามารถใช้กฎหมายบังคับแก้ไขได้หรอก เพราะมันอยู่ในดีเอ็นเอของคนไทยส่วนใหญ่ไปเสียแล้ว ลองไปดูสถานการณ์สมมติต่อไปนี้กันดูครับ
หลายคนคงเชื่อว่าปัญหาการไม่เคารพกฎจราจรเป็นที่ตัว “คน” พูดง่าย ๆ คือถ้าหากเอาคนที่ไม่เคารพกฎจราจรเหล่านี้ออกนอกประเทศให้หมด ประเทศไทยจะมีอุบัติเหตุบนท้องถนนลดลงหรือไม่มีเลย แต่มันจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือ?
สมมติว่ามีคนไทยคนหนึ่งอายุ 50 ปี ชื่อว่าสมหมาย ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาแล้ว 30 ปี ซึ่งตลอดเวลาที่สมหมายเป็นวินมอเตอร์ไซค์ สมหมายขี่ย้อนศรหรือขี่บนฟุตปาธมาโดยตลอด ต่อมาสมหมายสมัครล็อตโต้กรีนการ์ดของสหรัฐฯ แล้วดันได้รับเลือกให้ไปตั้งรกรากใหม่ที่สหรัฐฯ คำถามคือเมื่อสมหมายไปถึงสหรัฐฯและยังคงขี่มอเตอร์ไซค์อยู่ สมหมายจะยังคงขี่ย้อนศรหรือขี่บนฟุตปาธอยู่หรือไม่ เมื่อถามคำถามนี้กับคนรอบตัวแทบจะทุกคนตอบเหมือนกันว่าสมหมายจะไม่ขี่มอเตอร์ไซค์ย้อนศรหรือบนฟุตปาธอีกเมื่ออยู่ในประเทศสหรัฐฯ แล้วทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะ? ไหนว่าการไม่เคารพกฎจราจรมันอยู่ในดีเอ็นเอไง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงหากไปถึงสหรัฐฯ สมหมายก็ยังคงต้องขี่มอเตอร์ไซค์ย้อนศรหรือบนฟุตปาธสิ
คำตอบที่ชัดเจนก็คือปัญหาการไม่เคารพกฎจราจรของคนไทยที่นำไปสู่อุบัติเหตุบนท้องถนนนั้นเป็นที่ตัว “ระบบ” หรือปัญหาในเชิงโครงสร้างต่างหาก
แล้วการแก้ปัญหาที่ตัวระบบหรือโครงสร้างนั้นทำได้อย่างไรล่ะ?
ก็ต้องเริ่มต้นด้วยการเคารพในสิทธิและหน้าที่ของกันและกันและของตนเองด้วย โดยไม่เกี่ยงว่าใครจะยากดีมีจนอย่างไร เช่น คนขับขี่ก็ต้องเคารพสิทธิของคนเดินถนนและต้องรู้จักหน้าที่ของตนเองด้วยโดยใส่หมวกกันน็อก คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่ดื่มเหล้าก่อนขับขี่และไม่ขี่รถบนฟุตปาธ ขณะเดียวกันคนเดินถนนก็ต้องเคารพสิทธิของคนขับขี่และรู้หน้าที่ของตนเองโดยไม่ข้ามถนนในที่ห้าม เป็นต้น การเคารพในสิทธิและหน้าที่ของกันและกันนี้ได้นำมาซึ่งกลไก “การลงโทษทางสังคม” อย่างหลวม ๆ หากมีใครทำผิดแปลกจากคนหมู่มากขึ้นมา จะถูกสังคมตัดสิน ซึ่งในภาพใหญ่ทำให้คนมีความยับยั้งชั่งใจที่จะกระทำผิดกฎ
การมีกฎหมายที่แรงและบังคับใช้ได้จริงกับทุกคนโดยเท่าเทียมกัน ตลอดจนมีช่องทางที่ง่ายและแก้ปัญหาได้รวดเร็วเมื่อมีการทำผิดกฎ เช่น หากมีคนมาจอดรถหน้าบ้านเราในเวลาห้ามจอดหรือกีดขวาง ก็สามารถโทรแจ้งไปที่เจ้าหน้าที่ และเพียงไม่กี่นาทีเจ้าหน้าที่ก็มาเคลียร์ปัญหาให้ โดยประชาชนไม่ต้องมาทะเลาะกันเอง
2 ปัจจัยหลักข้างต้นนี้ จะค่อย ๆ พัฒนาจนกลายเป็น “ระบบ” ที่ไม่ทำให้เกิดอุบัติเหตุที่น่าจะป้องกันได้และลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งลดทรัพยากรของรัฐในการดูแลปัญหาที่ตามมาจากการขาดระบบที่มีประสิทธิภาพได้มากโข
ถึงตรงนี้หลายคนคงบอกว่าการสร้างระบบดังกล่าวต้องเริ่มจากการปลูกฝังกันตั้งแต่เล็กๆและเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลานานขณะที่อีกหลายคนคงบอกว่าคงยากที่ระบบเช่นว่านี้จะเกิดขึ้นในไทยผลก็คือจากปัญหานี้และวิธีการที่ใช้แก้ปัญหากันอยู่ในปัจจุบันถ้าไม่จริงจังในการแก้ปัญหาอย่างรีบด่วนก็จะเป็นได้แค่การพายเรือในอ่างวนกันต่อไป
Eddie เห็นด้วยอย่างยิ่งนอกจากผู้ใช้รถที่ไม่เคารพกฎหมายแล้ว มีกฎหมายแต่ไม่บังคับใช้ให้เข้มงวดจากผู้รักษากฎหมาย บางทียังเห็นเจ้าหน้าที่ขี่รถย้อนศรและฝ่าไฟแดงเสียเองทั้งๆที่ไม่ได้ปฏิบัติงาน
16 ก.พ. 2562 เวลา 22.43 น.
เยอรมันเขาเน้นชะลอก่อนถึงเส้นข้าม โดยเฉพาะสถานศึกษา ไม่มีข่าอุบัติเหตุเลยสักครั้ง ถ้ามีจริงๆคนขับต้องรับผิดชอบเจ้าทุกข์ตลอดชีวิตจ้ะ
16 ก.พ. 2562 เวลา 18.42 น.
vitit ถ้าไม่มีจิตสำนึกจะลงข่าวเตือนสติยังไงก็ไม่ได้ผลครับคนเราทุกวันนี้ไม่ค่อยฟังการเตือนเท่าไหร่ไปบอกเขาก็หาว่าแส่หาเรื่องครับ
16 ก.พ. 2562 เวลา 23.18 น.
กฤติเดช สุขเนืองนอง กฎหมายอ่อนยวบ สุนัขไหนกลัว มีแต่โทษ ปรับกระจอก รอลงอาญา ถ้าไม่เปลี่ยน สุจริตชนตายอีกเยอะ
16 ก.พ. 2562 เวลา 17.41 น.
ob คนเดินข้ามถนนมันยังข้ามตอนไฟแดงเลย รออีกครึ่งนาทีไฟเขียวคนเดินก็มาแล้ว มันฝังรากลึกมาก เพราะบางคนเห็นคนอื่นทำก็ทำตาม พอไม่ทำคนก็หาว่าโง่ จะรอทำไม ไปได้ก็ไป มันต้องเริ่มจากตัวเราจริงๆ
16 ก.พ. 2562 เวลา 22.37 น.
ดูทั้งหมด