ทั่วไป

พ่อ คาใจลูกตายวันคลอด เชื่อเพราะลิฟต์เสีย เมียเดินขึ้นชั้น 4 ผ่าท้อง แต่หมอชี้ รกลอกตัว (คลิป)

Amarin TV
เผยแพร่ 22 มี.ค. 2562 เวลา 18.47 น.
จากกรณีที่มีเพจเฟซบุ๊ก “ล่า” ได้มีการแชร์เรื่องราวว่า “#ล่าร้องเรียน ให้ภาพอธิบายความช้ำ ใจสลาย ลูกตายต่อหน้าเจ็บท้องไม่ไหว ต้องเดินขึ้นบันไ

จากกรณีที่มีเพจเฟซบุ๊ก “ล่า” ได้มีการแชร์เรื่องราวว่า “#ล่าร้องเรียน ให้ภาพอธิบายความช้ำ ใจสลาย ลูกตายต่อหน้าเจ็บท้องไม่ไหว ต้องเดินขึ้นบันได 4 ชั้น ติดใจ ก่อนคลอด หมอบอกลูกเเข็งเเรง ทำไม ตายก่อนวันคลอดมา รพ. หมอตรวจยังบอกเด็กดิ้นดี เเข็งเเรงดี วันเจ็บท้องมาโรงพยาบาล ทีมทำคลอดเอาหูฟังตรวจ ก็เด็กบอกหัวใจเต้นดี พอตอนหลังมาบอกหัวใจเต้นช้าลง …. สุดท้ายลูกผมตาย”

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ล่าสุด วันที่ 22 มี.ค. 62 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ สน.เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ นายเสกสิทธิ์ กงศรี อายุ 26 ปี พ่อของเด็กที่ร้องเรียน เปิดเผยว่า วันที่ 18 ม.ค. 62 เวลา 05.00 น. ภรรยาตนเจ็บท้องคลอด ตนจึงพานั่งแท็กซี่ไปโรงพยาบาลเอกชนย่านราษฎร์บูรณะ โดยใช้สิทธิ์บัตรทอง มีเจ้าหน้าที่เวรเปลมารับ โดยรับภรรยาของตนนั่งรถเข็นไปยังอาคาร 2 เพื่อไปห้องทำคลอด แต่เมื่อไปถึง พบว่าลิฟต์เสีย พนักงานเวรเปลจึงไปตามช่างมาซ่อมลิฟต์ แต่ก็ยังไม่สามารถใช้งานได้ พนักงานเวรเปลจึงบอกให้ตนกับภรรยารออยู่หน้าลิฟต์ ก่อนที่จะเดินออกไป

ซึ่งขณะเดียวระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่กลับมา ภรรยาของตนก็ปวดท้องจนล้มลงจากรถเข็น และฟุบลงไปกับพื้น ซึ่งตนได้พยุงภรรยาขึ้นนั่ง เมื่อเวลาผ่านไปกว่า 15 นาที ภรรยาทนปวดท้องไม่ไหว จึงตัดสินใจเดินขึ้นบันได โดยตนคอยพยุงไปจนถึงห้องคลอด ชั้น 4 ระหว่างเดินก็มีพนักงานของโรงพยาบาลเดินตามมา แต่ไม่ได้ช่วยตนพยุง กระทั่งได้รับการตรวจอาการ หมอบอกว่าปากมดลูกเปิดแค่ 1 เซนติเมตร และร่างกายยังไม่เข้าสู่ภาวะน้ำเดิน จึงให้กลับบ้านไปพักก่อน แต่ด้วยความเจ็บปวด ภรรยาของตนจึงยืนยันที่จะนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล และให้ตนกลับบ้านไปเตรียมของเฝ้าไข้ ตนจึงกลับบ้านไป

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
นายเสกสิทธิ์ กงศรี พ่อของเด็กที่ร้องเรียน

กระทั่ง เวลา 12.00 น. ภรรยาโทรศัพท์มาบอกว่า ต้องผ่าคลอดแล้ว เพราะหัวใจลูกเต้นผิดปกติ ตนจึงรีบมาขี่มอเตอร์ไซค์มานั่งรอที่หน้าห้องคลอด จนมีพยาบาลเดินมาตามเข้าไปดูลูก เมื่อเข้าไปพบว่าหมอกำลังปั๊มหัวใจประมาณ 30 นาที เพื่อยื้อชีวิตลูกสาวของตนอยู่ และถามตนว่าจะยุติการช่วยเหลือหรือไม่ ซึ่งม่านตาและสมองไม่ตอบสนอง ตนจึงโทรปรึกษาญาติ สุดท้ายก็ยอมยุติการยื้อชีวิตลูกสาว หลังจากนั้น ตนก็นั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องคลอดประมาณ 30 นาที อย่างไรก็ตาม ตนต้องเสียเงินค่าฉีดฟอร์มาลีน และเสียค่าเก็บศพลูกในห้องดับจิต

นอกจากนี้ สาเหตุการตายของลูกตน เกิดจากภาวะรกลอกตัวก่อนคลอด เป็นอาการที่จะเกิดได้เพียง 1 ใน 200 คน ซึ่งสาเหตุเกิดจากภรรยาตนมีความดันสูง และได้รับการกระทบกระเทือน ซึ่งตนคิดว่าอาจจะเกิดจากที่ภรรยาล้มฟุบตอนระหว่างรอคลอด และต้องเดินขึ้นบันได 4 ชั้น จนเหนื่อย ทำให้ความดันขึ้น ซึ่งหมอก็บอกว่าสาเหตุข้างต้นทั้ง 2 อย่าง อาจจะมีส่วน แต่ทางโรงพยาบาลไม่ได้แสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 5
  • เทวดาท่าจะบ้องส์
    ภรรยามีความดันสูงมันก็เสี่ยงอยู่แล้ว แต่เราอย่ามีความดันทุรังสูงครับ เห็นเขาร้องเรียนก็อย่าเพิ่งร้องเรียนถ้าเราไม่มีความรู้ ปรึกษานนที่เขามีความรู้ก่อนร้องเรียนหรือค้นหาข้อมูลความเสี่ยงขอ ความดันโลหิตสูงในหญิงตั้งครรภ์ หรือเรื่องภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดก่อนดีไหม แล้วค่อยดูว่าสมควรร้องเรียนไหม ประเภทมาหาหมอก็ตายไม่มาหาหมอก็ตายแล้วร้องเรียนไปเรื่อย คนรักษาเขาก็เบื่อ
    22 มี.ค. 2562 เวลา 20.05 น.
  • ทำไมทีมแพทย์ไม่ลงมา หาคนไข้ อย่างน้อย. มาดูแลแก้ไขแบบฉุกเฉิน. เด็กอาจไม่ตาย. นี่คนไข้ต้องเดินไปหา. หรอ?
    22 มี.ค. 2562 เวลา 23.08 น.
  • Bill สุรพล
    ต้องไป รพ เอกชนดีๆ เสียเงิน แต่ปลอดภัยกว่า
    22 มี.ค. 2562 เวลา 22.40 น.
  • ห้องผ่าคลอดอยู่สูงไปมั้ย อะไรที่ด่วนๆ ควรจะเข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็ว
    23 มี.ค. 2562 เวลา 00.34 น.
  • Thunyanee P.
    จินตนาการมันสำคัญกับความรู้ได้ยังไงเนี้ยะ
    23 มี.ค. 2562 เวลา 00.08 น.
ดูทั้งหมด