จากกรณีนางทัตยา วรินทราคม อายุ 74 ปี ก่อเหตุถอยรถทับ นางเมธาพร มากพา จนเสียชีวิตภายในวัดแก้วฟ้าจุฬามณี กรุงเทพมหานคร ซึ่งคดีผ่านมากว่า 7 เดือน ครอบครัวผู้เสียชีวิตไม่เคยได้รับการติดตจากคู่กรณีแต่อย่างใด เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 62
วันที่ 12 ธ.ค.62 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี สอบถาม น.ส.ปภัสสิริย์ บุญจันทร์ก้อน พี่สาวของ นางเมธาพร ผู้เสียชีวิต เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า หลังเกิดเรื่องขึ้นครอบครัวติดตามคดีมาโดยตลอด ซึ่งช่วงแรกทางตำรวจ สน.บางโพ ให้ตนเองกับคู่กรณีไกล่เกลี่ยกัน จึงเรียกค่าเยียวยาเพื่อเป็นกองทุนการศึกษาสำหรับหลาน 2 คน ที่ต้องเสียมารดาไปคนละ 1 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 2 ล้านบาท ปรากฎว่าเมื่อเสนอไปแบบนั้น คู่กรณีกลับเงียบหายไป ไม่มีการติดต่อกลับ
ล่าสุดทราบว่าคู่กรณีดำเนินการทางคดีถึงชั้นศาลแล้ว ซึ่งทางครอบครัวผู้สูญเสียไม่เคยทราบ ส่วนเรื่องเงินเยียวยา ฝ่ายคู่กรณีระบุว่าไม่มีเงินถึง 2 ล้าน มีเพียง 5 แสนบาท และก็ยังไม่ได้ระบุว่าจะมีการชดใช้ให้เมื่อไหร่ อยากขอให้คู่กรณีมาคุยกัน ไม่ใช่เงียบหายไปเช่นนี้ ทราบว่าคู่กรณีมีครอบครัวเป็นทหาร ถึงขั้นยศพลเอก ยอมรับว่าตนเองก็รู้สึกเหนื่อย ไม่รู้ว่ากำลังสู้อยู่กับอะไร ทั้ง ๆ ที่คดีมันไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร
ด้าน นางขวัญตา แย้งคล้าย ผู้เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุนางทัตยา ผู้ก่อเหตุ ซึ่งปกติจะมาจอดรถที่วัดเป็นประจำ เพื่อเดินทางข้ามเรือไปโรงพยาบาลศิริราช ก่อนที่นางทัตยาจะกลับมาเอารถที่จอดไว้ ช่วงที่จอดรถไว้นั้น นางทัตยา จะใส่เกียร์ว่างและใช้หินดันล้อรถไว้ แต่วันนั้นนางทัตยาไม่ยอมเอาหินออกและได้เดินขึ้นไปที่รถ จากนั้นก็ถอยรถลักษณะเปิดประตูฝั่งคนขับไว้ พร้อมชะโงกหน้ามามองข้างหลัง ต่อมารถก็ถอยชนกับโต๊ะไม้ที่อยู่ด้านหลังรถ
แต่รถของนางทัตยา ก็ยังไม่หยุดยังถอยแบบตีวงล้อมาชนที่เข้าที่โต๊ะม้าหิน ซึ่งมีผู้ตายนั่งอยู่จนได้รับบาดเจ็บ จังหวะนั้นตนเองเห็นผู้ตายลุกขึ้นยืน พยายามใช้มือตีที่ท้ายรถ เพื่อให้คนขับจอดรถ แต่นายทัตยา ยังถอยรถต่อสุดท้ายทับร่างผู้ตายไปอยู่ใต้ท้องรถ ส่วนตัวมองว่านางทัตยา ควรจะรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น เท่าที่ตนเองทราบ นางทัตยา มักมีปัญหาเรื่องที่จอดรถ ลักษณะจอดรถเห็นแก่ตัว เห็นที่ร่มจุดไหนก็จะจอดจุดนั้น
ขณะที นางทัตยา วรินทราคม ผู้ก่อเหตุ เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์ ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองถอยรถทับคนจริง ยืนยันว่าตนเองไม่ได้ยินเสียงใครร้องเรียกตน เพราะขณะนั้นได้ยินแต่เสียงรถที่ชนกับม้าหิน หากมองเห็นว่ามีคนอยู่ข้างหลังคงไม่มีใครกล้าขับรถชนคนแน่นอน ซึ่งก็ยอมรับผิดที่ขับรถทับคนตาย
ส่วนเงินเยียวยาที่ทางผู้เสียชีวิตร้องเรียกมา 2 ล้าน ยอมรับว่าไม่มีเงินจะให้ ตนเองได้แจ้งแล้วว่ามีเงินเพียง 5 แสนบาท เพราะตนเองเป็นเกษียรอายุข้าราชการมา 14 ปีแล้ว ไม่มีรายได้ ซึ่งทุกอย่างอยู่ระหว่างกระบวนการทางกฎมาย ก่อนหน้านี้ตนเองได้มอบเงินกับคู่กรณีไปแล้ว 3 แสนบาท ซึ่งเป็นเงินจากพ.ร.บ.และประกันภัย ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่าตนเป็นภรรยานายพลนั้น ขอปฏิเสธ ตนเองไม่ใช่คนมีเงิน ไม่มีอิทธิพล เพียงแต่ลูกชายเป็นทหาร แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้คิดจะเงียบหายไป เพียงแต่จำนวนเงินที่คู่กรณีเรียกร้องมามันมากเกินกว่าที่จะหามาชดใช้ อีกอย่างฝ่ายคู่กรณีเคยบอกว่าให้ไปเจอกันที่ศาล หลังจากไม่มีเงิน 2 ล้านให้ ทำให้ตนเองต้องดำเนินการขั้นตอนของกฎหมาย โดยขณะนี้คดีตนเองอยู่ระหว่างพิจารณาคดีในชั้นศาล ซึ่งมีการนัดอ่านคำพิพากษา วันที่ 10 ก.พ.63
https://youtu.be/PoHJKrK6noI
TDK ฟังตอนแกให้สัมภาษณ์ รับไม่ได้เลย เหมือนกับว่าจะเรียกร้องอะไรให้ไปฟ้องศาลเอา ทั้งที่ตัวเองผิดเต็มๆ
12 ธ.ค. 2562 เวลา 21.34 น.
Anne ขอให้ศาลสั่งให้จ่ายมากกว่า 2 ล้านบาทนะยาย เด็กเล็กขาดแม่ เงินทดแทนไม่ได้หรอก ยายก็ต้องหยุดขับรถได้แล้ว
12 ธ.ค. 2562 เวลา 23.24 น.
Miss.mui แก่ขนาดนี้ ร่างกายทุกอย่างมันถดถอยแล้วไม่ควรให้มาขับรถหรอกป้า เดือดร้อนคนอื่นแย่สิ พอเกิดอะไรขึ้นก็ไม่มีปัญญารับผิดชอบ
12 ธ.ค. 2562 เวลา 23.14 น.
ไลน์นี้ยกเลิกครับ ควายขับรถก็งี้
12 ธ.ค. 2562 เวลา 22.26 น.
Aroon Sn. เวร.... กรรม.
12 ธ.ค. 2562 เวลา 21.29 น.
ดูทั้งหมด