อคส.หมกเม็ดคดีแทรกแซงสินค้าเกษตรตั้งแต่ปี 2542/43 มากกว่า 1,000 คดี มูลค่าเสียหายหมื่นล้านบาท ชี้ส่วนใหญ่ส่งฟ้องไม่ทัน จี้ตั้งสอบตามพรบ.ความรับผิดทางละเมิดเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีโครงการแทรกแซงสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง หอมแดง ฯลฯ ซึ่งเป็นโครงการตั้งแต่ปี 2542/43 ที่นอกเหนือจากโครงการรับจำนำข้าวในช่วงปี 2554/55 ปี 2555/56 และปี 2556/57 มากกว่า 1,000 คดี มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยบางส่วนได้หมดอายุความฟ้องร้องทางแพ่งแล้ว เนื่องจากอคส.ไม่ได้ดำเนินการสั่งฟ้องกับคู่สัญญาที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าของโกดังกลาง ผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าว (เซอร์เวเยอร์) และโรงสีที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ สาเหตุที่อคส.ส่งฟ้องทางแพ่งไม่ทันกับระยะเวลาที่กำหนด โดยส่วนใหญ่เป็นการแทรกแซงราคาข้าวเปลือก เนื่องจากเจ้าหน้าที่รับผิดชอบบางรายไม่ได้เข้มงวดดำเนินการหรือปล่อยละเลยการปฎิบัติหน้าที่ และบางรายอาจได้รับผลประโยชน์หรือเรียกว่าเงินทอนข้าวเปลือก จนส่งผลให้ภาครัฐได้รับความเสียหายอย่างมาก ดังนั้นต้องการให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิดและตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหมือนกับการตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัดและทุจริตเงินทอนคนจน
“คดีความที่ทยอยหมดอายุความทางแพ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงการแทรงกแซงสินค้าเกษตรตั้งแต่ปี 2542/43 - ปี 2548/49 จนภาครัฐได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก เบื้องต้นพบว่าหลายๆคดีเจ้าหน้าที่ไม่ได้รายงานแก่ผู้ใหญ่ได้รับทราบ ขณะที่บางคดีอัยการและตำรวจสั่งไม่ฟ้อง แต่เจ้าหน้าที่อคส.บางคนไม่ดำเนินฟ้องดำเนินคดี เพราะตามกฎหมายผู้ได้รับความเสียหาย ซึ่งหมายถึงอคส.สามารถฟ้องร้องเองได้ด้วย ดังนั้นต้องให้ผู้มีอำนาจดำเนินการตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่. พ.ศ. 2539” แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการที่คดีหมดอายุความไปจำนวนมาก ทำให้โรงสีที่เข้าร่วมโครงการและมีปัญหาการส่งข้าวไม่ครบตามสัญญา, ข้าวได้รับความเสียหาย รวมถึงกลุ่มบริษัทเซเวอร์เยอร์ที่เกี่ยวข้องได้ส่งหนังสือมายัง อคส. เพื่อยื่นยันว่าจะไม่ชดเชยความเสียหายตามสัญญา โดยหนึ่งเหตุผลที่บริษัทและโรงสีอ้าง คือ เกิน 10 ปีหรือหมดอายุความทางเพ่ง เช่น ที่จังหวัดพิจิตร, ชัยนาท, กำแพงเพชร, นครสวรรค์ และจังหวัดอื่นๆอีกจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีการทำหนังสือมาในช่วงต้นปี 2561
นอกจากนี้ บางกรณีที่อคส.ได้ดำเนินคดีไป แต่พบว่าบางบริษัทยอมเข้ามาทำสัญญาเพื่อชดเชยความเสียหายตามที่ภาครัฐเรียกร้อง เช่น มูลค่าความเสียหาย 15 ล้านบาท แต่บริษัทเข้ามาจ่ายเพียงแค่ 4-5 ล้านบาท จากนั้นก็ได้มีการถอนแจ้งความดำเนินคดี เป็นต้น
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับรายงานว่า มี 30 คดีที่อัยการไม่ส่งฟ้องดำเนินคดี ซึ่งได้มอบหมายให้ อคส.ทำสำนวนใหม่เพื่อดำเนินการส่งฟ้องดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายใหม่ด้วย ส่วนโครงการก่อนปี 2554 นั้น หากพบว่าเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบมีการละเลยปฎิบัติหน้าที่ก็จะดำเนินตรวจสอบการกระทำความผิดต่อไป
“กระทรวงพาณิชย์จะทำเรื่องนี้ให้เกิดความโปร่งใสมากที่สุด และทุกคดีที่มองว่าไม่โปร่งใสก็จะเร่งรัดส่งดำเนินคดีเพื่อเรียกร้องทางเสียหายทางแพ่งและอาญาทุกคดี ซึ่งได้ให้ผู้อำนวยการ อคส.รายงานความคืบหน้าการดำเนินการทุกๆ 15 วันด้วย” นายสนธิรัตน์ กล่าว
บัญญัติ ตั้งธงมาทำลายฝ่ายตรงข้ามทั้งที่นโยบายมีการล้มเหลวมาทุกรัฐบาล แต่โจรคสช.เลือกปฏิบัติจริงแล้วความผิดที่จะต้องดำเนินคดีหน่วยงานแรกคืออคส.แต่รัฐโจรคสช.เก็บไว้เพื่อตัวเองจะได้โกงต่อ
18 ก.ค. 2561 เวลา 01.41 น.
MR.SINARAK WICHASU ไอ้วิษณุไอ้สัส พวกมรึงไม่ดูแลราคาแล้วมรึงยังโยนความผิดคนอื่นเขาอีกทั้งๆที่พวกมรึงเป็นรัฐบาลแท้ๆยังมีหน้าไปว่าเขาหมกเม็ดราคาสินค้าการเกษตรอีก ไอ้สัสๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
17 ก.ค. 2561 เวลา 22.38 น.
Pooh Kasem ส่งฟ้องไม่ทัน อายุความเกิน 10 ปี ปกติเจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจสอบกันกี่ปีเนี่ย? เอาผิดไม่ได้ ได้แต่ดำเนินคดีเจ้าหน้าที่แทน เฮ้อ...เงินหมื่นล้านบาทหายเข้ากระเป๋าใคร? ต่อไปกฎหมายทุจริตไม่มีหมดอายุความ ก็ยึดทรัพย์คืนคลังให้เร็วขึ้นด้วยก็ดี
17 ก.ค. 2561 เวลา 12.45 น.
P'กานต์ 555 จะอึ้งทำไม กับรัฐวิสาหกิจแห่งนี้ จะรู้ช้าไปหน่อยมั๊ย !!! พ่อค้าคนกลาง โรงสี รู้ดีนะ พนักงานระดับหัวหน้างาน ขับรถเบ้นซ์กันเป็นแถว 555
17 ก.ค. 2561 เวลา 05.54 น.
P a n d o r a หัวไม่ส่าย หางไม่กระดิก ตกลงความเสียหาย ฟ้องไม่ทัน ใครจะรับผิดชอบ เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ นายกตู่ รองนายกวิษณุ ต้องโดนด้วยนะ ข้อหาเดียวกับปู
17 ก.ค. 2561 เวลา 05.48 น.
ดูทั้งหมด