ไอที ธุรกิจ

“จัดสรรเงินลงทุน” ต่างกัน...ทำให้ ‘ความมั่งคั่ง’ ต่างกัน!!!

Wealthy Thai
อัพเดต 10 ต.ค. 2563 เวลา 16.45 น. • เผยแพร่ 10 ต.ค. 2563 เวลา 16.45 น. • wealthythai
ปัจจุบันประเทศไทยมีเครื่องมือการลงทุนครบครัน ไม่ว่าจะเป็น “หุ้น” หรือ “ตราสารหนี้” นอกเหนือจาก “เงินฝาก” ที่นักลงทุนไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีแล้ว

ปัจจุบันประเทศไทยมีเครื่องมือการลงทุนครบครัน ไม่ว่าจะเป็น "หุ้น" หรือ"ตราสารหนี้" นอกเหนือจาก "เงินฝาก" ที่นักลงทุนไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีแล้ว
ที่สำคัญด้วยเครื่องมืออย่าง กองทุนรวม ก็ทำให้โลกการลงทุนของคุณง่ายยิ่งขึ้น ด้วยเงินลงทุนที่ไม่มากก็สามารถเปิดประตูการลงทุนสู่ สินทรัพย์ ประเภทต่างๆ ที่เป็นการลงทุนหลักครบถ้วนแล้ว
อย่างไรก็ตาม มีคนเพียงจำนวนน้อยเท่านั้นที่สามารถจะสร้างความมั่งคั่งได้จริงๆ จากเครื่องมือที่มีอยู่เหล่านี้ ในขณะที่มีคนจำนวนมากที่ยังไม่ได้เข้ามาลงทุน กลับปล่อยให้เงินส่วนใหญ่ทิ้งไว้ในธนาคารเพื่อรับดอกเบี้ย  ‘ไม่เต็มบาท ประมาณ 0.25% ต่อปี เท่านั้นในส่วนของเงินฝากออมทรัพย์  ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายผลตอบแทนที่เราทอดทิ้งกันไป
วันนี้ทีมงาน ‘Wealthythai’ มีเคล็ด (ไม่ลับ) ในการจัดสรรเงินลงทุนง่ายๆ เพื่อทำให้เงินในกระเป๋าของคุณงอกเงยมาฝากกัน

 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

 

ปรับสมดุลสินทรัพย์เสี่ยง และสินทรัพย์มั่นคง’…ให้เหมาะกับสไตล์ของคุณ

ถ้าคุณมองย้อนกลับไปในทิศเบื้องหน้าของเรา คือ พ่อแม่ผู้มาก่อน แล้วเปรียบเทียบกับเพื่อนฝูงของพ่อแม่ คุณจะพบว่า คนเหล่านั้นหลายๆ คนมีความสามารถพอๆ กัน มีการทำงาน มีความขยันหมั่นเพียรพอๆ กัน มีความประหยัดและอดทนพอๆ กัน
แต่เมื่อเวลาผ่านไป คนเหล่านั้นมีความมั่งคั่งไม่เหมือนกัน บางคนรวยมากๆ บางคนก็ยังเป็นชนชั้นกลางอยู่ ทั้งนี้ความแตกต่างนั้นเกิดจากการจัดการลงทุนที่แตกต่างกัน นั่นเอง
“หนึ่งในปัญหาที่นักลงทุนส่วนใหญ่ต้องเผชิญ คือ ไม่รู้ว่าจะจัดสรรเงินลงทุนของตัวเองยังไง รู้แล้วล่ะว่า…ต้อง กระจายการลงทุน(Asset Allocation)’ แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี โดยอาศัยสินทรัพย์หลักพื้นฐานระหว่าง หุ้น กับ ตราสารหนี้ ก็มีกลยุทธ์ในการจัดสรรเงินง่ายๆ 5 แบบ ที่ใช้กันโดยทั่วไป ที่น่าจะตอบโจทย์นักลงทุนได้เป็นอย่างดี”

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

 

 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนใน กองทุนรวมทั่วไป หรือจะลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)” ตลอดจน กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF)” โดยเฉพาะกลุ่ม ลูกค้าเงินฝาก ก็สามารถที่จะใช้กลยุทธ์ทั้ง 5 นี้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์การลงทุนของตัวเองได้เช่นกัน
-นักลงทุนที่มีอายุมาก หรืออยู่ในช่วงวัยปลายทำงาน (Late Career Life)’ หรือ เป็นนักลงทุนประเภทระมัดระวัง ที่พยายามหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ควรจะเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มี ความเสี่ยงต่ำ โดยลงทุนในตั๋วเงินคลัง 40%,ตราสารการเงิน 35% ,พันธบัตรรัฐบาล 15% และหุ้นกู้บริษัทเอกชน 10%
-นักลงทุนที่มีอายุปานกลาง หรือ อยู่ในวัยกลางของการทำงาน (Mid Career Life)’ หรือเป็นนักลงทุนประเภทระมัดระวัง แต่ยอม รับความเสี่ยงได้บ้าง เพื่อผลตอบแทนเฉลี่ยที่สูงกว่า อาจจะเลือกลงทุนที่คละกันไปในสินทรัพย์หลายๆ ประเภท โดยให้น้ำหนักการลงทุนที่ สมดุล ระหว่างสินทรัพย์เสี่ยง (หุ้น) และสินทรัพย์มั่นคงสูง (ตราสารหนี้)
“ทั้งนี้การยอมรับความเสี่ยงในระดับที่สูงก็มีโอกาสที่จะทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในระดับที่สูงด้วยเช่นเดียวกัน”
-นักลงทุนที่มีอายุน้อย หรืออยู่ในวัยต้นของการทำงาน (Early Career Life)’ ผู้ลงทุนอาจจะเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากกว่า เพราะเมื่อลงทุนแล้วเกิดผลขาดทุนสูญเสียเงินต้นก็ยังมีเวลาที่จะเริ่มต้นใหม่ได้อีก นั่นเอง
ท้ายสุดคงไม่มีสูตรสำเร็จ ที่ตายตัวสำหรับใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทั้ง‘5 กลยุทธ์ การจัดสรรเงินง่ายๆ นี้ ก็น่าจะเป็นไอเดีย หรือแนวทาง ในการจัดพอร์ตให้กับคุณได้ในระดับหนึ่ง ลองก้าวขยับออกจากเงินฝาก เพื่อโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าสำหรับตัวคุณเอง หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจอยู่บ้างไม่มากก็น้อยครับ

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 3
  • พัฒน์ เอี่ยมเอม
    คนที่ทำเกษตร​พอเพียง​และทำงานเก็ออมจะไม่มีวันจนรายได้น้อยมีใช้ตลอกจนหมดอายึชัยครับ
    03 ก.ย 2563 เวลา 23.03 น.
  • VJ Chen
    ขยัน ออกมาล่อแมงเม่า
    03 ก.ย 2563 เวลา 23.32 น.
  • S.Sawadwor
    ติดลบอยู่หลายแสนสำหรับกองทุนกับหุ้น คงดอยทั้งชาติ
    03 ก.ย 2563 เวลา 22.54 น.
ดูทั้งหมด