ไลฟ์สไตล์

โรงเรียนอนุบาลญี่ปุ่นลงโทษเด็กด้วยวิธีไหนกันนะ ? - เพจ Eak SummerSnow

TOP PICK TODAY
เผยแพร่ 02 ต.ค. 2563 เวลา 18.30 น. • เพจ Eak SummerSnow

จากข่าวการทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลที่เกิดขึ้นในบ้านเราจนเป็นข่าวใหญ่และสร้างความตกตะลึงให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองเป็นอย่างมาก ว่าทำไมโรงเรียนถึงเลือกคนที่ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการเป็นครูหรือเป็นพี่เลี้ยงมาทำหน้าที่นี้ แถมเมื่อเกิดเหตุ เพื่อนครูคนอื่น ๆ ก็ไม่มีใครคิดจะห้าม ทำเหมือนเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเป็นประจำ

ในประเทศญี่ปุ่นเองก็มีปัญหาเรื่องการทำร้ายร่างกายเด็กอยู่บ้างนะครับ แต่ส่วนใหญ่สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นสิ่งที่เกิดจากความรุนแรงในครอบครัวมากกว่า ส่วนการทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนเล็ก ๆ เช่น นักเรียนชั้นอนุบาลที่เกิดจากครูนั้น แทบจะไม่ค่อยเกิดขึ้นเลย วันนี้ผมเลยจะมาเล่าถึงระบบการศึกษาของโรงเรียนอนุบาลในญี่ปุ่น ว่าเป็นอย่างไร ทำไมถึงไม่ค่อยเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้น แล้วเขาลงโทษเด็กนักเรียนด้วยวิธีอะไรกันนะ ?

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

อย่างแรกเลยคือรัฐบาลญี่ปุ่นในปัจจุบันให้การสนับสนุนการเรียนในระดับอนุบาลมากนะครับ อย่างเมื่อปีที่แล้วรัฐบาลญี่ปุ่นก็ผ่านงบสนับสนุนเงินพ่อแม่ ให้เด็กอายุ 3-5 ขวบเรียนโรงเรียนอนุบาลฟรี เพื่อลดค่าใช้จ่ายของครอบครัวและเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเพิ่มจำนวนประชากรไปในตัวด้วย

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ญี่ปุ่นค่อนข้างจริงจังกับโรงเรียนอนุบาลก็เพราะเขาถือว่าเด็กในวันนี้เป็นวัยที่เหมาะสมที่สุดในการปลูกฝังจิตสาธารณะ เรียกว่าจะทำให้เด็กญี่ปุ่นมีความเป็นญี่ปุ่นได้มากที่สุดก็ในช่วงวัยนี้ เด็ก ๆ ในโรงเรียนอนุบาลจึงจำเป็นที่จะต้องถูกปลูกฝังสิ่งต่าง ๆ ต้องเรียนรู้ว่าสิ่งไหนเป็นสิ่งดี สิ่งไม่ดี ควรทำหรือไม่ควรทำ เพื่อจะได้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ในอนาคต ดังนั้นคุณครูอนุบาลจึงถือเป็นบุคคลสำคัญในเรื่องนี้ครับ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ผมมีเพื่อนชาวญี่ปุ่นอยู่คนนึงชื่อว่ามากิโกะซัง ตอนนี้มากิโกะซังเป็นคุณครูโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในโอซาก้า ซึ่งเธอเล่าว่าการคัดเลือกคุณครูอนุบาลในญี่ปุ่นนั้น มีการคัดเลือกที่มีความเข้มงวดพอสมควรเพื่อหาคนที่มีคุณสมบัติในการดูแลเด็ก ๆ โดยเฉพาะความสามารถพิเศษในด้านต่าง ๆ ทำให้คุณครูอนุบาลในญี่ปุ่นหลาย ๆ คนต้องมีความสามารถในการเล่นดนตรี 

อย่างเปียโนที่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ รวมถึงคุณครูยังต้องเป็นคนที่แอคทีฟ เพราะนอกจากจะต้องคอยดูแลเด็ก ๆ รับมือเด็ก ๆ ตลอดเวลาแล้ว ยังต้องคอยทำกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดเวลาอีกด้วย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

โรงเรียนอนุบาลในญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเน้นกิจกรรมและการอยู่ร่วมกันกับเพื่อน ๆ มากกว่าการเรียนการสอนนะครับ อย่างโรงเรียนของมากิโกะซังนี่คือแทบไม่ได้มีการเรียนการสอนวิชาการใด ๆ เลย แต่จะเป็นการให้เด็ก ๆ “เล่น” ไปพร้อมกับการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ 

ไม่ว่าจะเป็นการวาดรูป เล่นดนตรี ร้องเพลง และสิ่งที่สำคัญก็คือการได้เรียนรู้ระเบียบวินัย การใช้ชีวิตในสังคม การเอาตัวรอด โดยเฉพาะเวลาเกิดภัยพิบัติ และเรียนรู้ผิดชอบชั่วดีว่าสิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำ ควบคู่ไปกับพัฒนาการด้านต่าง ๆ ทั้งอารมณ์และร่างกาย ที่สำคัญคือต้องทำให้เด็ก ๆ รู้สึกว่า “อยากมาโรงเรียน” ไม่ใช่ให้รู้สึกว่าโรงเรียนเป็นสถานที่น่ากลัว

สิ่งที่สำคัญที่สุดในโรงเรียนอนุบาลก็คือ “กิจกรรม” ภายในโรงเรียนนั่นเองครับ ไม่ว่าจะเป็นงานกีฬาสีที่จะสอนให้เด็ก ๆ เป็นคนมุ่งมั่นและเอาจริงเอาจังในการเอาชนะ งานประจำฤดูต่าง ๆ ที่จะสอนให้เด็ก ๆ รู้จักการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ และเรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่น รวมถึงการแสดงประจำปีที่เด็ก ๆ จะต้องฝึกซ้อมร่วมกับเพื่อน ๆ เพื่อที่จะมาแสดงต่อหน้าผู้ปกครอง ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้ปกครองของนักเรียนอนุบาลก็จะต้องมีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่าง ๆ ของเด็ก ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬา การเข้าประชุม หรือแม้แต่การเตรียมทำข้าวกล่องในบางวันที่มีการกำหนดไว้

นอกจากนี้ คุณครูโรงเรียนอนุบาลถือเป็นบุคคลที่ต้องมีความรับผิดชอบสูง เพราะต้องคอยช่วยเหลือและระมัดระวังเด็ก ๆ ที่ตัวเองดูแลเสมอ แล้วก็จะมีคุณครูหลายคนที่ช่วยกันดู ถ้ามีความผิดปกติใด ๆ ก็จะต้องรีบรายงานทันที รวมถึงมีบทลงโทษต่อคุณครูที่มีความประมาทเลินเล่อหรือทำงานบกพร่องจนทำให้เด็ก ๆ มีอันตรายอีกด้วย 

ดังนั้นการที่คุณครูอนุบาลจะทำร้ายเด็ก ๆ จึงเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในญี่ปุ่น เพราะมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดและมีกฎหมายที่รุนแรง ซึ่งญี่ปุ่นเองก็มีการออกกฎหมายใหม่และเพิ่มโทษมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่ในระดับประถมหรือมัธยมเองก็ตาม 

ในปัจจุบันการทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนแม้แต่เล็กน้อยนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ที่อาจจะทำให้ถึงขั้นถูกจับและถูกฟ้องร้องอย่างหนัก นั่นทำให้อาชีพคุณครูในโรงเรียนทุกระดับชั้นนั้นเป็นอาชีพที่มีความกดดันค่อนข้างสูง

แล้วในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว …

ในโรงเรียนอนุบาลในญี่ปุ่นนั้น คุณครูจะใช้วิธีลงโทษเด็กนักเรียนแบบไหนกันล่ะ ?

คำตอบก็คือเขาจะใช้วิธีการ “ให้รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ” ครับ 

ถ้าเด็กทำผิด คุณครูนั้นก็จะมีหน้าที่ในการชี้บอกว่าสิ่งที่ทำนั้นมันผิดอย่างไรด้วยเหตุผลให้เด็ก ๆ รับฟัง แล้วเด็กจะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองทำอย่างไร เช่น ถ้าเด็กขว้างปาอาหาร ครูก็ต้องอธิบายให้เด็กเข้าใจถึงคุณค่าของอาหาร และลงโทษให้เด็กที่เล่นขว้างปาอาหารนั้นทำความสะอาดด้วยตัวเอง ถ้าเด็กไม่ยอมทำการบ้าน ครูก็อาจจะต้องให้ทำเพิ่มขึ้น ถ้าเด็กไม่ยอมทำความสะอาดตู้เก็บของของตัวเอง ไม่รักษาความสะอาดของส่วนรวม ไม่ยอมทำเวรหรือทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ก็จะถูกรับมอบหมายให้ทำความสะอาดส่วนอื่น ๆ 

หรือให้งานส่วนอื่นเพิ่มมากขึ้น ถ้าเด็ก ๆ ดื้อไม่ยอมฟังที่ครูสอน ก็อาจจะตัดกิจกรรมบางอย่างที่เด็ก ๆ ชอบออก แล้วสอนให้รู้ว่าสิ่งที่เขาทำลงไปนั้นมันส่งผลต่อตัวเขาเองและเพื่อน ๆ อย่างไร ซึ่งวิธีการนี้จะเป็นการปลูกฝังความรับผิดชอบในตัวเด็ก ๆ ไปในตัวด้วย 

นอกจากนั้นคุณครูโรงเรียนอนุบาลก็จะใช้วิธีการให้รางวัลเป็นการจูงใจเด็กนักเรียนที่ทำดี อาจจะเป็นตราประทับ เป็นสติ๊กเกอร์น่ารัก ๆ หรือการพาไปเที่ยวทัศนศึกษาตามที่ต่าง ๆ ซึ่งการลงโทษนั้นก็อาจจะมาในรูปแบบของการ “งดให้รางวัล” ด้วยก็ได้เช่นกัน ซึ่งตรงนี้มากิโกะซังเล่าให้ฟังว่าจริง ๆ แล้วการให้รางวัลเป็นแรงจูงใจนั้นดูเหมือนจะได้ผลดีกว่าการลงโทษหลายเท่าเลยทีเดียว ดังนั้นการตีหรือการทำร้ายร่างกายเด็ก ๆ จึงเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น และถือเป็นสิ่งต้องห้ามในโรงเรียนญี่ปุ่นในปัจจุบัน

แล้วถ้าเกิดเหตุครูทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนขึ้น ที่ญี่ปุ่นจะแก้ปัญหาอย่างไร ?

เมื่อปีที่แล้วก็เกิดคดีเรื่องการที่ครูทำร้ายร่างกายเด็กจนเป็นข่าวใหญ่ในญี่ปุ่นอยู่เหมือนกันนะครับ เหตุเกิดที่เมืองคิตะคิวชูจังหวัดฟุกุโอกะ ที่สถานรับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียน (ก่อนเข้าอนุบาล) คนร้ายที่ถูกจับเป็นชายชาวแคนาดาวัย 40 ปีที่เป็นครูภาษาอังกฤษ โดยมีการเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดว่าเขาทำการตีเด็กนักเรียนคนนึง รวมถึงลากเด็กออกจากของเล่นที่กำลังเล่นและทำการเอาหนังสือยัดปากเด็ก ซึ่งหลังถูกเปิดเผยครูชาวแคนาดาคนนี้ก็ถูกลงโทษทางกฎหมายอย่างหนักรวมถึงถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายอย่างหนักอีกด้วย นอกจากถูกลงโทษเป็นรายบุคคลแล้ว สถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนั้นก็ถูกปิดไปเช่นกัน 

สำหรับเหตุผลที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้นั้นเป็นเพราะว่าโรงเรียนแห่งนี้นั้นเป็นไม่ใช่โรงเรียนอนุบาลที่อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลแต่เป็นสถานรับเลี้ยงเด็กเอกชนที่ไม่มีใบอนุญาต นั่นทำให้การดูแลควบคุมครูนั่นไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ก็กลายเป็นกระแสในญี่ปุ่นให้รัฐบาลเข้ามาควบคุมดูแลให้ดีขึ้นกว่านี้

จะเห็นได้ว่าช่วงวัยอนุบาลนั้นเป็นวัยสำคัญที่จำเป็นจะต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง เรียกว่าอยากให้เด็กโตขึ้นมาเป็นคนอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับการปลูกฝังในช่วงนี้ อนาคตของประเทศจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลเด็กในวัยนี้เช่นกัน 

ดังนั้นคุณครูจึงเป็นส่วนสำคัญ การคัดเลือกคนที่จะมาเป็นครูของเด็ก ๆ จึงเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนควรจะใส่ใจ ไม่ใช่หาเพียง “ใครก็ได้” มาทำหน้าที่นี้เพราะเห็นว่าเป็นหน้าที่ที่ไม่สำคัญ และคนที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือผู้ปกครองที่ต้องช่วยกันสอดส่องดูแลลูก ๆ ถึงความผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะสามารถแก้ไขได้หากเกิดความผิดพลาดขึ้น ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป …

อ้างอิงข่าวจาก TBS News

ติดตามบทความใหม่เกี่ยวกับเรื่องน่ารู้และเรื่องแปลก ๆ ของประเทศญี่ปุ่นทาง LINE TODAY: TOP PICK TODAY จากผมได้ทุกวันเสาร์นะครับ

ช่องทางการติดตามเพิ่มเติม

Facebook :Eak SummerSnow

Youtube : Eak SummerSnow

ความเห็น 35
  • ประเทศเขา ดูแลคน-ส่งเสริมคุณภาพของคน-มีระเบียบวินัย ให้ความสำคัญกับสังคม
    03 ต.ค. 2563 เวลา 00.53 น.
  • Benzer
    เอาไปเปรียบเทียบกันยากครับ ญี่ปุ่นสามารถลงโทษทางวินัยกับเด็กได้ เนื่องจากสังคมญี่ปุ่นและวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่น มีการปลูกฝังเรื่องการรักษาวินัยเป็นอย่างมาก เคร่งครัดมาตั้งแต่สถาบันครอบครัวแล้ว การลงโทษทางวินัยจึงกระทำได้ ต่างกับประเทศไทยหน้ามือเป็นหลังมือ กฎมีไว้แหก ไม่เคารพระเบียบอะไรทั้งสิ้น แต่ผมก็ไม่ได้ส่งเสริมการทำร้ายร่างกายเด็กนะ เพียงแค่อยากบอกว่าเราควรจะเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆส่วนไปพร้อมกัน ไล่ตั้งแต่สถาบันครอบครัว ไปจนกระทั่งถึงระบบการเรียนการสอนให้สอดคล้องสัมพันธ์กับบริบทที่เราเป็นอยู่
    03 ต.ค. 2563 เวลา 00.52 น.
  • nikom
    แสดงให้เห็นถึงคนญี่ปุ่นคุณภาพสู้คนไทยไม่ได้ เพราะของไทยใครก็ได้มาเป็นครูสอนเด็กอนุบาล ไม่ต้องมีวุฒิทางครูก็ยังสอนได้ ซึ่งมีเกือบทุกรร. เห็นมั้ยพี่ไทยเก่งกว่าญี่ปุ่น เพราะเราไม่เน้นคุณภาพมุ่งแต่แสวงหากำไร 5555555555555
    03 ต.ค. 2563 เวลา 00.47 น.
  • ต้น®️KANTAPON 5️⃣1️⃣5️⃣3️⃣♐️
    เค้าเป็นประเทศที่พัฒนาไปไกลแล้ว อย่าเอามาเปรียบเทียบกับประเทศด้อยพัฒนาแถวนี้เลย พัฒนาลงตลอด
    03 ต.ค. 2563 เวลา 00.29 น.
  • CS
    บาง รร แสวงหากำไรจนลืมปรัชญาการศึกษา เด็กวัย 0-5ขวบ คือวัยทองคำที่จะปูพื้นฐานรากฐานชีวิตที่สำคัญ ในการพัฒนาสมอง เห็นหนังสือหลายเล่มพูดถึงไว้ บางเล่มบอกว่า กว่าจะถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว
    03 ต.ค. 2563 เวลา 02.32 น.
ดูทั้งหมด