จากข่าวการทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลที่เกิดขึ้นในบ้านเราจนเป็นข่าวใหญ่และสร้างความตกตะลึงให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองเป็นอย่างมาก ว่าทำไมโรงเรียนถึงเลือกคนที่ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการเป็นครูหรือเป็นพี่เลี้ยงมาทำหน้าที่นี้ แถมเมื่อเกิดเหตุ เพื่อนครูคนอื่น ๆ ก็ไม่มีใครคิดจะห้าม ทำเหมือนเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเป็นประจำ
ในประเทศญี่ปุ่นเองก็มีปัญหาเรื่องการทำร้ายร่างกายเด็กอยู่บ้างนะครับ แต่ส่วนใหญ่สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นสิ่งที่เกิดจากความรุนแรงในครอบครัวมากกว่า ส่วนการทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนเล็ก ๆ เช่น นักเรียนชั้นอนุบาลที่เกิดจากครูนั้น แทบจะไม่ค่อยเกิดขึ้นเลย วันนี้ผมเลยจะมาเล่าถึงระบบการศึกษาของโรงเรียนอนุบาลในญี่ปุ่น ว่าเป็นอย่างไร ทำไมถึงไม่ค่อยเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้น แล้วเขาลงโทษเด็กนักเรียนด้วยวิธีอะไรกันนะ ?
อย่างแรกเลยคือรัฐบาลญี่ปุ่นในปัจจุบันให้การสนับสนุนการเรียนในระดับอนุบาลมากนะครับ อย่างเมื่อปีที่แล้วรัฐบาลญี่ปุ่นก็ผ่านงบสนับสนุนเงินพ่อแม่ ให้เด็กอายุ 3-5 ขวบเรียนโรงเรียนอนุบาลฟรี เพื่อลดค่าใช้จ่ายของครอบครัวและเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเพิ่มจำนวนประชากรไปในตัวด้วย
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ญี่ปุ่นค่อนข้างจริงจังกับโรงเรียนอนุบาลก็เพราะเขาถือว่าเด็กในวันนี้เป็นวัยที่เหมาะสมที่สุดในการปลูกฝังจิตสาธารณะ เรียกว่าจะทำให้เด็กญี่ปุ่นมีความเป็นญี่ปุ่นได้มากที่สุดก็ในช่วงวัยนี้ เด็ก ๆ ในโรงเรียนอนุบาลจึงจำเป็นที่จะต้องถูกปลูกฝังสิ่งต่าง ๆ ต้องเรียนรู้ว่าสิ่งไหนเป็นสิ่งดี สิ่งไม่ดี ควรทำหรือไม่ควรทำ เพื่อจะได้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ในอนาคต ดังนั้นคุณครูอนุบาลจึงถือเป็นบุคคลสำคัญในเรื่องนี้ครับ
ผมมีเพื่อนชาวญี่ปุ่นอยู่คนนึงชื่อว่ามากิโกะซัง ตอนนี้มากิโกะซังเป็นคุณครูโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในโอซาก้า ซึ่งเธอเล่าว่าการคัดเลือกคุณครูอนุบาลในญี่ปุ่นนั้น มีการคัดเลือกที่มีความเข้มงวดพอสมควรเพื่อหาคนที่มีคุณสมบัติในการดูแลเด็ก ๆ โดยเฉพาะความสามารถพิเศษในด้านต่าง ๆ ทำให้คุณครูอนุบาลในญี่ปุ่นหลาย ๆ คนต้องมีความสามารถในการเล่นดนตรี
อย่างเปียโนที่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ รวมถึงคุณครูยังต้องเป็นคนที่แอคทีฟ เพราะนอกจากจะต้องคอยดูแลเด็ก ๆ รับมือเด็ก ๆ ตลอดเวลาแล้ว ยังต้องคอยทำกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดเวลาอีกด้วย
โรงเรียนอนุบาลในญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเน้นกิจกรรมและการอยู่ร่วมกันกับเพื่อน ๆ มากกว่าการเรียนการสอนนะครับ อย่างโรงเรียนของมากิโกะซังนี่คือแทบไม่ได้มีการเรียนการสอนวิชาการใด ๆ เลย แต่จะเป็นการให้เด็ก ๆ “เล่น” ไปพร้อมกับการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นการวาดรูป เล่นดนตรี ร้องเพลง และสิ่งที่สำคัญก็คือการได้เรียนรู้ระเบียบวินัย การใช้ชีวิตในสังคม การเอาตัวรอด โดยเฉพาะเวลาเกิดภัยพิบัติ และเรียนรู้ผิดชอบชั่วดีว่าสิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำ ควบคู่ไปกับพัฒนาการด้านต่าง ๆ ทั้งอารมณ์และร่างกาย ที่สำคัญคือต้องทำให้เด็ก ๆ รู้สึกว่า “อยากมาโรงเรียน” ไม่ใช่ให้รู้สึกว่าโรงเรียนเป็นสถานที่น่ากลัว
สิ่งที่สำคัญที่สุดในโรงเรียนอนุบาลก็คือ “กิจกรรม” ภายในโรงเรียนนั่นเองครับ ไม่ว่าจะเป็นงานกีฬาสีที่จะสอนให้เด็ก ๆ เป็นคนมุ่งมั่นและเอาจริงเอาจังในการเอาชนะ งานประจำฤดูต่าง ๆ ที่จะสอนให้เด็ก ๆ รู้จักการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ และเรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่น รวมถึงการแสดงประจำปีที่เด็ก ๆ จะต้องฝึกซ้อมร่วมกับเพื่อน ๆ เพื่อที่จะมาแสดงต่อหน้าผู้ปกครอง ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้ปกครองของนักเรียนอนุบาลก็จะต้องมีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่าง ๆ ของเด็ก ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬา การเข้าประชุม หรือแม้แต่การเตรียมทำข้าวกล่องในบางวันที่มีการกำหนดไว้
นอกจากนี้ คุณครูโรงเรียนอนุบาลถือเป็นบุคคลที่ต้องมีความรับผิดชอบสูง เพราะต้องคอยช่วยเหลือและระมัดระวังเด็ก ๆ ที่ตัวเองดูแลเสมอ แล้วก็จะมีคุณครูหลายคนที่ช่วยกันดู ถ้ามีความผิดปกติใด ๆ ก็จะต้องรีบรายงานทันที รวมถึงมีบทลงโทษต่อคุณครูที่มีความประมาทเลินเล่อหรือทำงานบกพร่องจนทำให้เด็ก ๆ มีอันตรายอีกด้วย
ดังนั้นการที่คุณครูอนุบาลจะทำร้ายเด็ก ๆ จึงเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในญี่ปุ่น เพราะมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดและมีกฎหมายที่รุนแรง ซึ่งญี่ปุ่นเองก็มีการออกกฎหมายใหม่และเพิ่มโทษมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่ในระดับประถมหรือมัธยมเองก็ตาม
ในปัจจุบันการทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนแม้แต่เล็กน้อยนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ที่อาจจะทำให้ถึงขั้นถูกจับและถูกฟ้องร้องอย่างหนัก นั่นทำให้อาชีพคุณครูในโรงเรียนทุกระดับชั้นนั้นเป็นอาชีพที่มีความกดดันค่อนข้างสูง
แล้วในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว …
ในโรงเรียนอนุบาลในญี่ปุ่นนั้น คุณครูจะใช้วิธีลงโทษเด็กนักเรียนแบบไหนกันล่ะ ?
คำตอบก็คือเขาจะใช้วิธีการ “ให้รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ” ครับ
ถ้าเด็กทำผิด คุณครูนั้นก็จะมีหน้าที่ในการชี้บอกว่าสิ่งที่ทำนั้นมันผิดอย่างไรด้วยเหตุผลให้เด็ก ๆ รับฟัง แล้วเด็กจะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองทำอย่างไร เช่น ถ้าเด็กขว้างปาอาหาร ครูก็ต้องอธิบายให้เด็กเข้าใจถึงคุณค่าของอาหาร และลงโทษให้เด็กที่เล่นขว้างปาอาหารนั้นทำความสะอาดด้วยตัวเอง ถ้าเด็กไม่ยอมทำการบ้าน ครูก็อาจจะต้องให้ทำเพิ่มขึ้น ถ้าเด็กไม่ยอมทำความสะอาดตู้เก็บของของตัวเอง ไม่รักษาความสะอาดของส่วนรวม ไม่ยอมทำเวรหรือทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ก็จะถูกรับมอบหมายให้ทำความสะอาดส่วนอื่น ๆ
หรือให้งานส่วนอื่นเพิ่มมากขึ้น ถ้าเด็ก ๆ ดื้อไม่ยอมฟังที่ครูสอน ก็อาจจะตัดกิจกรรมบางอย่างที่เด็ก ๆ ชอบออก แล้วสอนให้รู้ว่าสิ่งที่เขาทำลงไปนั้นมันส่งผลต่อตัวเขาเองและเพื่อน ๆ อย่างไร ซึ่งวิธีการนี้จะเป็นการปลูกฝังความรับผิดชอบในตัวเด็ก ๆ ไปในตัวด้วย
นอกจากนั้นคุณครูโรงเรียนอนุบาลก็จะใช้วิธีการให้รางวัลเป็นการจูงใจเด็กนักเรียนที่ทำดี อาจจะเป็นตราประทับ เป็นสติ๊กเกอร์น่ารัก ๆ หรือการพาไปเที่ยวทัศนศึกษาตามที่ต่าง ๆ ซึ่งการลงโทษนั้นก็อาจจะมาในรูปแบบของการ “งดให้รางวัล” ด้วยก็ได้เช่นกัน ซึ่งตรงนี้มากิโกะซังเล่าให้ฟังว่าจริง ๆ แล้วการให้รางวัลเป็นแรงจูงใจนั้นดูเหมือนจะได้ผลดีกว่าการลงโทษหลายเท่าเลยทีเดียว ดังนั้นการตีหรือการทำร้ายร่างกายเด็ก ๆ จึงเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น และถือเป็นสิ่งต้องห้ามในโรงเรียนญี่ปุ่นในปัจจุบัน
แล้วถ้าเกิดเหตุครูทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนขึ้น ที่ญี่ปุ่นจะแก้ปัญหาอย่างไร ?
เมื่อปีที่แล้วก็เกิดคดีเรื่องการที่ครูทำร้ายร่างกายเด็กจนเป็นข่าวใหญ่ในญี่ปุ่นอยู่เหมือนกันนะครับ เหตุเกิดที่เมืองคิตะคิวชูจังหวัดฟุกุโอกะ ที่สถานรับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียน (ก่อนเข้าอนุบาล) คนร้ายที่ถูกจับเป็นชายชาวแคนาดาวัย 40 ปีที่เป็นครูภาษาอังกฤษ โดยมีการเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดว่าเขาทำการตีเด็กนักเรียนคนนึง รวมถึงลากเด็กออกจากของเล่นที่กำลังเล่นและทำการเอาหนังสือยัดปากเด็ก ซึ่งหลังถูกเปิดเผยครูชาวแคนาดาคนนี้ก็ถูกลงโทษทางกฎหมายอย่างหนักรวมถึงถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายอย่างหนักอีกด้วย นอกจากถูกลงโทษเป็นรายบุคคลแล้ว สถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนั้นก็ถูกปิดไปเช่นกัน
สำหรับเหตุผลที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้นั้นเป็นเพราะว่าโรงเรียนแห่งนี้นั้นเป็นไม่ใช่โรงเรียนอนุบาลที่อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลแต่เป็นสถานรับเลี้ยงเด็กเอกชนที่ไม่มีใบอนุญาต นั่นทำให้การดูแลควบคุมครูนั่นไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ก็กลายเป็นกระแสในญี่ปุ่นให้รัฐบาลเข้ามาควบคุมดูแลให้ดีขึ้นกว่านี้
จะเห็นได้ว่าช่วงวัยอนุบาลนั้นเป็นวัยสำคัญที่จำเป็นจะต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง เรียกว่าอยากให้เด็กโตขึ้นมาเป็นคนอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับการปลูกฝังในช่วงนี้ อนาคตของประเทศจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลเด็กในวัยนี้เช่นกัน
ดังนั้นคุณครูจึงเป็นส่วนสำคัญ การคัดเลือกคนที่จะมาเป็นครูของเด็ก ๆ จึงเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนควรจะใส่ใจ ไม่ใช่หาเพียง “ใครก็ได้” มาทำหน้าที่นี้เพราะเห็นว่าเป็นหน้าที่ที่ไม่สำคัญ และคนที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือผู้ปกครองที่ต้องช่วยกันสอดส่องดูแลลูก ๆ ถึงความผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะสามารถแก้ไขได้หากเกิดความผิดพลาดขึ้น ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป …
อ้างอิงข่าวจาก TBS News
ติดตามบทความใหม่เกี่ยวกับเรื่องน่ารู้และเรื่องแปลก ๆ ของประเทศญี่ปุ่นทาง LINE TODAY: TOP PICK TODAY จากผมได้ทุกวันเสาร์นะครับ
ช่องทางการติดตามเพิ่มเติม
Facebook :Eak SummerSnow
Youtube : Eak SummerSnow
ธนชัย เศรษฐสมภพ 48 ที่รร.โพฒิสารนครสวรรค์หลานสาวเรียนชั้นป1เวลาเด็กทำอะไรผิดเค้าจะให้เด็กคัดลายมือแทนการตี
08 ต.ค. 2563 เวลา 13.44 น.
Songsri T. ของไทยไม่เห๋็นความสำคัญกับเด็กเท่าไร มีแต่ข่าวทำร้ายเด็กเกือบทุกวัน เะราะการทำโทษผู้กระทำผิดต่อเด็กไม่จริงใจมากกว่า อย่างกรณีที่มีปัญหาครูจุ่มทำร้ายเด็ก ความจริงต้องปิดรร.ไป เพราะรัฐไม่ปฎืบัติอย่างจริงจัง กฎระเบียบมี แต่้เจ้าหน้าที่ไม่การสอดส่อง คอยดู
มันก็มีผู้ที่กระทำผิดอยู่ประจำ ทุกอย่างต้องคอยตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ เข้มงวด มันจึงจะระเบียบ รัฐ
คอยสนับสนุนเงิน
06 ต.ค. 2563 เวลา 23.21 น.
Kan โตมามั่วเซ็กซ์
บูชาเซ็กซ์
ไร้ศีล5
จบกันพอดี
06 ต.ค. 2563 เวลา 22.58 น.
pakorn ส่งให้เจ้าของ และครูๆสารสาสน์อ่านมั่งดิคะ
06 ต.ค. 2563 เวลา 22.31 น.
เหตุผลทำไมประเทศญี่ปุ่นเขามีระเบียบ เขาเริ่มจากเด็กเล็กๆ และรัฐบาลให้การสนับสนุนแบบจริงจังๆ ลงมือทำจริงๆๆๆ ไม่ใช่แค่พูด แค่มีนโยบาลแต่ไม่ลงมือทำจริงจัง ลงโทษนักการเมืองที่คอรัปชั่นก็แบบทำโทษจริงๆ ตรวจสอบจริงๆ ไม่เหมือนเราถ้าเส้นใหญ่ก็ผ่าน คือง่ายๆ แค่พูดว่ารัฐบาลญี่ปุ่น แค่นี้ไทยก็เทียบไม่ติดแล้ว
06 ต.ค. 2563 เวลา 22.28 น.
ดูทั้งหมด