นอกจากนิยามของความรักที่มีหลากหลายเยอะแยะมากมาย ผมว่ากฎของความรักนี่ก็เยอะไม่แพ้กัน
เพราะเราสามารถตั้งมันขึ้นมาเองได้ ตามประสบการณ์ที่คุณเจอมา และมันไม่มีกระทรวงไหนมาควบคุมดูแลเรื่องนี้ไง
ผมมีกฎของจักรวาลรักข้อหนึ่ง ซึ่งผมแอบตั้งมันขึ้นมาเองเหมือนกัน คือว่า
“กฎแห่งความรักทุกข้อจะใช้การได้ จนกว่าคุณจะมีความรักเอง”
แปลให้เข้าใจง่ายขึ้น คือทฤษฎีหรือกฎอะไรที่เกี่ยวกับความรักที่คนเราตั้ง ๆ กันขึ้นมา หรือเอามาสอนใจกัน มันจะเป็นจริงเฉพาะตอนเวลาที่เราบอกคนอื่น แต่เมื่อเรามีความรักเองนั่นแหละ เราจะพบว่าตัวเองก็ทำมันไม่ได้อย่างที่เคยพูด
มีครั้งหนึ่งผมเพิ่งเลิกกับแฟนมาไม่นาน แต่บนเฟซบุ๊กผมก็ยังเขียนบทความแนวให้กำลังใจตามปกติของคนกึ่งโลกสวยอยู่
ตอนนั้นมีรุ่นน้องผมสองคนแชทมาหาและปรึกษาเรื่องของเขา
คนหนึ่งแชทมาขอบคุณผมสำหรับข้อความที่เขียน และเขาก็ปรึกษาปัญหาเรื่องความรัก ตอนนั้นผมคิดในใจว่า อืม เป็นไงล่ะ คนอกหัก ให้คำปรึกษาและให้กำลังใจคนอกหัก
จริง ๆ แล้วก่อนนี้ผมเคยระบายเรื่องของตัวให้เพื่อนบางคนฟัง แต่ผมสัมผัสได้เลยครับ ว่าเพื่อนที่ไม่เคยอกหัก โดนทิ้ง เขาไม่เข้าใจหัวอกเราจริง ๆ
ไม่ใช่เขาไม่อยากเข้าใจนะครับ แต่เขาไม่เคยอยู่ตรงจุดนั้นเหมือนเราไง แต่ความหวังดีของเขา ก็ทำให้เขารับฟังและปลอบใจเรา บางคนยอมรับกับผมเลยว่า เออ เขาไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกนี้มากเท่าไหร่
บางเรื่อง ถ้าใครไม่เคยเป็น ไม่เคยเจอก็คงไม่เข้าใจจริง ๆ
ผมเลยได้ใช้เวลาบางส่วนที่แบ่งออกมาจากเวลาแห่งความเสียใจ มาให้กำลังใจคนที่อกหักเหมือนผม
แล้วเราจะพบความจริงอย่างหนึ่งว่า พอมีเพื่อนของเราที่มีความทุกข์แบบเดียวกับเรา ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ตกงาน เป็นหนี้ ป่วยหนัก หรือใครก็ตามที่เราเป็นห่วงเขา แล้วเขามาปรับทุกข์ มาระบายกับเรา ในขณะที่เราเอง พูดตรงๆ ก็ยังเอาตัวเองไม่รอด แต่เราตัดสินใจช่วยเขาก่อน เหมือนเราบอกกับความทุกข์ของตัวเองที่เราแบกไว้ว่า เดี๋ยวขอวางไว้ตรงนี้แปปนึงนะ จะไปช่วยเพื่อนมันก่อน เดี๋ยวกลับมาเอา แล้วจะแบกเอาไว้บนบ่าใหม่
เราพยายามช่วยเพื่อนแบ่งเบาความทุกข์ของเขา แล้วพอเสร็จ เรากลับมาที่เดิม อ้าว ความทุกข์นั้นหายไปไหนแล้ว วางทิ้งไว้เมื่อกี้นี้ กลับมาไม่เจอแล้ว หรือเจอ มันก็เล็กกว่าเดิม เหมือนว่ามีใครมาขโมยมันไป
มันเป็นอย่างนี้จริง ๆ นะครับ ความทุกข์เราลดลงเมื่อเราช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของผู้อื่น
การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ
ส่วนรุ่นน้องผมอีกคนหนึ่งก็แชทมาหา บอกว่าพี่ ขอระบายหน่อยเถอะ โดนเทมา ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายโดนปฏิบัติด้วยแย่ ๆ ด้วยซ้ำ และคิดว่าตัวเองต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายบอกเลิก ไม่ใช่อีกฝ่าย
ผมฟังแล้วก็รู้สึกว่า อืม ดีแล้ว จบเหอะ อีกฝ่ายมันแย่จริง ๆ
จะมัวมารักเขาไปทำไม ในเมื่อเขาไม่รัก ไม่ใยดีกับเรา
รักตัวเองดีกว่า
รักคนที่เขารักเราดีกว่า
บล๊อกเฟซ แชท ไลน์ เบอร์โทรไปเลย จะได้ตัดคนแบบนี้ออกจากชีวิตไป
ยังมีคนดี ๆ อีกเยอะที่พร้อมจะรักเรานะ
ทุกเหตุผลและคำพูดปลอบใจที่ผมให้ไป ล้วนเป็นสิ่งที่ผมเคยบอกเพื่อนผมคนอื่น และเป็นสิ่งที่เพื่อนผมบอกกับผมเช่นกัน ช่วงที่ผมอกหักนี่แหละ
แต่ถามจริง ๆ ว่า แล้วพอเป็นตัวเอง ทำได้มั้ยที่พูดไปเนี่ย?
ผมค้นพบตัวเองว่าเรามักทำไม่ได้หรอก อะไรๆ ที่เกี่ยวกับความรักที่เราเคยสอนเพื่อน ที่เราเคยด่ามัน ที่เราเคยดึงสติกัน พอถึงเวลาเรารักเอง เราก็ทำไม่ได้
เราโดนพลังแห่งความรักทำลายทุกขนบ ฉีกทุกกฎที่เคยมีและว่ากันไว้
แต่คุณเคยได้ยินประโยคประมาณนี้ไหม
“ตั้งเป้าไว้ให้ถึงดวงจันทร์ เพราะถ้าคุณพลาด คุณก็ยังอยู่ท่ามกลางดวงดาว”
การตั้งเป้าหมายบางอย่างไว้ การกำหนดมาตรฐานชีวิตที่สูงไว้ก่อน ทำให้อย่างน้อย แม้เราไปไม่ถึงตรงนั้นจริง เราก็ยังไปได้ไกลกว่าที่เราคาดไว้อยู่ดี
เรื่องความรักก็เหมือนกัน ถ้าก่อนที่เราจะรัก เรามีมาตรฐานที่เรากำหนดไว้ ว่าถ้าวันหนึ่งเรารักใคร เราจะไม่เป็นแบบนี้ เราจะรักอย่างมีสติ เราจะรักอย่างมีเหตุผล
แม้พอถึงเวลาจริง ทุกสิ่งที่เราเคยบอกกับตัวเอง แม้เราจะทำแทบไม่ได้เลย แต่เราจะยังมีมาตรฐานความตั้งใจของเราอยู่ แล้วตอนที่เราอกหัก ตกจากสวรรค์ อย่างน้อยเราก็ไม่เจ็บหนัก เพราะเราหล่นจากดวงจันทร์ แต่มันไม่ตกกระทบพื้นดิน
เรายังลอยอยู่ท่ามกลางดวงดาวครับ
ทำได้ไม่ได้ว่ากันอีกที แต่ต้องเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อไว้ก่อน
ทุก ๆ เรื่องในชีวิต เราควรมีมาตรฐานให้กับมัน ความรักก็เช่นกัน
ความคิดกับความรู้สึกบางทีมันยังตามกันไม่ทัน ความรู้สึกยังวิ่งตามมาล้าหลัง มันยังเดินช้าๆ บางทีมันก็หยุดเดิน นั่งพัก เพราะมันเหนื่อย มันเจ็บ มันยังตามมาไม่ไหว หรือบางทีมันก็ไม่มีอารมณ์ที่จะตามมา แต่ความคิดเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้มากกว่าความรู้สึก เราต้องให้มันนำหน้าไปก่อน กำหนดให้มัน ว่าเราควรจะเป็นอย่างไร แล้วก็พยายามไปให้ถึงจุดนั้น
วิธีการจะตามมาหลังหลักการเสมอ
ถึงแม้ยังทำไม่ได้ตอนนี้ แต่เรารู้ว่าเราต้องเป็นยังไง มันต้องมีภาพในหัวอยู่ มันทำให้เราไม่ลอยเคว้างคว้างไร้จุดหมายครับ
เอาจริง ๆ ทุกวันนี้ผมก็ยังทำไม่ได้ทุกอย่างในเรื่องที่พูดที่เขียนไป แต่อย่างน้อยคิดได้ก็ดีกว่าคิดไม่ได้ คิดได้ ก็จะทำให้มันมีโอกาสทำได้ในวันหนึ่ง
แล้วมันจะค่อย ๆ ดีขึ้นแน่ ๆ ครับ ในวันหนึ่ง
Tickety-Boo!!!🐈 ความรัก..มันไม่มีกฎตายตัวหรอก!!!
สรุปสุดท้าย มันก็อยู่แค่ว่า..
รัก
หรือ
ไม่รัก
...เท่านั้นเอง...
15 พ.ย. 2562 เวลา 04.54 น.
อืม..เข้าใจละ..คนอื่นเห็นเราเหยียบหนามแหลม เขารู้ว่าเราเจ็บแน่ๆ มีแต่เราที่รู้ดีที่สุดว่า มันเจ็บขนาดไหน ลึกล้ำเพียงได?.
15 พ.ย. 2562 เวลา 07.00 น.
ผมคิดว่าในนิยามของความรักก็ไม่มีอะไรมากนักหรอกครับที่จะทำให้ความรักนั้นยืนยาวได้ นอกเสียจากควรที่จะต้องยึดอยู่ในหลักของความเข้าใจ ความซื่อสัตย์ และก็ความอดทนเท่านั้นเองครับ.
15 พ.ย. 2562 เวลา 07.17 น.
Tui of Earth เป็นบทความที่น่าอ่าน เพราะเขียนจากประสบการณ์ เคยคิดเล่นๆอยู่เหมือนกันะ ถ้าความรักมีกฏที่ตายตัว เช่น1+1=2 ก็คงจะดีไม่น้อย
แต่ในโลกของความเป็นจริง
ความรักเปรียบเสมือนความว่างเปล่า ไม่ผูกมัดในสิ่งที่เรารักได้ นั้นคือความรักอย่างแท้จริง
15 พ.ย. 2562 เวลา 07.16 น.
chAyA จากบทความนี้.. แสดงให้เห็นว่า ถ้าคุณไม่เคยยืนอยู่ ณจุดนั้น คุณไม่มีวันเข้าใจ^^
แสดงว่า.. คนที่เจออะไรมาเยอะๆ เจ็บมาเยอะ เป็นคนที่เข้าใจอะไรๆได้ง่าย และเข้าใจคนอื่น เห็นอก เห็นใจคนอื่น
จำเป็นด้วยหรือ..ที่เราต้องเจอเอง^^ เจ็บเอง^^ จึงจะเข้าใจ ใช้ประสบการณ์ของคนอื่นเป็นบทเรียนของเราจะป็นการเซฟตัวเองดีกว่ามั้ย.???
15 พ.ย. 2562 เวลา 08.39 น.
ดูทั้งหมด