ในวันที่การประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมให้กับการเสียชีวิตเนื่องจากการใช้กำลังเกินกว่าเหตุโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจของ จอร์จ ฟลอยด์ ลุกลามบานปลายไปทั่วประเทศ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่า “ถ้ารัฐบาลท้องถิ่นไม่ลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ผมจะส่งทหารเข้าพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาให้พวกเขา”
คำถามก็คือ ทรัมป์มีอำนาจทำได้หรือไม่
ภายใต้กฎหมาย Posse Comitatus Act ที่บังคับใช้มื่อปี 1878 กองทัพไม่สามารถยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายของฝ่ายพลเรือน ไม่ว่าจะเป็นการจับกุม ยึดทรัพย์สิน หรือค้นตัวบุคคล
อย่างไรก็ดี Insurrection Act หรือกฎหมายปราบจลาจลที่บังคับใช้ในปี 1807 มีบทบัญญัติยกเว้นให้ประธานาธิบดีสหรัฐส่งทหารลงพื้นที่เพื่อควบคุมความวุ่นวายที่ไม่สามารถใช้กฎหมายทั่วไปบังคับใช้ได้ โดยมีข้อแม้ว่าผู้ว่าการรัฐจะต้องร้องขอ
ทว่า แม้ว่ารัฐบาลท้องถิ่นว่าคัดค้านการส่งทหารเข้าพื้นที่ เหมือนอย่างที่ผู้ว่าการรัฐหลายแห่งประกาศชัดเจนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ก็ยังมีช่องว่างให้ทรัมป์ใช้อำนาจประธานาธิบดีได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ว่าการรัฐหรือสภาคองเกรส
หนึ่งในข้อยกเว้นก็คือ เมื่อรัฐบาลท้องถิ่นละเมิดสิทธิของประชาชน ตัวอย่างเช่นในปี 1957 ประธานาธิบดี ดไวท์ ไอเซนฮาวร์ ส่งหน่วยพลร่มที่ 101 และกองกำลังพิทักษ์ชาติ (National Guard) ไปยังเมืองลิตเติลร็อก รัฐอาร์คันซอ เพื่อบังคับใช้คำพิพากษาของศาลที่อนุญาตให้นักเรียนผิวดำ 9 คนเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมที่มีแต่คนผิวขาว
ต่อมาประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี และประธานาธิบดี ลินดอน บี. จอห์นสัน ก็ใช้กฎหมายฉบับเดียวกันนี้เพื่อบังคับใช้คำสั่งศาลเกี่ยวกับการยกเลิกการแบ่งแยกสีผิวในหลายรัฐทางตอนใต้ของประเทศ
จะเห็นได้ว่าประธานาธิบดีคนก่อนๆ ใช้อำนาจเด็ดขาดเพื่อปกป้องมโนธรรมของคนในชาติ นั่นคือการต่อต้านการเหยียดคนให้ต่ำกว่าคน
จากข้อมูลของสำนักงานวิจัยแห่งรัฐสภาสหรัฐ (Congressional Research Service) ระบุว่ามีการใช้กฎหมาย Insurrection Act ครั้งสุดท้ายในปี 1992 หลังจากเกิดเหตุจลาจลในเมืองลอสแองเจลิส เพื่อประท้วงที่ศาลพิพากษาให้ตำรวจผิวขาว 4 นายรุมทำร้ายร่างกาย ร็อดนีย์ คิง คนงานก่อสร้างผิวสีบาดเจ็บสาหัส พ้นผิด
แต่ในกรณีของคิงนั้นผู้ว่าการรัฐเป็นฝ่ายร้องของให้รัฐบาลกลางส่งทหารเข้าพื้นที่
นอกจากนี้สำนักข่าว NBC ของสหรัฐรายงานว่า ยังมีอีกเงื่อนไขหนึ่งตามกฎหมายที่ทรัมป์ยังไม่ได้ทำนั่นคือ ต้องประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงแยกย้ายกันกลับบ้านภายในเวลาที่กำหนดก่อน หากผู้ประท้วงยังฝ่าฝืนรวมกลุ่มกันอยู่จึงจะใช้ Insurrection Act ส่งทหารเข้าพื้นที่ได้
อย่างไรก็ดี สำหรับเหตุจลาจลครั้งล่าสุดนี้ สตีเฟน วลาเดค ศาสตรจารย์ด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยเทกซัส มองว่า สถานการณ์ยังไม่เลวร้ายถึงขั้นที่ทรัมป์จะใช้กฎหมาย Insurrection Act โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากสภาคองเกรส
แล้วจะมีใครหยุดทรัมป์ได้บ้าง?
ในทางทฤษฎีศาลมีอำนาจคัดค้านการประกาศใช้ Insurrection Act ของทรัมป์ ทว่าผู้เชี่ยวชาญมองว่ามีโอกาสน้อยที่ศาลจะหยุดยั้งทรัมป์
โรเบิร์ต เชสนีย์ ศาสตราจารย์กฎหมายจากมหาวิทยาลัยเทกซัสเผยว่า ที่ผ่านมาศาลมักจะไม่ยื่นมือเข้ามาแตะต้องการใช้อำนาจสั่งการทางทหารของประธานาธิบดี ขณะที่ สตีเฟน วลาเดค จากมหาวิทยาลัยเดียวกัน เผยว่าการตรวจสอบการใช้อำนาจโดยมิชอบอย่างแท้จริงถูกทำให้เป็นเรื่องการเมืองไปเรียบร้อยแล้ว
จึงไม่มีใครกล้าแตะต้องการใช้อำนาจพิเศษของประธานาธิบดี เนื่องจากประธานาธิบดีมีสิทธิ์ให้คุณให้โทษอัยการสูงสุด
เชสนีย์ยังกล่าวอีกว่า สุดท้ายคงต้องพึ่งอำนาจของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่จะเขี่ยผู้นำประเทศลงจากตำแหน่งในการเลือกตั้งครั้งต่อไป หากเจ้าของคะแนนเสียงไม่เห็นด้วยกับการใช้กฎหมายปราบจลาจลโดยไม่ฟังเสียงใคร
Chat ไงล่ะ ประเทศประชาธิปไตย!!!!
02 มิ.ย. 2563 เวลา 14.30 น.
ใช่ครับปลูกฝังค่านิยมมานานการแบ่งแยกการเหยียดเป็นเรื่องปกติของพวกคนเมกาผิวขาว
02 มิ.ย. 2563 เวลา 14.14 น.
pop ไอ้ทอน ไอ้บูด ไอ้ช่อ มันอยากได้ไง
02 มิ.ย. 2563 เวลา 14.54 น.
Chalee เขี่ย ทรัมป์ ก็ไม่ง่าย. พวกขวาจัดเยอะนะ อเมริกัน มันก็มีแบ่งข้างทางการเมืองเหมือนกัน รักก็รัก เกลียดก็เกลียด อารมณ์ครอบงำ เหตุผล จะบ้ายังงัยก็รักก็เลือก ฝ่ายตรงข้ามจะดีแค่ไหน ก็ด่าก็ต่อต้าน
02 มิ.ย. 2563 เวลา 13.49 น.
สร้างปัญหา ยุยง สนันสนุนคนขาวมากไป เป็นผู้รำต้องมีคุณธรรมเก็บความชอบส่วนตัวไว้ พอมีปัญหาก็หนีลงหลุมหลบภัยในทำเนียบขาว แล้วยังหาแพะ(ผู้ว่าแต่ลัฝะเมือง)มารับผิดชอบแทนอีก หาแพะตลอดตั้งแต่จีน ผู้ว่ารัฐ who ดีแต่ปาก แล้วก็ขี้ขลาดหนีลงหลุม
02 มิ.ย. 2563 เวลา 14.53 น.
ดูทั้งหมด