ณ สตูดิโอแห่งหนึ่งระหว่างนั่งรอถ่ายรายการทีวีวันนี้
ผมและทีมพิธีกร พี่เอิ๊ก พรหมพร, พี่อ้วนรีเทิร์น, ปุ้ยฝ้าย, ซานิ, น้องกระติ๊บ นั่งใส่แมสปิดปากคุยกันถึงความวุ่นวายที่เจ้าวายร้ายโควิด19ส่งผลต่อชีวิตเราแต่ละคนจนว่างงานกันถ้วนหน้า ระหว่างที่คุยกันไปต่างคนต่างก็นอยด์กินหัวฉีดแอลกอฮอล์ใส่ตัวเองและสิ่งแวดล้อมกันรัวๆจนผมกลัววงสนทนาเราจะไฟลุกไปหมดนั้น พี่อ้วนก็เล่าให้พวกเราฟังว่า
“นี่พี่เพิ่งบริจาคแอลกอฮอล์ช่วยคนที่เค้าขอมาไป 3 ตัน และเดือนนี้พี่บอกให้คนที่พักอพาร์ทเม้นท์พี่ฟรีค่าเช่าห้องไปเลยเดือนนึงนะ มันต้องช่วยกันแล้วจริงๆ”
ผมหันไปยิ้มกับพี่อ้วนอย่างชื่มชมพร้อมกับถามว่าเรื่องดี ๆ แบบนี้ทำไมไม่เห็นพี่โพสลง IG เลยละครับ
“ไม่เอาละ อาย พี่รู้สึกเหมือนอวด เดี๋ยวคนหาว่าชั้นทำดีเอาหน้า”
แต่ยังไม่ทันจบประโยค พวกเราทุกคนต่างแทบจะประสานเสียงตอบพี่อ้วนไปพร้อมๆ กันว่า เรื่องดีๆแบบนี้ มันไม่ควรอาย ถ้าคิดจะอวดก็ควรอวดกันด้วยเรื่องแบบนี้ นี่แหละถึงจะเรียกว่าอวดดี! แล้วมันน่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆในการลุกขึ้นมาทำอะไรดีๆ แบบนี้ตามกันได้ไม่มากก็น้อยนะ
เย็นวันนั้นผม LIVE ผ่านไอจีส่วนตัว @unpuwanart แล้วเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟังแบบไม่ได้มีวาระพิเศษใดๆ เหมือนๆ กับวันอื่นๆ ทั่วไปที่เราหาเรื่องมาคุยกันเท่านั้นเอง แต่อยู่ดีๆ ก็เริ่มมีข้อความบางอย่างโผล่มาให้สะดุดตาและหัวใจว่า…
“พี่อ้วนเค้าบริจาคแอลกอฮอล์ แต่ยังเห็นพี่อั๋นโพสขายเจลล้างมืออยู่เลย ไม่อายบ้างเหรอคะ”
“ดีแต่พูดนะ ตัวเองก็มีเงิน ทำไมไม่รู้จักทำอะไรดีๆอย่างคนอื่นเค้าบ้าง”
“เห็นดาราช่อง 3 เค้าบริจาคกันตั้งหลายล้าน คุณอั๋นล่ะบริจาคเท่าไร”
“หอพักที่หนูอยู่ ยังเก็บเงินค่าเช่าปกติอยู่เลย เจ้าของไร้น้ำใจที่สุดเลย”
แม้จะไม่มากมายแต่ก็เห็นได้ว่าเมื่อมีคนเริ่ม ก็มีคนพร้อมตามและปล่อยให้จิตใจชวนกันไหลลงตำ่ได้โดยง่าย หลายชื่อที่ได้ให้เกียรติแวะเวียนมาปล่อยพลังลบผ่านคอมเม้นต์นั้น เมื่อกดเข้าไปดูก็มักจะพบว่าเป็นคนที่ใช้รูปโปรไฟล์เป็นภูเขาดอกไม้ ใบหญ้าท้องฟ้า ชะนี เก้งกวางหรือลิงกัง ไม่มีเพื่อน แถมไม่เคยโพสอะไร เหมือนตั้งใจไม่แสดงตัวตน นอกจากสร้างบัญชีรายชื่อนี้ไว้เพื่อใช้เป็นส้วมอารมณ์แล้วจากไป โดยคิดว่าไม่ได้มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้นกับสิ่งที่ชั้นคายทิ้งไว้โดยไม่ได้ผ่านรอยหยักสมองหรือหัวใจ
ณ สตูดิโอเดิมในวันถัดมา ผมเล่าให้ทุกคนฟังถึงสิ่งที่ได้พบเจอนี้ แบบเล่าไปขำไปไม่ซีเรียสอะไร แต่จู่ๆ ช่างแต่งหน้าผู้อ่อนโยนสดใสก็ถามแทรกขึ้นมาว่า
“พี่ได้แคปหน้าจอคนพวกนั้นไว้ไหม เดี๋ยวหนูตามไปช่วยด่ามันให้ รับไม่ได้กับคนพวกนี้เราต้องไม่ปล่อยให้คนชั่วลอยนวลนะคะ”
ผมได้แต่ขำและตอบไปด้วยวาทะธรรมของท่านพุทธทาสภิกขุเท่าที่ผมพอจะจำได้ว่า
“หมาเห่า อย่าเห่าตอบ เพราะจะทำให้มีหมาเพิ่มมาอีกหนึ่งตัวนะ”
“โอ้ยพี่ หนูไม่กลัวหรอก หนูมีไอจีอีกอันนึง เอาไว้สำหรับด่ากับอีพวกคนแบบนี้โดยเฉพาะเลย
เกลียดจริงๆ พวก comment กากๆ เห็นแล้วทนไม่ได้”
บทสนทนานั้นดำเนินต่อไปอีกพักใหญ่ ก่อนจะจบไปด้วยเสียงหัวเราะสนั่นหวั่นไหว แต่สิ่งนี้กลับกวนหัวใจผมไปทั้งวัน เพราะอยู่ดีๆ ผมก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่า หรือจริงๆ แล้ว comment ดราม่าด่าทอสารพัดประชดประชันยัดเยียดข้างที่ลอยอยู่เต็มโซเชียลทุกวันนี้นั้น มันก็อาจเกิดจากความเขลาเข้าใจผิด และคิดไปว่าตัวเองกำลังทำไปด้วยเจตนาที่ดีแบบนี้ก็เป็นได้ เมื่อมีคนหนึ่งเริ่มก็จะมีคนตาม เมื่อมีฝ่ายต่อว่าก็จะมีฝ่ายปกป้อง แล้วสงครามย่อยๆ ก็จะค่อยๆ เริ่มขึ้นจนฝุ่นตลบไปมาจน
ลืมเจตนา และหาประโยชน์ไม่ได้ นอกจากคำพูดเสียดแทงที่รอจะปะทุสู่ความหยาบคายและกลายเป็นรุนแรงขึ้นจนหาประเด็นไม่เจออีกต่อไป ฝ่ายไหนหยุดก่อนก็ดูคล้ายว่าจะเป็นผู้แพ้ที่ต้องล่าถอยไปด้วยความอ่อนล้าของนิ้วที่ล๊อค พร้อมกับหัวใจที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นเร่าร้อนรอวันกลับมาสู่สนามรบอีกครั้งอย่างตั้งใจเมื่อสบโอกาสครั้งใหม่ ในขณะที่อีกฝ่ายนั้นก็คงรู้สึกย่ามใจกับชัยชนะและโดยไม่รู้ตัว ก็ได้ยกระดับสถาปนาสวมมงกุฎให้กับตัวเองขึ้นมาเป็นองครักษ์พิทักษ์โซเชียล ไล่ล่าตามหาคนที่ตนเองคิดว่าน่าจะเป็นแม่มดต่อไปเรื่อยๆ
ถ้าเป็นสมัยก่อนในยุคที่เรายังมีแต่โลกแห่งความจริง จะคุยอะไรกันก็ต้องเห็นหน้าค่าตากันนั้น เวลาที่เราโมโหหรือโกรธใคร ก็อาจจะมีเผลอปากพลังใจระเบิดอารมณ์ใส่กันไปบ้างนานๆ ที ไม่พอใจก็เดินมาหาเรื่อง ชี้หน้าด่า ท้าต่อย วิ่งไล่ตบ แต่สุดท้ายก็เคลียร์กันได้ด้วยเวลาที่ช่วยให้โทสะโมหะคลาย หายแล้วก็แยกย้ายจบไป
แต่ถ้าเป็นสมัยนี้ เราก็ยังโกรธโมโหกันเหมือนๆเดิม ด้วยเรื่องและมูลเหตุไม่กี่เรื่องคล้ายๆกันนั่นแหละ แต่อยู่ดีๆเทคโนโลยีก็อนุญาตให้เราปาระเบิดใส่กันได้ซะถี่ยิบแถมทำได้โดยที่ไม่ต้องเห็นหน้า หรือว่าแสดงตนเลยด้วยซ้ำ แค่ขยับนิ้วไม่กี่ทีคนดีๆ ก็กลายเป็นเลวได้ โดยแทบไม่ต้องรับผิดชอบหรือสนใจว่าผลกระทบอะไรจะตามมา
สิ่งที่น่ากังวลใจมากกว่าคือสุดท้ายโดยไม่รู้ตัวคนบางคนก็จะค่อยๆ กลายร่างเป็น…
ปีศาจในคราบของนางฟ้า
สัตว์ร้ายในร่างของเทวดา
ความเหยียดหยาบคายในนามของความถูกต้อง
เสพติดการตามหาคนที่ "น่าถูกด่า" และพอเห็นอะไรขวางหูขวางตา
ก็จะเกิดความคิดว่า
”ต้องด่าให้ได้” ซ้ำไปวนไปไม่รู้จบ
ผมไม่ได้พูดถึงคอมเม้นต์ทั้งหมดแต่อย่างใด ที่อ่านๆ ไปนั้นก็มีที่เห็นต่าง แต่ค้านกันอย่างสร้างสรรค์และสุภาพ เป็นที่น่าชื่นชมและชื่นหัวใจอยู่ไม่น้อย แต่เราต้องยอมรับว่าโซเชียลมีเดียนั้นเปิดโอกาสให้คนเพี้ยนๆที่บกพร่องทางวิจารณญาณโดยไม่รู้ตัวได้มีที่ยืนกันดาษดื่น
คนที่พร้อมวิจารณ์เรื่องของคนอื่นโดยไม่รู้จัก
คนที่รักและรู้สึกเป็นเจ้าของโดยไม่ได้มองถึงสิทธิส่วนบุคคล
หรือคนที่แค่อยากมีตัวตนโดยไม่สนใจวิธีการว่ามันระรานศีลธรรมอันดีงามยังไง ขอแค่ให้ได้มีใครมากดไลค์ ไม่ว่าจะเพราะขำ สมเพช หรือเห็นใจ
ที่พูดมาทั้งหมดนี้ ก็ไม่ได้แม้สักนิดที่จะคิดว่าตัวเองเหนือกว่าใคร หรือไม่เคยโพสต์ตอบโต้อะไรที่ไม่เหมาะควรเลย ยังคงเรียนรู้เติบโตจากความผิดพลาดของตัวเองอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพียงแค่อยากแบ่งปันบทเรียนเล็กๆจากสิ่งที่ตนเองพบเจอมาว่า เชื่อผมเถอะเกือบทุกอย่างที่ทำไปโดยมี“ความสะใจ” เป็นแรงขับเคลื่อนจะเป็นการกระทำที่นำความเสียใจมาสู่คุณเสมอ
อยากให้ประเทศไทยเป็นสังคมอุดมน้ำใจ แต่ไม่อยากให้ใครเผลอเอาน้ำใจของแต่ละคนมาวัด และตัดสินกัน..
อ้าวเบลล่าหรือญาญ่านะที่บริจาคมากกว่า แล้วอั้ม พัชราภาล่ะทำอะไรรึยัง
ดาราคนนี้ลงพื้นที่ ส่วนอีกคนทำไมดีแต่ชี้นิ้วสั่ง ดีเจคนนี้ทำไมดีแต่พูด
นักข่าวคนนี้ดีแต่วิจารณ์ นักเขียนคนนี้ทำไมดีแต่เขียน นักร้องคนนี้โหนกระแสเก่งจริงนะออกเพลงใหม่ทุกทีที่มีวิกฤตการณ์
จริงๆ แล้วมันก็แค่ใครถนัดทำอะไรก็ทำสิ่งนั้น และทุกคนควรให้กำลังใจกันมากกว่าบั่นทอน
คุณไม่มีทางรู้ว่าบางทีเจ้าของอพาร์ตเมนต์ที่ถูกมองว่าใจดำเพราะเก็บค่าเช่าห้อง ก็อาจเป็นคนเดียวกันกับที่กำลังบริจาคข้าวกล่องหลายร้อยหลายพันกล่องให้กับผู้ยากไร้แต่ไม่ได้บอกให้ใครรู้
--
ติดตามบทความใหม่ ๆ จากอั๋น ภูวนาท ได้ทุกวันจันทร์ บน LINE TODAY
อย่าพูดเลยครับคุณอั๋น อายหมา มัน รู้ๆกันอยู่😁
06 เม.ย. 2563 เวลา 10.28 น.
ตรรกะผิดเพี้ยนสินะ คุณต้องแยกระหว่างคนด่ากับคนนินทาก่อนนะคุณ
06 เม.ย. 2563 เวลา 10.28 น.
Coffee Lake เหมือนอ่าน "กระเทยคุยกัน" แต่คุณอั๋นก็มีภรรยานี่นา แต่รู้สึกงั้นจริงๆ.
06 เม.ย. 2563 เวลา 10.07 น.
MUA Inc. คุณอั๋น จะอ้างวาทะธรรมแต่ก็บ่นลอยๆว่ามันเพราะแบบนั้นมั้ง แบบนี้มั้ง เหมือนคนบ่นคุยกัน คิดไปเองแต่ก็ไม่ชัวร์
ผมจะบอกเหตุที่มนุษย์หรือแม้แต่เทวดายังทะเลาะวิวาทกันนั่นก็คือ (ตามพระพุทธเจ้ากล่าว ไม่ใช่พุทธทาสกล่าว ศึกษาธรรมควรเน้นพระพุทธเจ้าก่อน)
อิสสา(อิจฉา) มัจริยะ(ตระหนี่ถี่เหนียว)
และก็เรื่องความรัก 4แบบที่พระพุทธเจ้ากล่าว
1.รัก เพราะมารักคนที่เรารัก
2.รัก เพราะมาเกลียดคนที่เราเกลียด
3.เกลียด เพราะมาเกลียดคนที่เรารัก
4.เกลียด เพราะมารักคนที่เราเกลียด
คุณอั๋นก็ดูว่าน้องคนที่คุย อยู่ข้อไหน
06 เม.ย. 2563 เวลา 10.19 น.
สิทธิพร เป็นแบบไหน เป็นตุ๊ดหราาาาา
06 เม.ย. 2563 เวลา 10.14 น.
ดูทั้งหมด