รอยเตอร์ - แอละแบมา, ฟลอริดาและนอร์ทแคโรไลนา รายงานพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายวันทุบสถิติสูงสุดนับตั้งแต่มีการแรพ่ระบาดในวันอังคาร(14ก.ค.) หลักชัยอันน่าเศร้าของทั้ง 3 รัฐ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากทั่วประเทศ พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเมษายน สืบเนื่องจากบางรัฐของอเมริกาด่วนกลับมาเปิดเศรษฐกิจเร็วเกินไป
จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเริ่มเพิ่มขึ้นราวๆ 6 สัปดาห์ก่อน โดยเฉพาะในรัฐต่างๆทางภาคใต้และทางตะวันตก อาทิแอริโซนา, แคลิฟอร์เนีย, ฟลอริดาและเทกซัส ซึ่งต่างเร่งรีบยกเลิกมาตรการต่างๆสำหรับสกัดการพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
สำนักข่าวรอยเตอร์ทำการวิเคราะห์ข้อมูลจาก The COVID Tracking Project พบว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีอยู่ถึง 46 จากทั้งหมด 50 รัฐ พบเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น และตั้งแต่เข้าสู่เดือนกรกฏาคมจนถึงตอนนี้ พบว่ามีอยู่ 28 รัฐ ที่ทุบสถิติพบผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวันสูงสุด
ด้วยมีผู้ติดเชื้อแล้วมากว่า 3.3 ล้านคน สหรัฐฯจึงเป็นชาติหมายเลข 1 ของโลกที่อัตราผู้ติดเชื้อสูงสุดเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร เคียงข้าง เปรู และด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 135,000 คน อเมริกาจึงรั้งอันดับ 7 ของโลก ในอัตราผู้เสียชีวิตสูงสุด หากเทียบกับจำนวนประชากร
ฟลอริดาระบุในวันอังคาร(7ก.ค.) ว่าพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มอีก 133 คน ยอดผู้เสียชีวิตสะสมภายในรัฐเพิ่มเป็น 4,500 คน โดยสถิติรายวันสูงสุดก่อนหน้านี้อยู่ที่ 120 คนเมื่อวันที่ 9 กรกฏาคม ส่วนแอละแบมา รายงานพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 40 คน และนอร์ทแคโรไลนา พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 35 คน ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตของแต่ละรัฐฯเกินกว่า 1,100 คน
ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้สถาบันการศึกษาต่างๆ ไล่ตั้งแต่แคลิฟอร์เนียไปจนถึงวิสคอนศิน เลือกที่จะจัดการเรียนการสอนทางออนไลน์แทนกลับสู่ชั้นเรียน ในขณะที่เหลือเวลาอีกไม่กี่สัปดาห์ ก็จะถึงวันเปิดเทอม
ส่วนโรงเรียนต่างๆในมิลวอกี, วิสคอนซิล ไปจนถึงฟอร์ท เบนท์ เคาน์ตี ในรัฐเทกซัส เข้าร่วมกับเขตการศึกษาใหญ่สุด 2 เขตของแคลิฟอร์เนีย นั่นคือลอสแองเจลิสและซานดิเอโก ในการแถลงแผนกันครูอาจารย์และนักเรียน ให้อยู่ห่างจากห้องเรียนซึ่งอาจนำมาซึ่งการสัมผัสใกล้ชิด
การตัดสินใจของเขตการศึกษาต่างๆ สวนทางกับความต้องการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งขู่ระงับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางหรือถอดสถานะได้รับการยกเว้นภาษี หากว่าสถานบันการศึกษาเหล่านั้นไม่ยอมกลับมาเปิดเรียน อย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงก็คือ สถาบันการศึกษาส่วนใหญ่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐนั้นๆและภาษีท้องถิ่น
ทีมหาเสียงของทรัมป์ มองว่าการเปิดโรงเรียน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ปกครองสามารถกลับไปทำงาน คือกุญแจหลักของการฟื้นฟูเศรษฐกิจและเพิ่มโอกาสที่เขาจะคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี วันที่ 3 พฤศจิกายน
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO
ATT พวกมึงตายเป็นบือยังเสือกมาฝึกคอบบร้าอีก รัฐไทยก็เสือกจะต้อนรับอย่างดีด้วย
15 ก.ค. 2563 เวลา 16.24 น.
Pmi สมน้ำหน้า จะใส่หน้ากาก ตอนนี้ ก็สายไปแล้ว
เวลา คนเอเซียใส่ หน้ากาก พวกแก รังเกียจ เขา
เป็น งัย ตอนนี้.
รอฟังข่าวดี เมื่อไหร่ ทรัม จะติดโควิด
15 ก.ค. 2563 เวลา 02.51 น.
M.Watchara พี่น้องอเมริกันชนถ้าพร้อมติดพร้อมตายก็เลือกทรัมป์เป็นประธานาธิบดีต่อไป
15 ก.ค. 2563 เวลา 01.41 น.
ตัวเล็ก ที่เป็นแบบนี้ เพราะฝรั่งเขามีนโยบาย
ให้มีภูมิคุ้มกันเองหรือเปล่าค่ะ
ติดกันเยอะๆ เป็นเอง เดี๋ยวก็หายเอง
ประมาณนั้น
15 ก.ค. 2563 เวลา 01.40 น.
siri_nui บางทีก็แอบคิดว่า อเมริกาถือโอกาสนี้ลดประชากรหรือเปล่า 55
15 ก.ค. 2563 เวลา 01.28 น.
ดูทั้งหมด