“Alone in a Crowd”
เคยรู้สึกแบบนี้ไหมคะ… “เหงา” ทั้งที่อยู่ท่ามกลางคนมากมาย
“เหงา” ทั้งที่มีเพื่อนในโซเชียลหลายร้อยหลายพันคน
เวลายืนอยู่ในปาร์ตี้ที่มีคนเยอะแยะเต็มห้อง
มีคนเดินมา Say Hi กดไลค์ คอมเม้นต์ทักทายเต็มไปหมด
แต่ทำไมถึงยังรู้สึกเหงา
นี่คือเหงา นี่แหละเหงา
ว่ากันว่า ความเหงา คือ ความรู้สึกว่างเปล่าที่เกิดขึ้น
เมื่อเจอเรื่องราวต่างๆในชีวิต ไม่ว่าดี หรือ ร้าย
แล้วไม่มีคนที่พร้อมอยู่เคียงข้างรับฟังเราในทุกๆเรื่องเหล่านั้น
ทั้งๆที่สมัยนี้ สามารถอัพสเตตัสเล่าทุกเรื่องราวให้เพื่อนทุกคนใน Facebook ฟังได้แท้ๆ
แต่หลายคนก็ยังรู้สึกเหงา เพราะในบรรดาเพื่อนโลกโซเชียลมากมายที่มีอยู่
ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนที่ไม่ได้สนิทนัก หรือ เรียกว่า “Weak Tie” ความสัมพันธ์แบบหลวมๆ
ความสัมพันธ์ที่ทำให้เราไม่รู้สึกเปล่าเปลี่ยวในชีวิต
คือ ความสัมพันธ์แบบตรงข้ามที่เรียกว่า “Strong Tie” คนที่เรารู้สึกสนิทสนมและมีปฏิสัมพันธ์ด้วยเป็นประจำ
คนที่เข้าใจเราในแบบที่เราเป็นจริงๆ
คนที่รู้ “Behind the Scene” เบื้องหลังฉากชีวิตในแต่ละบท เบื้องหลังภาพที่โพสต์ในแต่ละภาพ
คนเหล่านี้ทำให้โลกของเราไม่เคว้งคว้างว่างเปล่า
แต่หลายครั้งที่คนเรามีแนวโน้มให้ความสนใจกับ Weak Tie ในโลกออนไลน์มากกว่า Strong Tie ในโลกแห่งความเป็นจริงโดยไม่รู้ตัว จนทำให้ความเหงาในใจก่อตัวขึ้น
โลกที่เชื่อมคนด้วยกันได้ตลอดเวลา ทำให้เราสับสนในความสัมพันธ์
ในเมื่อแชทกันอยู่แล้ว เจอกันน้อยลงก็ได้
ในเมื่อเขียนระบายลง Facebook ให้ทุกคนฟังแล้ว ไม่ต้องหาเวลาจับเข่าพูดคุยแบบเจอหน้ากับ
เพื่อนสนิทหรือครอบครัวบ่อยนักก็ได้…
โซเชียลมีเดียเป็นอีกหนึ่งกับดักตัวดีของความเหงา
เมื่อเราเริ่มรู้สึกเหงา เราเปิดโซเชียลขึ้นมาเพราะคิดว่าจะช่วยให้เรา “Connect” กับเพื่อนๆได้และรู้สึกดีมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในหลายๆครั้งเป็นไปในทางตรงกันข้าม
เมื่อเห็นภาพเพื่อนๆกำลังทำกิจกรรมที่เราไม่ได้มีส่วนร่วมด้วยอย่างสนุกสนาน ภาพเหล่านั้นกลับกระตุ้นให้เรารู้สึก ถูกกีดกันออกจากวงสังคม (exclude) จนรู้สึกเหงามากขึ้นไปอีก
ความรู้สึกแปลกแยกกับคนรอบตัวนี่แหละ ที่ตอกย้ำความรู้สึกที่เรียกว่า “เหงา”
นี่เป็นเหตุผลว่า คนเราสามารถอยู่คนเดียวได้โดยไม่รู้สึกเหงา ถ้าไม่รู้สึกแปลกแยก
แต่สามารถเหงาเมื่ออยู่ท่ามกลางคนเยอะๆ หากรู้สึกแปลกแยก
“We can be lonely but not alone, and we can be alone but not lonely”
ภูมิคุ้มกันความเหงา
เราทุกคนกำลังก้าวเข้าสู่ยุค “Alone Together” ยุคแห่งการโดดเดี่ยวด้วยกัน
เทคโนโลยีทำให้เรารู้สึกว่าควรพึ่งตัวเอง (Independent) ได้มากขึ้น
การจัดการกับความสัมพันธ์ที่ดี คือการรักษาสมดุลทั้งความสัมพันธ์แบบแน่นแฟ้นอย่าง “Strong Tie” ที่ควรมีการไถ่ถามทุกข์สุขและจับเข่าบอกเล่าเรื่องราวแบบเจอหน้ากันบ่อยๆ
ส่วนความสัมพันธ์ที่หลวมๆแบบ “Weak Tie” แม้จะไม่แน่นแฟ้นเท่ามิตรภาพแบบก่อนหน้า
แต่ก็เติมเต็มมิตรภาพในชีวิตเราได้ เช่น การได้รู้จักเพื่อนใหม่จากการทำกิจกรรมใหม่ๆ
การมีเพื่อนจากหลายแวดวงที่คอยให้คำปรึกษา ช่วยเหลือในเรื่องเล็กๆน้อยๆ
อย่าลืมละเลยความสัมพันธ์ที่สำคัญ
แต่ก็อย่าเก็บตัวเกินไปจากเพื่อนฝูงสังคมในโลกอันกว้างขวางนะคะ
ที่มา
https://www.bbc.com/news/stories-45561334
https://qz.com/1313899/the-psychology-of-why-you-feel-alone-even-when-youre-surrounded-by-people/
About Me
Instagram: http://www.instagram.com/faunglada
Facebook: http://www.facebook.com/faunglada
Youtube: http://www.youtube.com/faunglada
Twitter: @faunglada
Website:www.faunglada.com
คิดว่าความเหงานั้นที่เกิดขึ้นมาก็ด้วยเป็นเพราะสภาวะของจิตใจ ถ้าหากว่ามีสติและแก้ไขกับปัญหาที่เกิดขึ้นให้ถูกจุดแล้ว เชื่อว่าปัญหาทุกอย่างนั้นก็ย่อมที่จะต้องดีขึ้นมาได้อย่างแน่นอน.
09 พ.ค. 2562 เวลา 11.36 น.
N_Tansuwannarat ตลอดชีวิต เรื่องนึงที่จะวนเวียนท่ามกลางความเหงาที่ก่อเกิดได้ทุกขณะคือความสนิทสนม ซึ่งโลกนี้มีมนุษย์สามประเภทก็คือ
1. มนุษย์ประเภท Give มีอะไรก็ให้ผู้คน Stand By เพื่อคนอื่นเสมอ
2. มุนษย์ประเภท Take มีอะไรก็รับอย่างเดียว ไม่สนใจใคร
3. มนุษย์ประเภทที่มีทั้ง Give และ Take
สังคมแห่งการ "Weak Tie และ Strong Tie" จะดีมาก ถ้ามีมนุษย์ Give มากกว่า Take เวลาเจอมนุษย์ Give รักษาเขาไว้มาก ๆ อย่าให้ความสนิทสนมที่มีต่อคนอื่นมากมายกลบให้เขาจางลง คุณกำลังจะสูญเสียคนที่เขาจะทำให้คุณแข็งแกร่งกับความเหงาได้ดี
09 พ.ค. 2562 เวลา 13.03 น.
Ake สังคมก้มหน้า
09 พ.ค. 2562 เวลา 12.47 น.
mrn Strong tie หาย😥😥😥
09 พ.ค. 2562 เวลา 11.25 น.
พุฒ PUT 🐅 😍😍😍😍
09 พ.ค. 2562 เวลา 12.48 น.
ดูทั้งหมด