ไลฟ์สไตล์

เมื่อ “PM 2.5” ท้าทายความสามารถของ “รัฐ” ใครจะอยู่ ใครจะไป! - จุดประเด็น

LINE TODAY
เผยแพร่ 15 ม.ค. 2563 เวลา 17.00 น. • AJ.

PM 2.5 กลับมาเปิดตัวต้อนรับศักราชใหม่ได้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรกว่าเดิม ด้วยการพา กทม. ไปติดอันดับเมืองอากาศแย่ของโลกเป็นที่เรียบร้อยราวกับจะรีบทำคะแนนคัดตัวเหรียญทองโอลิมปิก ทั้งในรอบอาทิตย์ที่ผ่านมา รวมถึงวันนี้ (16 ม.ค. 63) ที่ค่าฝุ่นพุ่งสูงที่สุด ซึ่งคนไทยไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะคว้าหน้ากาก N95 เพื่อนยากมาปิดจมูก แล้วก้มหน้าก้มตาทำกิจกรรมในร่มตามคำแนะนำของรัฐแต่โดยดี

โดนฝุ่นทำร้ายซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ กันขนาดนี้ ลองมาย้อนดูกันหน่อยว่าที่ผ่านมา ระหว่าง “ฝุ่น” ​กับ “รัฐ” ใครปล่อยหมัดได้โหดกว่ากัน บนสังเวียนที่มีปอดของคนไทยเป็นเดิมพัน! (แค่ก ๆ)

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ยกแรก : ฝุ่นนำไปก่อน

สถานการณ์ฝุ่นหนักหนาจนคนไทยพากันป่วย โดยรายงานสถิติจากสำนักงานพัฒนาระบบบริการทางการแพทย์ มีผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝุ่นละอองของโรงพยาบาลในสังกัด กทม. ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. 62 ถึง 9 ม.ค. 63 แล้ว จำนวนกว่า 38,803 ราย 

ความร้ายกาจของเจ้าฝุ่นคือเมื่อหายใจเข้าไปนาน ๆ จะยิ่งสะสมในเนื้อเยื่อปอด ทำให้การทำงานของปอดเสื่อมประสิทธิภาพ นำมาซึ่งภูมิแพ้ หลอดลมอักเสบ หอบหืด และบรรดาโรคระบบทางเดินหายใจต่าง ๆ ดังนั้นช่วงนี้ถ้ารู้สึกว่าหายใจลำบาก แสบจมูก ป่วยบ่อย หรือแสบตา ทำยังไงก็ไม่หายซักที ให้สันนิษฐานว่าเป็นเพราะฝุ่นได้เลย 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เรียกได้ว่าโหมทำลายล้างด้วยการโจมตีแบบคอมโบมาสองปีติด เลือดเย็นขนาดนี้ รัฐจะรับมืออย่างไรดี?

พักยก แล้วมาดูมาตรการขจัดฝุ่นจากทั่วโลก

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เชื่อว่าผู้ประสบภัยจากฝุ่นทั้งหลายต่างก็ทำเต็มที่ในการป้องกันตัวเองจากฝุ่น ไม่ว่าจะใส่หน้ากากกันฝุ่นเป็นประจำ หมั่นล้างจมูก หรือถอยเครื่องกรองอากาศรุ่นใหม่ล่าสุดมาประดับบ้าน แต่หากพูดถึงการสกัดฝุ่นแบบองค์รวมที่ต้องพึ่งพาอำนาจรัฐ ต่างประเทศเขามีกลยุทธ์สกัด PM 2.5 อย่างไร เราสรุปตัวอย่างมาให้ ดังนี้

  • ลอนดอน : ลอนดอนมีผู้เสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศกว่า 10,000 คนต่อปีเลยทีเดียว รัฐบาลอังกฤษใช้วิธีประกาศให้บางเขตเป็นเขตควบคุมมลพิษและจำกัดการปล่อยควัน นโยบายนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ายังไม่โหดพอ และแก้ปัญหาได้เพียงเล็กน้อย
  • จีน : อีกประเทศที่เคยตกอยู่ในภาวะฉุกเฉินด้านมลพิษทางอากาศ ต่อปีมีผู้เสียชีวิตจากโรคทางเดินหายใจกว่า 1.6 ล้านคน ซึ่งรัฐเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทั้งสร้างพลังงานทดแทน และจำกัดจำนวนประชากรในเมืองใหญ่ ๆ ที่เป็นต้นเหตุสำคัญในการเกิดฝุ่น
  • เซา เปาโล, ออสโล, ปักกิ่ง : เมืองใหญ่เหล่านี้เลือกวิธีแบนการใช้รถ เพื่อจำกัดการปล่อยคาร์บอนในศูนย์กลางของเมืองหลวง
  • เกาหลีใต้ : ภัย “ฝุ่นเหลือง” ที่กรุงโซลเพิ่งประสบเมื่อปีที่แล้วนับว่าสาหัสที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลีเลยก็ว่าได้ ซึ่งทางการเลือกแก้ปัญหาด้วยการส่งข้อความแจ้งเตือนปริมาณฝุ่นให้ประชาชนรับรู้รายวัน รณรงค์ให้ใช้รถสาธารณะ และจำกัดการใช้รถส่วนตัว เพื่อลดตัวการเกิดฝุ่นให้ได้มากที่สุด

กลับมาที่ยกสอง : รัฐไทยพร้อมเอาคืน

เคราะห์ดีของปอดคนไทย ที่รัฐบาลออกแผนปฏิบัติการ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” รับมือฝุ่นจิ๋วมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 62 นอกจากนี้ยังประกาศหนักแน่นว่ามีแผนรับมือฝุ่นที่กำลังรอคลอด ซึ่งเราสรุปมาสั้น ๆ ดังนี้

  • ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยกให้การแก้ปัญหา PM 2.5 เป็นวาระแห่งชาติ ก็มีมาตรการเร่งด่วน เช่น ดักตรวจรถควันดำ และปรับเปลี่ยนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของ ขสมก. อยู่เป็นระยะ
  • นายกฯ ยังให้สัมภาษณ์กับสื่อเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 63 ว่ารัฐพยายามเร่งแก้ปัญหาฝุ่นละอองทุกวิถีทาง รวมถึงขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านให้ลดการเผา เพื่อลดฝุ่นควันด้วย
  • และเพราะตัวการเกิดฝุ่นใน กทม. มีที่มาจากยานพาหนะเป็นส่วนใหญ่ นายวรารุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ จึงได้ออกมาเกริ่นถึง “ยาแรง” แก้ฝุ่น ที่แม้จะยังไม่เปิดเผยข้อมูล แต่หลายฝ่ายคาดว่าน่าจะเกี่ยวกับการประกาศห้ามรถวิ่งในเขตเมืองแบบที่ประเทศเกาหลีใต้เคยทำ เพียงยังไม่ประกาศใช้จริง และจะดำเนินการในห้วงเวลาคับขันเท่านั้น

มาตรการอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ ก็มีการสั่งควบคุมการเผาในแต่ละจังหวัด รวมถึงการแจ้งค่าฝุ่นแบบเรียลไทม์ แต่โชคร้ายที่สภาพอากาศช่วงนี้มีความกดอากาศต่ำ ทำให้การเคลื่อนตัวของอากาศน้อยลง น้องฝุ่นจึงยังคงวนเวียนอยู่แถวน่านฟ้าประเทศไทย และอาจไม่รามือในเร็ววัน

ไม่รู้ว่าใครจะโดนน็อกก่อนกัน แต่ประชาชนอย่างฉันคงต้องดูแลตัวเอง

แม้หลายมาตรการของรัฐฟังดูเข้าท่า แต่ประชาชนส่วนมากยังคงไม่เชื่อมั่นในวิธีแก้ปัญหาของทางการ แถมดูแนวโน้มว่าศึกระหว่างฝุ่น PM 2.5 VS รัฐบาล จะไม่จบลงง่าย ๆ งานนี้คนเดินถนนอย่างพวกเราคงต้องดูแลตัวเองไปก่อน ขออย่าเพิ่งหยุดตื่นตัวในเรื่องสุขภาพ และช่วยกันผลักดันสังคม รวมถึงสร้างความตระหนักรู้ด้านมลพิษทางอากาศไปเรื่อย ๆ เพราะเราเชื่อว่า #อากาศดี จะกลับมาเยือนปอดคนไทยอีกครั้งแน่นอน อดทนไว้นะ!

--

อ้างอิง 

1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 6

ความเห็น 147
  • Eak(No)
    ท้าทายความสามารถ กันคนที่ไม่มีความสามารถ คนทั้งประเทศก็ปอดพังไป ดูแลตัวเองกันดีๆเน้อ…นี่คือประเทศไทย
    16 ม.ค. 2563 เวลา 04.15 น.
  • Soda Ice
    ผมว่าน่าจะอยู่ยาวทั้ง 2 อย่างมันเป็นอะไรที่ไล่ไม่ไป 🤣🤣🤣
    16 ม.ค. 2563 เวลา 05.52 น.
  • Suthep
    รัฐควรสนับสนุน รถยนต์ไฟฟ้า มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า อย่างจริงจัง
    16 ม.ค. 2563 เวลา 06.43 น.
  • อืม ตั้งหัวข้อข่าวได้น่าสนใจ ใครจะอยู่ใครจะไป แล้วเจ้าฝุ่นpm2.5ที่ว่าเนี่ยมันมาจากไหน?มีมานานแค่ไหนแล้ว?ใครเป็นต้นตอของมัน? รัฐบาล,นักวิชาการล้วนแล้วแต่มีหนทางในการแก้ไขอยู่ แต่มันทำได้ยากมา ทำไมถึงมีแต่หัวเมืองที่มีประชากรหนาแน่น ?..คนไง. .คือต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด การกระจุกตัวของคนที่มันเกินกว่ามาตราฐาน ตึก,อาคารที่พักอาศัยที่หนาแน่น การระบายอากาศไม่ดี ยานพาหนะเยอะนี่คือปัญหา ทำไมเมืองเล็กๆคนน้อยๆมีแต่ทุ่งนาถึงอากาศดี แก้ให้ตายก็แก้ไม่ได้ เพราะมันติดตรงที่มี...คน...นี่ไง
    16 ม.ค. 2563 เวลา 05.15 น.
  • T-Love
    ผมว่ารัฐไปก่อน...แต่ฝุ่นยังอยู่
    16 ม.ค. 2563 เวลา 04.17 น.
ดูทั้งหมด