“ฮะฮิๆ ไป๊ ไป๊ ไป๊”
นี่คือเสียงของ‘วิว’ - ธัญยธรณ์ โพธิ์มณี ดีเจวัย 11 ขวบ ผู้เต็มไปด้วยลูกเล่นและลีลาอันแพรวพราว ที่เราเริ่มขอให้เขาทำให้ดูเป็นขวัญตาสักทีว่า เวลาแสดงสดจริงๆ ของดีเจวิวนั้นเป็นอย่างไร
“ผมทำตอนนี้ไม่ได้นะ ตัวจริงผมเป็นคนขี้อาย นั่งอยู่คนเดียวเงียบๆ แทบไม่ทำอะไรอย่างนั้นเลย ถ้าหากพี่อยากได้ยินจริงๆ ต้องไปดูผมเล่นโชว์บนเวทีเอาเองจะดีกว่า” คำปฏิเสธของวิวกลับทำให้เรายิ่งสนใจมากขึ้น ว่าเหตุใดเด็กขี้อายคนหนึ่งจึงสามารถกลายมาเป็นดีเจที่คอยเอนเตอร์เทนและเอาใจผู้คนจนมีแฟนคลับผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก
ในวันที่มาถอดเคล็ดลับความสำเร็จครั้งนี้ เราชวน ‘แมน’ - ศรายุทธ เอี่ยมมงคล พี่ชายที่ดีเจวิวสนิทสนมและเป็นผู้ลงคลิปดีเจวิวจนเป็นไวรัลสร้างชื่อให้กับเด็ก ป.5 คนนี้มานั่งคุยด้วยกัน ถึงจุดกำเนิดแรกเริ่มของการเป็นดีเจวิว ไปจนถึงตอนนี้ที่กลายเป็นอาชีพ และเปลี่ยนเขากลายเป็นผู้ช่วยไปแล้ว ว่าพวกเขาต้องพบเจอการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบใดบ้าง
ถ้าให้จำกัดความสิ่งที่วิวกำลังทำอยู่ตอนนี้เรียกว่า ‘ดีเจ’ ได้ใช่ไหม
ดีเจวิว: ใช่ ผมเปิดเพลงและเอนเตอร์เทนคนดูไปพร้อมกัน น่าจะเรียกว่าดีเจได้นะ ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าชอบอะไรแบบนี้ พอลองมาเรื่อยๆ ก็เริ่มชอบขึ้นมา ผมคิดว่าน่าจะเรียกว่าดีเจนั่นแหละ
ทำไมจู่ๆ เด็กประถมอย่างคุณถึงมีความคิดอยากเป็นดีเจล่ะ
ดีเจวิว: ผมเป็นคนชอบดูคลิปในยูทูบอยู่แล้ว ทั้งคลิปเต้น คลิปร้อง คลิปดีเจแสดงสดต่างๆ ซึ่งเราก็มีเลียนแบบในคลิปบ้าง แต่ก็ทำกันเล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไร ส่วนการเป็นดีเจเริ่มทำตอนที่พี่แมนเขาอยากโชว์ไฟในห้องใหม่ เขาเลยชวนผมมาทำคลิปเป็นดีเจเล่นๆ กัน
แมน: จริงๆ เจ้าวิวเขามีกลุ่มเพื่อนอยู่อีก 4-5 คน ที่ชอบมาเล่นกันอยู่หน้าบ้านผม เพราะบ้านผมอยู่ติดโรงเรียนพวกเขา แล้วจะมีโต๊ะให้เด็กนั่ง ผมก็เลยรู้จักกับกลุ่มของเจ้าวิวจากตรงนั้น เราก็หาอะไรทำสนุกๆ กันไปเรื่อย ลองอัดคลิปลงเฟซบุ๊ก ลง Tiktok อันไหนที่เขากำลังฮิตกัน เราก็ลองทำดูบ้าง จนมาถึงคลิปดีเจอย่างที่น้องบอก
แล้ววิวสามารถทำได้เลยเหรอ มีไปซ้อมหรือดูตัวอย่างก่อนมาบ้างไหม
ดีเจวิว: ตอนแรกก็ดูของดีเจเจฟรี่ ดีเจมังกร ดูว่าเขามีวิธีเอนเตอร์เทนคนยังไง ซึ่งผมก็เลียนแบบพี่ๆ เขา ผมเป็นคนทำอะไรแบบนี้อยู่แล้ว เลยทำได้ทันที ไม่ค่อยเขินอะไรมากเวลาที่อยู่หน้ากล้อง
ดีเจวิวที่ลงในโซเชียลมีเดียคลิปแรก มีเสียงตอบรับอย่างไรบ้าง
แมน: คลิปแรกที่เป็นดีเจมีแค่ประมาณ 100-200 แชร์ในกลุ่มคนรู้จัก ซึ่งตอนนั้นพวกเราก็ดีใจกันมากแล้วนะ ที่มีคนชอบคลิปเราขนาดนี้ แต่เราก็มานั่งอ่านคอมเมนต์กันว่าเขาชอบอะไรในคลิปเรา ก็เลยรู้ว่า อ๋อ เขาชอบคำคม เขาชอบลีลาเจ้าวิวกัน คลิปต่อมาก็เลยเลือกเพลงที่จังหวะตื๊ดน้อยลง ใช้เพลง ใจนักเลง ของ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง แล้วเน้นคำคมเจ้าวิวมากขึ้น คลิปนั้นก็ดังถล่มทลายเลย
หลังจากคลิปออกไป เสียงตอบรับจากเพื่อนในโรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง
ดีเจวิว: ผมไม่ได้บอกอะไรเพื่อนเลยนะ แต่หลังจากคลิปใจนักเลงปล่อยออกไป วันต่อมาผมไปโรงเรียน เพื่อนเขาก็ทักเองเลยว่า โห… นี่มันดีเจวิวเน็ตไอดอลนี่ ดังแล้วอย่าลืมเรานะ ผมก็ดีใจนะ ที่เพื่อนชอบคลิปเรา มีคนรู้จักเรามากขึ้น
พอเริ่มดัง การจัดการชีวิตก็ต้องเป็นระบบมากขึ้นใช่ไหม
แมน: ใช่ พอคลิปที่ 3-4 ก็ยังกระแสดีอยู่ ทีนี้คลิปมันดังไปไกลกว่าเดิมอีก ผมก็เลยสร้างเฟซบุ๊กให้น้องมีตัวตนในโลกออนไลน์ แต่ผมก็ช่วยเล่นเฟซบุ๊กนั้นด้วยนะ คอยช่วยน้องตอบแฟนคลับ ช่วยลบคอมเมนต์ไม่สร้างสรรค์ออกไปบ้าง
ถึงตอนนั้น พวกคุณเริ่มคิดหรือยังว่าจะทำเป็นอาชีพได้
แมน: หลังจากนั้นก็เริ่มมีเสื้อผ้าแบรนด์ต่างๆ มาให้รีวิว มีจ้างให้เราออกไปไลฟ์สดนอกสถานที่มากขึ้น ตอนนั้นก็เริ่มคุยกันบ้างแล้ว ว่าพวกเราควรจะจัดสรรเวลาสำหรับทำเป็นงาน เป็นอาชีพ ตรงนี้ไปเลยดีไหม
เมื่อต้องเปลี่ยนจากความสนุกเป็นหน้าที่การงาน ชีวิตของพวกคุณเป็นอย่างไรบ้าง
แมน: อย่างแรกเลยคือเรื่องเวลา เพราะโชว์ของดีเจวิวจะมีทั่วประเทศเลย แล้วส่วนใหญ่เราจะได้เล่น 5 ทุ่มเที่ยงคืน มันดึกตลอด เราก็ต้องอาศัยนอนบนรถ แล้วก็ต้องตื่นพาเจ้าวิวไปเรียนให้ได้เพราะผมก็รู้หน้าที่ตัวน้องดีว่าเขาเป็นนักเรียน
ดีเจวิว: แต่ถึงจะเหนื่อยแบบนี้ ผมก็ยังสนุกอยู่ มันท้าทายดีที่จะได้ลองทำงานดู อีกอย่างพอได้ค่าจ้างมา เราก็ได้เอาเงินไปเปิดบัญชีเป็นของตัวเอง จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าไปโรงเรียน ผมก็ภูมิใจนะ ที่ไม่ต้องขอเงินย่าเวลาจะใช้เงินซื้ออะไร
การแสดงบนเวทีในฐานะดีเจจริงๆ แตกต่างกับตอนเราทำคลิปเล่นๆในโซเชียลมีเดียไหม
แมน: หน้าที่หลักของผมคือเป็นคนขับรถพาน้องไปโชว์ ติดต่อกับลูกค้า แล้วก็เรื่องเงินเป็นหลัก แต่ถ้าถามโชว์น้องต่างจากคลิปที่ทำเล่นๆ กันตอนแรกไหม สำหรับผมกับเจ้าวิวเองไม่ต่างกันนะ เพราะเรายังสนุกกันเหมือนเดิม
แต่ทุกครั้งผมจะถามลูกค้าก่อนเลยว่า ลูกค้าซีเรียสไหม น้องผิดพลาดได้ไหม ถ้าจริงจังเราก็จะไม่รับเลย เพราะเราก็กลัวเจ้าวิวประหม่า กลัวน้องเครียดเหมือนกัน โดยเฉพาะในช่วงแรกที่ผมไม่ได้รับงานให้น้องเลย นี่คือเหตุผลที่วิวเพิ่งมารับงานช่วงเดือนที่ผ่านมานี่เอง
อะไรกันนะ ที่ทำให้คนอย่างดีเจวิวกดดันได้
ดีเจวิว: ผมกดดันเรื่องการพูดไม่ชัด พูดติดขัดครับ จริงๆ ก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนอัดคลิปแล้ว ซึ่งไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่พอเขาจ้างเรา เราก็อยากทำงานออกมาให้ดีที่สุด บางทีผมพูดผิดผมก็ขอโทษเขาตรงๆ เลย บอกเขาไปเลยว่าผมใจสั่นจริงๆ
หลังๆ เจนเวทีขึ้นบ้างไหม
ดีเจวิว: ความกดดันก็น้อยลงไปเยอะ แต่มันกลับท้าทายเรามากกว่า กลายเป็นว่าหลังๆ อยากทำออกมาให้ดี อยากให้ลูกค้า อยากให้คนดูเขาประทับใจในตัวเรา
รายได้ในตอนนี้ เพียงพอต่อการเลี้ยงตัวเองหรือยัง
แมน: ถ้าหักลบกับค่าใช้จ่ายทุกอย่างก็พอมีเหลือให้อยู่ได้นะ เพราะถึงแม้เราจะได้เงินมาเยอะก็จริง แต่ผมจะถือคติตลอดเลยว่าเวลาไปแสดงโชว์ที่ไหน มันคือรายได้ของน้อง ดังนั้น เราจะให้น้องกินเต็มที่ นอนอย่างดีตลอด เราไม่อยากพาเขามาลำบาก ส่วนเงินที่เหลือก็จะเอาไปแบ่งกับน้องๆ ในแก๊งเจ้าวิวที่บางทีก็พามาดูแลงาน เซตเวทีบ้าง ซึ่งก็จะได้กันหมดเลย แล้วถ้าเหลือจริงๆ ก็จะให้วิวเอาไปให้ครอบครัว
คุณบอกกับทางบ้านน้องอย่างไร ว่าจะพาน้องไปทำงาน
แมน: เจ้าวิวเขาอาศัยอยู่กับย่า ดังนั้นส่วนมากผมจะคุยผ่านทางย่าของเขา ส่วนวิวก็จะไปคุยกับพ่อแม่อีกที ซึ่งเราก็บอกย่าเลยว่าจะพาน้องไปทำงาน ย่าเขาก็โอเคนะ ยินยอมให้ไป เขาก็สนับสนุน บอกแค่ว่าดูแลน้องให้ดีๆ แต่ผมจะบอกย่าตลอดว่าเราจะรับงานแค่ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์นะ เพราะกลัวมีเขามีปัญหาเรื่องเรียน
ดีเจวิว: ผมบอกย่าว่าไปทำงานต่างจังหวัดนะ เดี๋ยวกลับมาเอาเงินมาฝาก ตอนแรกเขาก็อาจมีบ่นบ้าง แต่พอทำไปเรื่อยๆ จนย่าเห็นว่าเราทำได้ เราเอาเงินกลับไปให้เขาจริง แล้วยังไม่เสียการเรียน เขาก็เริ่มหันมาสนับสนุนมากขึ้น
เรื่องการใช้แรงงานเด็ก ประเด็นนี้พวกคุณรับมือกันอย่างไร
แมน: ช่วงแรกพวกเราต้องพิสูจน์ให้เห็นก่อนว่าเราทำตามที่ให้สัญญากับพวกเขาไว้จริงๆ กลับบ้านตรงเวลา ไม่เสียการเรียน หลักๆ จะเป็นเรื่องพวกนี้
ไม่ใช่แค่ผมที่ต่อสู้เรื่องนี้ เจ้าวิวเองก็พยายามอยู่เหมือนกัน เพราะน้องเขาอยากเป็นดีเจอยู่ตลอด ถ้าต้องมาล้มเลิกเพราะเรื่องกระแสแบบนี้ คิดว่าเขาก็คงเสียใจเหมือนกัน
พอต้องมีโชว์มากๆ การแสดงของคุณเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน
ดีเจวิว: เปลี่ยนเหมือนกัน อย่างแรกเลยคือเรื่องเพลง อย่างที่บอกว่าผมไม่ใช่คนชอบเพลงตื๊ดขนาดนั้น ในโชว์ผมส่วนใหญ่จะเป็นเพลงฮิปฮอปมากกว่า เช่น เพลง คนเดียว บางที ของ YOUNGOHM เพราะส่วนใหญ่ผมจะเน้นไปที่คำคมมากกว่า
พูดถึงคำคม ส่วนใหญ่วิวไปเอาคำเหล่านี้มาจากไหน
ดีเจวิว: หลักๆ คือพี่แมนช่วยคิดช่วยหาให้ หรือบางทีก็หาตามเฟซบุ๊กที่คนเขาชอบแชร์กัน อันไหนมันโดนใจเราก็จะเซฟเก็บเอาไว้ใช้ตอนเล่นสด ผมจำไม่ได้ทั้งหมดหรอก มันก็ต้องมีจดกันบ้าง แต่คำที่ใช้บ่อยๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคำที่อยู่ในหัวอยู่แล้ว เพราะมันชอบออกมาจากอารมณ์ตอนเล่นสดตลอด
ตอนน้องขึ้นโชว์ พี่แมนจะมีหน้าที่ทำอะไรบ้าง
แมน: ในหูเจ้าวิวจะมีหูฟังข้างในเป็น Ear Monitor อยู่ ซึ่งผมจะสื่อสารกับน้องตรงนี้ เพราะบางทีเราก็ต้องช่วยเซฟน้อง เผื่อมีเหตุการณ์อะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น อย่างช่วงแรกที่วิวบอกว่าเขาตื่นเต้น ผมก็จะคอยปลอบเขาทางนี้ว่าไม่ต้องตื่นเต้น เล่นให้เต็มที่เลย จะเหมือนผมยืนอยู่ข้างๆ ผ่านหูฟัง
อีกอย่างคือเรื่องการคุมเวลา เราจะคุยกับเจ้าของตลอดว่าห้ามเกินเที่ยงคืน และที่สำคัญที่สุดคือเรื่องแอลกอฮอล์ ผมจะไม่ให้ยุ่งเกี่ยวทั้งทีมเลย เพราะผมเองก็ขับรถ น้องเองก็ยังไม่สมควรจะกิน ดังนั้นทุกงานที่เรารับ ที่น้องเล่น จะไม่มีแอลกอฮอล์เด็ดขาด
แต่ยอมรับครับว่าร้านที่จ้างส่วนใหญ่ก็ขายแอลกอฮอล์อยู่ สิ่งที่เราทำได้คือสกรีนเครื่องดื่มให้ไกลตัวที่สุด รวมถึงเรื่องป้าย เรื่องสปอนเซอร์ ก็จะขอให้ร้านเอาผ้ามาคลุมป้ายพวกนี้ให้หมด เราไม่อยากให้ภาพลักษณ์ของน้องที่ออกไปไม่ดีด้วย
คุณอธิบายให้วิวเข้าใจในเรื่องที่คุณต้องคอยช่วยเหลือเหล่านี้บ้างไหม
แมน: เราก็อธิบายให้เขาเข้าใจตลอดว่าทำไมถึงยุ่งกับมันไม่ได้ เพราะนอกจากเรื่องกฎหมาย เรื่องอายุ มันยังรวมไปถึงเรื่องภาพลักษณ์ด้วย เพราะเวลาขึ้นเล่น พวกพี่ๆ เขาก็จะไลฟ์สดตลอด ผมจะบอกว่าอย่าไปแตะเลยนะ เพราะถ้าไปจับขึ้นมา คนอื่นที่เขาเห็นภาพที่เราจับแอลกอฮอล์อาจเข้าใจผิดได้
ดีเจวิว: ผมก็เข้าใจสิ่งที่พี่แมนบอกดี เรามาทำงานเฉยๆ ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับแอลกอฮอล์เลยครับ
งานจ้างครั้งแรกในฐานะดีเจวิวออกมาเป็นอย่างไร
ดีเจวิว: ตื่นเต้น พูดไม่ค่อยออก อย่างที่บอกไปตอนแรกเลย (หัวเราะ) ลงมาเราก็ขอโทษเขาบอกว่าผมใจสั่น แต่คนจ้างเขาก็เข้าใจว่าเป็นงานแรกๆ คนในงานวันนั้นก็สนุก เฮฮา กรี๊ดกับโชว์ของเราดี ผมว่าเป็นการเริ่มต้นที่น่าประทับใจอยู่เหมือนกัน
คนดูเขาสนุกอะไรกับโชว์ของดีเจวิว
ดีเจวิว: ผมคิดว่าเขาชอบคำคมของผม เพราะส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องความรัก เรื่องอกหัก มันคงไปโดนใจอะไรเขาสักอย่าง
พูดถึงเรื่องชีวิตความรัก ความผิดหวังแบบนี้ ยังกับเคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มานานแล้วเลยนะ
ดีเจวิว: ไม่เลยครับ ผมยังไม่เคยมีแฟนเลย (หัวเราะ) ผมเคยแอบชอบสาวนะ แต่ไม่เคยบอกอะไรแบบนี้กับเขา พวกคำคมที่ผมพูดในโชว์พวกนี้ ชีวิตจริงก็ไม่เคยได้ใช้เลย เพราะผมเขิน (ยิ้มหวานไปหนึ่งที) จนถึงตอนนี้สาวคนที่ผมชอบ เขาก็ยังไม่รู้ว่าผมชอบเขาเลยครับ
ไม่บอกก็ไม่มีใครรู้นะว่าเป็นหนุ่มจืดกับเขาด้วย
ดีเจวิว: ผมเป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ ถ้าไม่ได้เป็นดีเจอยู่บนเวที จะเป็นสมาชิกที่เงียบที่สุดในกลุ่มเพื่อน วันๆ ก็นั่งเล่นอยู่หน้าบ้านพี่แมน เล่นเกมอยู่กับเพื่อน เหมือนคนธรรมดาทั่วไป แทบจะไม่ได้คุยกับใครเท่าไหร่เลย
ทุกวันนี้ยังได้เล่นกับเพื่อนแบบนั้นอยู่บ้างไหม
ดีเจวิว: ก็มีบ้าง ถ้าอาทิตย์ไหนไม่มีงานก็นั่งเล่นอยู่กับเพื่อน แต่วันไหนมีงานจ้างก็ออกไปทำงาน ผมไม่ได้รู้สึกโหยหาการเที่ยวเล่นกับเพื่อนเท่าไหร่
ตอนนี้ดีเจวิวตารางทัวร์แน่นไปถึงเดือนไหนแล้ว
แมน: ตอนนี้คิวก็ไหลไปกุมภาพันธ์-มีนาคมแล้ว แต่ช่วงกุมภาพันธ์ผมจะรับงานน้อยลง เพราะเจ้าวิวเขามีสอบกับเข้าค่ายลูกเสือ
ปัจจัยที่สำคัญในการรับงานคือความสมัครใจของดีเจวิวใช่ไหม
แมน: ใช่ สิ่งสำคัญที่สุดคือน้องต้องพร้อม ถ้าเกิดไม่ว่าง ต้องเรียน หรือเจ้าวิวไม่อยากไป ไม่ว่าจะเงินเยอะขนาดไหน ใกล้บ้านขนาดไหน ผมก็ไม่รับแน่นอน อย่างที่บอกว่าการศึกษาของน้องต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก
คุณคิดว่าตัวเองจะเป็นดีเจแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่
ดีเจวิว: ตอนนี้วิวอยู่ ป.5 แต่ก็คิดว่าอยากทำไปเรื่อยๆ จนทำงานเลย แต่ก็อยากทำงานอื่นไปด้วยควบคู่กัน อยากทำข้าราชการไปด้วย ผมมีอีกความฝันคืออยากเป็นทหาร
ถ้างานทหารมันหนักหนามากจนคุณไม่ได้แสดงในฐานะดีเจเลย จะรับได้ไหม
ดีเจวิว: ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ถึงตอนนั้นคงต้องคุยกันว่ามีวิธีไหนจะไกล่เกลี่ยได้บ้าง เพราะผมอยากเป็นดีเจจริงๆ คิดว่าคงเลิกเป็นยาก เพราะเราชอบทำอะไรแบบนี้ไปแล้ว
สิ่งที่วิวได้เรียนรู้จากการเป็นดีเจคืออะไรเหรอ
ดีเจวิว: หลังๆ ผมเพิ่งรู้ตัวว่าเราเป็นคนชอบอยู่ท่ามกลางผู้คน เมื่อก่อนผมเป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยอยากอยู่ในสถานที่ที่มีคนเยอะๆ เท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้ชอบเสียงกรี๊ด ชอบเสียงเฮฮา ทุกวันนี้เวลาไปเล่นที่ไหนก็จะมีอาการค้างตลอด อยากอยู่กับคนดูไม่อยากลงจากเวที
ถ้าวันหนึ่งไม่มีคนมากรี๊ดวิวแบบนี้แล้ว จะรู้สึกโหวงๆ ในใจไหม
ดีเจวิว: ไม่เลย ถึงผมจะชอบชื่อเสียงหรือการได้ยินเสียงกรี๊ด แต่ผมรักการเป็นดีเจมากกว่า ถึงแม้วันหนึ่งจะไม่มีคนชอบเรา แต่ถ้าการเป็นดีเจยังมีความสุขอยู่ก็คงทำต่อไป เสียงกรี๊ดเป็นเหมือนกำไรมากกว่า
ถ้าวันหนึ่งที่ดีเจวิวเติบโตจนดูแลตัวเองได้แล้ว คุณจะยังคอยดูแลน้องต่อไหม
แมน: แล้วแต่เจ้าวิวเลย ผมเป็นแค่ผู้ช่วยไม่ใช่ผู้จัดการส่วนตัว สุดท้ายแล้ววิวต้องเป็นคนตัดสินใจเอง เพียงแค่ตอนนี้ผมคิดว่ายังต้องช่วยดูแลก่อน ทั้งเรื่องการติดต่อกับลูกค้า เรื่องเงิน อะไรต่างๆ แต่ในอนาคตก็แล้วแต่เขาเลย
นอกจากเป็นทหารกับเป็นดีเจแล้ว วิวมีอะไรอยากทำอีกไหม
ดีเจวิว: ไม่มีแล้วครับ คิดไว้แค่อยากทำสองอย่างนี้ควบคู่กันไป แล้วอยากดูแลย่าด้วย
การออกทัวร์ในฐานะดีเจวิว สิ่งที่ได้กลับมาในความสัมพันธ์ของพวกคุณทั้งคู่คืออะไร
แมน: ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมและน้องก็จะนอนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่เคยได้ออกต่างจังหวัดเลย แต่พอมีงานก็เหมือนเราได้ไปเที่ยวกันด้วย เวลาไป เราก็ไปกันเป็นกลุ่ม ก็เหมือนเป็นทริปพาไปเที่ยวกัน ซึ่งถ้าไม่มีทัวร์เล่นสดครั้งนี้ของเจ้าวิว ผมก็คิดไม่ออกเลยว่าเราจะหาทางออกไปเที่ยวอย่างนี้กันได้ยังไง
แล้วคุณล่ะ ในฐานะผู้ช่วยน้องวิว มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง
แมน: เปลี่ยนแปลงไปมาก หลักๆ เลยคือความรับผิดชอบ เรามีเด็กหลายชีวิตให้ดูแล ตัวเองก็ต้องพร้อมมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าทุกข์ทนอะไรนะ เพราะก็มีความสุขเวลาที่อยู่กับเด็กพวกนี้
ยังยืนยันคำเดิมใช่ไหมว่าอยากเป็นทหาร เราสงสัยมาก เพราะนี่เป็นอาชีพที่แตกต่างจากดีเจมากเลยนะ ทำไมถึงอยากเป็นทหารล่ะ
ดีเจวิว: ทหารรักษาประเทศ แต่ผมมันทุเรศรักษาคุณไม่ได้
ตาเล็ก เด็กผี ทำไปเถอะลูก ถ้าไม่ได้ไปทำบนกะบาลหัวใคร และไม่ได้ทำไห้คนอื่นเดือดร้อน
25 ม.ค. 2563 เวลา 14.02 น.
Bird Kingsize อีกไม่นาน จับตาไว้ มันจะขึ้นมา เปนDJ ต้นๆเมืองไทย
25 ม.ค. 2563 เวลา 14.19 น.
BUBUOFFICIAL ถึงจะเล็กแต่ท้องนะน้อง .. ดีเจวิวกล่าวไว้
25 ม.ค. 2563 เวลา 14.20 น.
❤ยอดขุนพลศรีเทพ❤ ตอบคำถามได้ดีมีวุฒิภาวะดีมาก....
เด็กคนนี้เก่งเกินตัว มีความสามารถที่ดี สู้ๆนะ
25 ม.ค. 2563 เวลา 19.10 น.
Antimoon เหลาเกี้ย
26 ม.ค. 2563 เวลา 06.14 น.
ดูทั้งหมด