ฉะเชิงเทรา- วิศวกรรมยานยนต์ขนส่งชี้ชัด.. รถหนุ่มวัย 31 ปีหมดสติบนทางด่วน แปลงสภาพด้วยการตีสเกิร์ดตกแต่งหุ้มท่อไอเสียทำให้ควันพิษจากปลายท่อเล็ดลอดผ่านช่องใต้ช่องเก็บของจนมีก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์จำนวนมาก
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจทางด่วน ได้พบ นายธนัยนันท์ เชื้อถิระพงษ์ อายุ 31 ปี พร้อมบุตรสาววัย 7 ปี และแฟนสาวจอดรถนอนหมดสติน้ำลายฟูมปากบนทางด่วนลอยฟ้าบูรพาวิถี กม.39+800 จนต้องเรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าให้การช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วนเหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา และจากการตรวจสอบในเบื้องต้นของแพทย์โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ระบุว่าผู้ป่วยทั้ง 3 ราย มีปริมาณก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ในกระแสเลือดเป็นจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่วิศวกรรมยานยนต์ กรมการขนส่งทางบก เพื่อให้ช่วยตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าว เพื่อสร้างความชัดเจนให้เกิดขึ้นนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ ( 13 พ.ย.) นายทวี เมธีศุภภัค วิศวกรเครื่องกลชำนาญการพิเศษ สำนักวิศวกรรมยานยนต์ กรมการขนส่งทางบก พร้อมคณะได้เข้าตรวจสอบรถยนต์เก๋งยี่ห้อนิสสัน อัลเมร่า สีขาว หมายเลขทะเบียน 2กก-7720 กทม.ซึ่ง นายธนัยนันท์ ได้ขับออกจากกรุงเทพฯในวันเกิดเหตุแล้ว
นายทวี เผยว่าจากการตรวจสอบโดยละเอียดพบว่าสาเหตุที่ทำให้คนขับรถและผู้โดยสารรวม 3 คน มีอาการมึนงง หมดสติอยู่ภายในรถขณะกำลังขับอยู่บนทางด่วนบูรพาวิถี เกิดจากการมีก๊าซคาบอนมอนอกไซด์เล็ดลอดเข้ามายัง ห้องโดยสาร จากการที่รถคันดังกล่าวถูกดัดแปลงสภาพด้วยการตีสเกิร์ตรอบคัน โดยเฉพาะบริเวณกันชนหลังที่ได้มีการดัดแปลงใหม่ทั้งหมด จนทำให้สเกิร์ตไฟเบอร์ปิดหุ้มปลายท่อไอเสีย ทำให้ไอเสียที่ถูกปล่อยจากรถไม่มีทางระบายจนต้องกลับเข้าไปหมุนเวียนอยู่ภายในห้องโดยสารและใต้ท้องรถ
และยังพบว่ามีไอเสียบางส่วนเล็ดลอดเข้าไปยังภายในตัวรถ บริเวณช่องเก็บของด้านหลังฝากระโปรงท้าย ซึ่งมีรูที่ถูกเจาะมาจากโรงงานและมีกระดุมพลาสติกอุดปิดไว้
“คาดว่าในขณะที่มีการดัดแปลงตัวรถเพื่อติดตั้งสเกิร์ตกันชนใหม่ ผู้ที่ทำการติดตั้งลืมปิดหรืออุดเม็ดกระดุมกลับไปไว้ในจุดเดิม จึงทำให้ไอเสียที่หมุนวนอยู่ใต้ท้องรถลอดผ่านเข้ามาทางช่องในห้องโดยสาร โดยเฉพาะบริเวณด้านข้างตัวรถ และฝากระโปรงหลังซึ่งเป็นตำแหน่งใกล้กับปลายปากท่อไอเสีย อีกทั้งตัวกันชนท้ายที่ทำจากไฟเบอร์เป็นสเกิร์ตคลุมปลายท่อไอเสีย ยังมีร่องรอยการถูกความร้อนจนแตกร้าวให้เห็นอีกด้วย”นายทวี กล่าว
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวยังรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ในวันนี้ทีมงานวิศวกรรมยานยนต์ ยังได้นำเครื่องมือวัดค่าไฮโดรคาร์บอนและคาร์บอนมอนนอกไซด์ มาทำการตรวจวัดปริมาณคาร์บอนฯ ภายในห้องเครื่อง แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ โดยสามารถตรวจวัดคาร์บอนมอนนอกไซด์ในเกณฑ์มาตรฐาน คือ 0.02 จากมาตรฐานไม่เกิน 0.5เปอร์เซ็นต์ และค่าไฮโดรคาร์บอนวัดได้ 69 จากมาตรฐานไม่เกิน 100 ppm
ด้าน ร.ต.อ.สุริยา ภูมิวัฒน์ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่าหลังมีการตรวจสอบยืนยันถึงสาเหตุที่ชัดเจนจากเจ้าหน้าที่วิศวกรรมยานยนต์ กรมการขนส่งทางบกแล้ว ในเรื่องคดียังต้องรอผลจากการตรวจสอบเครื่องดื่มอีก 2 ชนิดที่พบในรถและที่ส่งตรวจว่ามีสารพิษหรือไม่ จึงจะยุติการสอบสวนเนื่องจากไม่มีคดีอาญาเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ และไม่มีผู้เสียหาย รวมทั้งไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใคร
🄽🅾︎🅃🆃🄾 ไม่อยากจะด่า บ้าป่าววัตีสเกิร์ตคุมปลายท่อ อู่ไหนมันทำแบบนี้เนี๊ยะ
13 พ.ย. 2561 เวลา 15.18 น.
สรุปคือ แต่งรถเอง ทำตัวเอง
13 พ.ย. 2561 เวลา 15.11 น.
อินกับเดอะฟาสท์มากไปหรือป่าว
13 พ.ย. 2561 เวลา 16.25 น.
Man ต้องขอบคุณในความโง่เขลาของเค้า ที่ทำให้สังคมมีความรู้ในเรื่องการแต่งรถมากขึ้น
13 พ.ย. 2561 เวลา 16.57 น.
สมควรแล้ว..มีเงินเสียป่าว..
เกือบ..เสียชีวิต!?
13 พ.ย. 2561 เวลา 16.45 น.
ดูทั้งหมด