นอกจากประเทศไทยที่เพิ่งยกระดับคุมเข้มการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 ด้วยการประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น.ของทุกวันและใช้มาตรการล็อคดาวน์ในหลายจังหวัด ประเทศอื่น ๆ ก็ออกมาตรการที่ครอบคลุมมากขึ้นเช่นกัน รวมถึงการล็อคดาวน์เต็มรูปแบบ การปิดสนามบิน การจำกัดการเดินทางเข้า-ออกประเทศ และการปิดพรมแดนของตน
มาตรการเหล่านี้ล้วนมีเป้าหมายสูงสุดคือ ยับยั้งการแพร่กระจายของไวรัสมรณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) นิยามว่าเป็น “การระบาดใหญ่ระดับโลก” หรือ Pandemic
รายชื่อประเทศที่จะกล่าวถึงดังต่อไปนี้ได้ออกมาตรการลักษณะดังกล่าวในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เพื่อความมั่นใจ ผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศช่วงนี้ควรอัพเดตข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมกับเว็บไซต์รัฐบาลประเทศนั้น ๆ ด้วยเช่นกัน
- ออสเตรเลีย (ยอดผู้ป่วย ณ 7 เม.ย. : 5,919 ราย)
รัฐบาลไม่อนุญาตให้นักเดินทางต่อเครื่องบินหรือเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. เป็นต้นไป ยกเว้นคนสัญชาติออสเตรเลียและสมาชิกครอบครัว ผู้พำนักถาวรในประเทศและสมาชิกครอบครัว พนักงานสายการบิน และนักการทูต
อย่างไรก็ตาม กฎดังกล่าวไม่มีผลบังคับใช้คนสัญชาติฟิจิ คิริบาติ หมู่เกาะมาร์แชลล์ ไมโครนีเซีย นาอูรู นิวซีแลนด์นีอูเอ ปาเลา ปาปัวนิวกินี อเมริกันซามัว หมู่เกาะโซโลมอน ตองกา ตูวาลู และวานูอาตู
ขณะเดียวกัน ทางการไม่อนุญาตให้พลเมืองออสเตรเลียเดินทางออกนอกประเทศ ยกเว้นคนที่มีถิ่นพำนักในต่างประเทศ พนักงานสายการบินและพนักงานเดินเรือ และแรงงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย คนที่เดินทางไปทำงานสำคัญในต่างแดน และคนที่เดินทางไปทำกิจในนามรัฐบาลอย่างเป็นทางการ
เมื่อวันที่ 23 มี.ค. รัฐบาลบังคับใช้มาตรการล็อคดาวน์ปิดผับ สโมสร โรงยิม และศาสนสถานต่าง ๆ อย่างไม่มีกำหนด หลังพบว่าประชาชนจำนวนมากไม่ใส่ใจคำเตือนให้เว้นระยะห่างทางสังคม และยังคงไปเที่ยวเตร่ตามชายหาด บาร์ และร้านอาหาร
- จีน (ยอดผู้ป่วย ณ 7 เม.ย. : 81,740 ราย)
เมื่อวันที่ 26 มี.ค. รัฐบาลจีนประกาศห้ามชาวต่างชาติส่วนใหญ่เดินทางเข้าประเทศเป็นการชั่วคราว ยกเว้นเจ้าหน้าที่การทูต ในความพยายามเพื่อควบคุมจำนวนผู้ติดโรคโควิดจากต่างแดน
กระทรวงการต่างประเทศระบุว่า แม้แต่พลเมืองต่างชาติที่มีบัตรอนุญาตสำหรับพำนักในจีน ก็จะถูกห้ามเข้าประเทศเช่นกัน ตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม ชาวต่างชาติที่เดินทางมาจีนเพื่อทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การค้า วิทยาศาสตร์ หรือเทคโนโลยี ที่มีความจำเป็น หรือต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมฉุกเฉิน ยังสามารถยื่นขอวีซ่าได้
เดือน ม.ค. จีนยกระดับมาตรการรับมือผู้ป่วยโควิดจากต่างแดน โดยกรุงปักกิ่งและมณฑลอื่น ๆ บังคับให้ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศกักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน
ขณะที่กระทรวงการบินพลเรือนจีนก็ออกมาตรการจำกัดจำนวนผู้โดยสารสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศขาเข้า
- ฝรั่งเศส (ยอดผู้ป่วย ณ 7 เม.ย. : 109,069 ราย)
รัฐบาลฝรั่งเศสออกคำสั่งห้ามผู้โดยสารที่เดินทางจากประเทศที่ไม่อยู่ในกลุ่มเชงเกน (Schengen) ที่มีสมาชิก 26 ประเทศในยุโรป เดินทางเข้าประเทศ
อย่างไรก็ตาม กฎนี้ไม่มีผลบังคับใช้กับผู้ถือสัญชาติประเทศในกลุ่มเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) ผู้โดยสารชาวสวิสที่ถือหนังสือเดินทางสหราชอาณาจักร และผู้มีบัตรอนุญาตสำหรับพำนักในฝรั่งเศสที่ออกโดยรัฐบาล
ขณะที่บรรดาบุคลากรทางการแพทย์และนักวิจัยที่ทำงานเกี่ยวกับการรับมือไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ได้รับการยกเว้นจากมาตรการจำกัดการเดินทางดังกล่าว
นอกจากนี้ ทางการยังขยายมาตรการล็อคดาวน์กรุงปารีส ด้วยการห้ามประชาชนออกกำลังกายนอกบ้านระหว่างเวลา 10.00-19.00 น. มีผลตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. เป็นต้นไป หลังจากยังมีประชาชนออกไปวิ่งออกกำลังกายหรือจับกลุ่มกันใกล้ตลาด ซึ่งยิ่งเพิ่มความเสี่ยงติดโควิด-19
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลฝรั่งเศสได้ขอให้ประชาชนทั่วประเทศอยู่ในบ้านให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. จนถึงวันที่ 15 เม.ย. และมีแนวโน้มว่าจะขยายเวลาออกไปอีก
- เยอรมนี (ยอดผู้ป่วย ณ 7 เม.ย. : 106,504 ราย)
รัฐบาลเยอรมนีสั่งห้ามผู้โดยสารที่เดินทางจากประเทศที่ไม่อยู่ในกลุ่มเชงเกน (Schengen) ที่มีสมาชิก 26 ประเทศในยุโรป เดินทางเข้าประเทศ
อย่างไรก็ตาม กฎนี้ไม่มีผลบังคับใช้กับผู้ถือสัญชาติประเทศในกลุ่มเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) พลเมืองชาวสวิสและสหราชอาณาจักร และผู้โดยสารซึ่งมีสิทธิพำนักระยะยาวในกลุ่มประเทศสมาชิก EEA, สวิตเซอร์แลนด์ หรือสหราชอาณาจักร ที่จะเดินทางกลับบ้านเกิด
ผู้โดยสารทุกคนต้องแสดงแบบฟอร์มติดตามตัวผู้โดยสารเพื่อเฝ้าสังเกตอาการ (Public Health Passenger Locator Form) ที่กรอกข้อมูลครบถ้วนเมื่อเดินทางมาถึงเยอรมนี
- อินเดีย (ยอดผู้ป่วย ณ 7 เม.ย. : 4,908 ราย)
อินเดีย ซึ่งมีประชากรกว่า 1,300 ล้านคน ประกาศห้ามเที่ยวบินระหว่างประเทศทุกเที่ยวบิน ยกเว้นเที่ยวบินขนส่งสินค้า บินเข้าประเทศจนถึงวันที่ 14 เม.ย.นี้
เมื่อวันที่ 18 มี.ค. รัฐบาลประกาศระงับการออกวีซ่าให้กับหลายประเทศ ปัจจุบัน ผู้ถือสัญชาติต่างประเทศที่เกิดในอินเดียหลายล้านคนซึ่งก่อนหน้านี้เข้าประเทศได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า จะต้องยื่นขอวีซ่าก่อนเช่นกัน
นอกจากนี้ ทางการยังขอให้ชาวอินเดียหลีกเลี่ยงการเดินทางไปต่างประเทศในช่วงเวลานี้ หากไม่มีเหตุจำเป็น
เมื่อวันที่ 17 มี.ค. อินเดียระงับการออกวีซ่าให้กับพลเมืองฝรั่งเศส สเปน และเยอรมนี จนกว่าจะมีการประกาศเพิ่มเติม หลังจากก่อนหน้านี้บังคับใช้มาตรการเดียวกันกับพลเมืองจีน อิตาลี อิหร่าน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งเป็น 5 ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิดระบาดหนักที่สุดในขณะนั้น
ขณะเดียวกัน รัฐบาลอินเดียยังสั่งปิดพรมแดนฝั่งที่ติดกับเพื่อนบ้านเมียนมาด้วย
- อิตาลี (ยอดผู้ป่วย ณ 7 เม.ย. : 135,586 ราย)
ในอิตาลีซึ่งมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในโลกถึงกว่า 16,000 คน รัฐบาลได้บังคับใช้มาตรการล็อคดาวน์ทั่วประเทศเมื่อวันที่ 10 มี.ค. ในความพยายามเพื่อยับยั้งการระบาดของไวรัสมรณะ โดยล่าสุดรัฐบาลประกาศขยายมาตรการนี้ไปจนถึงอย่างน้อยวันที่ 12 เม.ย. จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 3 เม.ย.
ทางการไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศผ่านสนามบินในแคว้นลอมบาร์ดี และอีกหลายจังหวัด เช่น อเลสซานเดรีย, อัสตี, โมเดนา, โนวารา, ปาโดวา, ปาร์มา, เปเซโรและอูร์บิโน, ปิอาเชนซา, เรจจิโอ เอมิเลีย, ริมินี, เตรวิโซ-เวนิซ, แวร์บาโน-คูซิโอ-ออสโซลา และแวร์เชลลี
คนที่เดินทางไปทำธุระด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ธุระเร่งด่วน หรือหากเป็นผู้อาศัยในพื้นที่นั้น ๆ ต้องแจ้งการเดินทางเข้าประเทศต่อสำนักงานป้องกันโรคระดับภูมิภาค และต้องอยู่ภายใต้การเฝ้าระวังอาการและกักตัวเป็นเวลา 14 วัน
รัฐบาลสั่งห้ามการเดินทางภายในประเทศและปิดอุตสาหกรรมหลายประเภทเมื่อวันที่ 23 มี.ค. เพื่อต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19
- ญี่ปุ่น (ยอดผู้ป่วย ณ 7 เม.ย. : 3,906 ราย)
เดิมนั้น รัฐบาลแดนอาทิตย์อุทัยบังคับใช้มาตรการห้ามเข้าประเทศสำหรับนักเดินทางที่เคยอยู่ในจีน อิหร่าน หรืออิตาลี ช่วง 14 วันก่อนมาถึงญี่ปุ่น และวันที่ 3 เม.ย. ทางการได้ขยายคำสั่งห้ามนี้เป็น 73 ประเทศ รวมถึงสหรัฐ สหราชอาณาจักร และแคนาดา
คำสั่งห้ามเข้าประเทศยังครอบคลุมถึงอย่างน้อย 44 ประเทศยุโรป, 12 ประเทศเอเชีย (รวมถึงไทย), 4 ประเทศตะวันออกกลาง, 5 ประเทศแอฟริกา, 6 ประเทศละตินอเมริกา เช่นเดียวกับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
ล่าสุด รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงโตเกียวและอีก 6 จังหวัด ได้แก่ ชิบะ, คานางาวะ, ไซตามะ, โอซากา, เฮียวโงะ และฟูกูโอกะ เพื่อให้ผู้ว่าการแต่ละเมืองมีอำนาจตามกฎหมายในการสั่งให้ประชาชนอยู่ในบ้านและให้ภาคธุรกิจปิดทำการได้ โดยมีผลบังคับใช้นาน 1 เดือนตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย.
- มาเลเซีย (ยอดผู้ป่วย ณ 7 เม.ย. : 3,963 ราย)
เมื่อวันที่ 17 มี.ค. รัฐบาลประกาศปิดประเทศ ห้ามพลเมืองมาเลเซียเดินทางออกนอกประเทศและไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ไม่มีถิ่นพำนักในมาเลเซียเข้าประเทศ ส่วนคนสัญชาติมาเลเซียและชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในประเทศ จะถูกกักกันโรคเป็นเวลา 14 วันเมื่อเดินทางมาถึง
เดิมนั้น คำสั่งดังกล่าวมีผลถึงวันที่ 31 มี.ค. ก่อนที่รัฐบาลจะขยายเวลาไปอีก 2 สัปดาห์จนถึงวันที่ 14 เม.ย.
ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. เป็นต้นไป ทางการไม่อนุญาตให้มีการเปลี่ยนเครื่องจากเที่ยวบินระหว่างประเทศไปเที่ยวบินภายในประเทศ จนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม
- สิงคโปร์ (ยอดผู้ป่วย ณ 7 เม.ย. : 1,481 ราย)
เมื่อวันที่ 23 มี.ค. สิงคโปร์ ประกาศปิดประเทศโดยไม่อนุญาตให้ผู้ถือวีซ่าระยะสั้น นักท่องเที่ยวจากทุกประเทศ เดินทางเข้าสิงคโปร์ รวมถึงไม่อนุญาตให้มาเปลี่ยนสายการบินที่สิงคโปร์ มีผลตั้งแต่เวลา 23.59 น. วันที่ 23 มี.ค. ตามเวลาท้องถิ่น
อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ยกเว้นผู้ที่มีวีซ่าทำงานเกี่ยวกับด้านการขนส่งและการดูแลสุขภาพ ซึ่งยังสามารถเดินเข้าประเทศได้
ส่วนผู้ที่มีถิ่นพำนักในสิงคโปร์และผู้ที่ถือใบอนุญาตทำงานหรือทำธุรกิจในสิงคโปร์ที่กลับมาจากต่างประเทศ จะต้องถูกกักกันโรคหรือขอความร่วมมือให้กักกันตัวเองเป็นเวลา 14 วันเมื่อเดินทางมาถึง
นอกจากนี้ รัฐบาลประกาศล็อคดาวน์ทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย. ไปจนถึงวันที่ 4 พ.ค. เพื่อสกัดการระบาดของโควิด-19 ทำให้สถานที่ทำงาน ห้องสมุดสาธารณะ และศูนย์การค้าต้องปิดทำการ ส่วนโรงเรียนและมหาวิทยาลัยจะเปลี่ยนไปสอนออนไลน์แทน
ที่ผ่านมา สิงคโปร์ได้รับคำชมจากหลายฝ่ายกรณีใช้มาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดในการตรวจหาผู้ติดเชื้อและติดตามผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อกลับยังเพิ่มขึ้น จนรัฐบาลต้องยกระดับมาตรการ
- เกาหลีใต้ (ยอดผู้ป่วย ณ 7 เม.ย. : 10,331 ราย)
เมื่อวันที่ 17 มี.ค. รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศคุมเข้มการตรวจคนเข้าเมืองทุกจุดผ่านแดนสำหรับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ หลังจากก่อนหน้านั้นได้ตรวจเข้มงวดกับผู้มาเยือนจากจีน อิตาลี และอิหร่าน ด้วยการกำหนดให้นักเดินทางจากประเทศเหล่านี้ลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นมือถือเพื่อติดตามว่าพวกเขามีอาการป่วย เช่น มีไข้สูง หรือไม่
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศยังออกคำแนะนำการเดินทางฉบับพิเศษเมื่อวันที่ 23 มี.ค. เรียกร้องให้พลเมืองเกาหลีใต้ยกเลิกหรือเลื่อนทริปไปเที่ยวทุกประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงการระบาดของโควิด-19
เกาหลีใต้ได้บังคับใช้มาตรการกักกันโรค 2 สัปดาห์และตรวจหาโรคโควิด-19 กับนักท่องเที่ยวที่มีวีซ่าระยะยาวทุกคนจากยุโรป ไม่ว่าจะแสดงอาการป่วยหรือไม่ก็ตาม เพื่อป้องกันการนำเชื้อไวรัสจากต่างแดนเข้ามาแพร่ในประเทศ
- สเปน (ยอดผู้ป่วย ณ 7 เม.ย. : 140,511 ราย)
กระทรวงมหาดไทยสเปนสั่งคุมเข้มการเข้าประเทศสำหรับชาวต่างชาติส่วนใหญ่ที่เดินทางผ่านสนามบินและท่าเรือเป็นเวลา 30 วันตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19
คำสั่งนี้มีขึ้นไม่กี่วันหลังจากสเปนประกาศจำกัดการเข้า-ออกพรมแดนทางบกที่ติดกับฝรั่งเศสและโปรตุเกส หลังบรรดาผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) เห็นพ้องให้ปิดพรมแดนกลุ่มอียูทั้งหมดเป็นเวลา 30 วัน
อย่างไรก็ดี ผู้มีสัญชาติสเปน ชาวต่างชาติที่อาศัยในสเปน ลูกเรือสายการบินโดยสารและสายการบินขนส่งสินค้า เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่การทูต ได้รับอนุญาตให้เดินทางได้ตามปกติ
ก่อนหน้านั้น รัฐบาลสเปนประกาศปิดพรมแดนทางบกทั้งหมดเมื่อวันที่ 16 มี.ค. โดยอนุญาตเพียงพลเมืองสเปน ผู้มีถิ่นพำนักในประเทศ และบุคคลอื่น ๆ ที่มีธุระจำเป็นเร่งด่วน เดินทางเข้าประเทศได้
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลประกาศขยายเวลาล็อคดาวน์ทั่วประเทศอีก 2 สัปดาห์จนถึงเที่ยงคืนของวันที่ 25 เม.ย. ตามเวลาท้องถิ่น จากคำสั่งเดิมเมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 11 เม.ย. เพื่อให้เวลาในการฟื้นฟูระบบสาธารณสุขของประเทศที่รับศึกหนักจากโรคระบาดครั้งนี้
สเปนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หนักที่สุดอันดับต้น ๆ ของโลก โดยนับถึงวันที่ 7 เม.ย. มีผู้ป่วยรวมกว่า 140,000 คน มากที่สุดรองจากสหรัฐ และผู้เสียชีวิตกว่า 13,800 คน มากที่สุดรองจากอิตาลี
- สหราชอาณาจักร (ยอดผู้ป่วย ณ 7 เม.ย. : 55,242 ราย)
รัฐบาลสหราชอาณาจักรเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ไม่ต่างจากประชาชนทั่วไป นำโดยนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ที่ขณะนี้รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูและมีอาการคงที่ และแม้แต่ แมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขที่ดูแลรับผิดชอบสถานการณ์นี้โดยตรงก็ยังติดเชื้อ
อย่างไรก็ตาม ในด้านการควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศ รัฐบาลได้ออกคำแนะนำเมื่อวันที่ 17 มี.ค. ให้พลเมืองหลีกเลี่ยงการเดินทางไปต่างประเทศทั่วโลก หากไม่มีธุระจำเป็น เป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน
ต่อมาในวันที่ 23 มี.ค. รัฐบาลประกาศล็อคดาวน์ทั่วประเทศเป็นเวลา 3 สัปดาห์ พร้อมสั่งปิดห้างร้านที่ไม่จำเป็น และห้ามประชาชนออกจากบ้านหรือรวมตัวในที่สาธารณะเกิน 2 คนขึ้นไป ยกเว้นออกไปซื้อข้าวของที่จำเป็น ไปพบแพทย์ หรือไปทำงานเท่านั้น
นีล เฟอร์กูสัน ที่ปรึกษาของรัฐบาลและศาสตราจารย์แถวหน้าด้านคณิตศาสตร์ชีววิทยาจากวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ คาดว่า รัฐบาลจะยังไม่ผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์เข้มงวด จนกว่าจะถึงสิ้นเดือน พ.ค.นี้
- สหรัฐ (ยอดผู้ป่วย ณ 7 เม.ย. : 386,104 ราย)
ในสหรัฐซึ่งมีผู้ป่วยโควิด-19 มากที่สุดในโลกอยู่ที่กว่า 386,000 ราย รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บังคับใช้มาตรการห้ามเข้าประเทศสำหรับชาวต่างชาติทุกสัญชาติที่เคยเดินทางไป30 ประเทศ ซึ่งรวมถึงจีน อิหร่าน ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน หรือสหราชอาณาจักร ช่วง 14 วันก่อนมาถึงสหรัฐ
ขณะที่พลเมืองอเมริกันหรือผู้มีถิ่นพำนักถาวรในสหรัฐที่กลับจากเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง ต้องบินไปลงที่สนามบินนานาชาติแห่งใดแห่งหนึ่งใน 13 แห่งที่เพิ่มมาตรการคัดกรองผู้โดยสารขาเข้าไว้แล้ว
เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ทรัมป์ประกาศปิดพรมแดนสหรัฐที่ติดกับแคนาดาด้วยความยินยอมร่วมกัน สำหรับการเดินทางที่ไม่จำเป็น เช่น ท่องเที่ยวและการเยือนเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ
ต่อมาวันที่ 19 มี.ค. ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ เผยว่า สหรัฐและเม็กซิโกตกลงจำกัดการเดินทางที่ไม่จำเป็นระหว่างพรมแดนเป็นเวลา 30 วัน และจะพิจารณใหม่อีกครั้งเมื่อพ้นช่วงเวลาดังกล่าว
ต้นเดือน เม.ย. ทรัมป์กล่าวว่า กำลังพิจารณาสั่งให้สายการบินต่าง ๆ ระงับเที่ยวบินภายในประเทศระหว่างจุดที่โรคโควิด-19 ระบาดรุนแรง เช่น นิวยอร์ก เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสนี้ และยังมีแผนที่จะจำกัดการเดินทางทางรถไฟด้วย แต่ยังไม่ตัดสินใจขั้นสุดท้าย
มานพ ถ้ามีเคอฟิวสัก 2 ปีจะดีมากจะได้ไม่มีอุบัติเตุบนท้องถนน ศีลธรรมจะได้กลับมา ผัวเมียจะได้อยู่กับบ้านอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา อบายมุขพวกผับบาร์จะได้หมดไป สถานเริงรมณ์ทั้งหลายจะได้ไม่มี สังคมกลับไปสู่ยุคเมื่อ 50-60 ปีที่แล้ว ชอบที่เป็นแบบนี้
08 เม.ย. 2563 เวลา 00.33 น.
pongpipat ประเทศเหล่านี้ ผู้นำเป็นเผด็จการชัวร์ ทำรัฐประหารโควิด ปฏิวัติเงียบ. ประชาธิปไตยของแท้ ต้องยอมตาย
เสรีภาพสำคัญกว่าสุขภาพ ยอมตายดีกว่าอยู่แบบไร้เสรีภาพ. นักปรัชญาชาวฝรั่งเศษ มองตุ๊ดซิเธอ ว่าไว้
08 เม.ย. 2563 เวลา 00.43 น.
Тедди ประเทศไทยดีสุดล่ะ
08 เม.ย. 2563 เวลา 00.37 น.
Hichicz จีนปิดข่าวปะ
08 เม.ย. 2563 เวลา 01.00 น.
@BRV249@ ประเทศไทยเราถือว่าโชคดีมากที่ได้รมว.สธที่ชื่ออนุทินเพราะท่านทำให้ประชากรไทยลดน้อยลงได้โดยการปล่อยให้เชื้อร้ายโควิด-19เข้าประเทศครับ555555
08 เม.ย. 2563 เวลา 00.43 น.
ดูทั้งหมด