นับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา สหรัฐฯ กับญี่ปุ่นได้ทำสนธิสัญญาป้องกันประเทศร่วมกัน ซึ่งทำให้สหรัฐฯ เข้าไปตั้งฐานทัพในญี่ปุ่นได้ ภายใต้เงื่อนไขว่า สหรัฐฯ จะเป็นผู้ปกป้องหากญี่ปุ่นถูกรุกราน แต่ล่าสุดมีข่าวว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการฉีกสัญญาฉบับนี้ โดยอ้างว่า สหรัฐฯ เป็นฝ่ายเสียประโยชน์
และล่าสุดทางด้าน ประธานาธิบดีทรัมป์ได้พูดกับบุคคลใกล้ชิดว่า เขามีความคิดอยากจะถอนสหรัฐฯ ออกจากสนธิสัญญาป้องกันประเทศที่ทำกับญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อกว่า 60 ปีมาแล้ว โดยอ้างว่า ญี่ปุ่นได้ประโยชน์แต่เพียงฝ่ายเดียว จากการที่สหรัฐฯ ต้องปกป้องญี่ปุ่นในกรณีที่ถูกรุกราน แต่ญี่ปุ่นไม่ได้มีข้อผูกมัดในกรณีที่สหรัฐฯ ถูกโจมตี นอกจากนี้ทรัมป์ยังไม่พอใจที่สหรัฐฯ ต้องย้ายที่ตั้งฐานทัพบนเกาะโอกินาวา และอยากให้ญี่ปุ่นรับผิดชอบค่าใช้จ่ายมากกว่านี้ด้วย
อันที่จริงเรื่องนี้เป็นการสมยอม ของผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำญี่ปุ่น อย่าลืมว่าตอนหาเสียงการเลือกตั้ง นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ผู้นำญี่ปุ่นชูธง การแก้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 9 ที่ผู้นำญี่ปุ่นต้องการแก้มากที่สุด
มาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญแห่งญี่ปุ่น เป็นบทในรัฐธรรมนูญแห่งญี่ปุ่นที่ห้ามพฤติการณ์แห่งสงครามโดยรัฐ รัฐธรรมนูญดังกล่าวมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2490 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ในข้อความนี้ รัฐสละสิทธิอธิปไตยในสงครามและห้ามการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศผ่านการใช้กำลัง มาตรานี้ยังแถลงว่า เพื่อบรรลุเป้าประสงค์เหล่านี้ จะไม่มีการธำรงกองทัพที่มีศักย์สงคราม แม้ญี่ปุ่นยังธำรงกองทัพโดยพฤตินัย คือ กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น
ดังนั้นถ้าเมื่อไหร่สหรัฐฯ ถอนการสนับสนุนด้านทหารออกไปจากญี่ปุ่น ก็เท่ากับเป็นการเปิดทางให้ผู้นำญี่ปุ่นมีเหตุผลที่จะให้กับสภา และประชาชนว่า จำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 9 เพื่อเปิดทางให้ญี่ปุ่นได้มีกองทัพที่เข็มแข็งไว้ปกป้องประเทศ โดยเฉพาะจากการแผ่ขยายอิทธิพลของจีนในภูมิภาคทีนับวันส่งผลกระทบต่อญี่ปุ่นรุนแรงมากขึ้น
ที่ผ่านมาเราจะเห็นการเคลื่อนไหวของญี่ปุ่นเพื่อเตรียมการในการ เตรียมกองทัพอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศเข้ามาประจำการไว้ในเมืองสำคัญ ๆ อย่างต่อเนื่อง หรือจะเป็นการเตรียมการสั่งซื้อเครื่องบินรบรุ่นล่าสุดอีกจำนวนมาก ดังนั้นวันนี้หากว่าสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากการดูแลทางทหารให้กับญี่ปุ่น สหรัฐฯ มีแต่ได้กับได้
บรรดานักวิเคราะห์มองว่าหากสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากญี่ปุ่นนั้น จะทำให้สูญเสียอิทธิพลทางทหารในภูมิภาคแห่งนี้ ทันที แต่มองต่างกับผู้เขียน เพราะ มองว่าเมื่อไหร่ที่สหรัฐฯ ถอนตัวออกไปมีแต่ได้ กับได้ อย่างแรก สหรัฐฯ จะได้ขายอาวุธ ยุทโธปกรณ์ ให้กับญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง และแน่นอนการเข้ามาของอาวุธใหม่ ๆ เหล่านี้ ย่อมจะตามมาด้วยหน่วยทหารอีกจำนวนหนึ่งที่จะมาสอนการใช้งาน ไม่มีการถอนทหารทั้งหมดออกจากญี่ปุ่นอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องอิทธิพลทางทหาร เชื่อได้ว่าสหรัฐฯ ได้เตรียมการเรื่องนี้ไว้แล้ว นั่นก็คือการไปใช้ฐานที่มั่นที่เกาหลีใต้ ที่สหรัฐฯ เดินหน้าเรื่องนี้มานานพอสมควร และ อีกส่วนหนึ่งสหรัฐฯมีฐานทัพอยู่แล้วในหมู่เกาะฮาวาย ก็สามารถเคลื่อนทัพเข้าสู่ภูมิภาคแห่งนี้ได้ทันที
นอกจากนั้นแล้ว นอกจากสหรัฐฯ ได้ขายอาวุธ ได้เงิน ได้รายได้ สหรัฐฯ ยังจะมีพันธมิตรทางทหารที่แข็งแกร่งในภูมิภาคแห่งนี้เพิ่มขึั้น เดิมนั้นญี่ปุ่นก็ดูเหมือนเป็ดง่อย ในทางทหาร มีเพียงเกาหลีใต้ ที่ดูพอมีศักยภาพ แต่เชื่อได้ว่าถ้าสหรัฐฯ ปลดล็อคเรื่องดังกล่าว ญี่ปุ่นจะกลายเป็นคู่ต่อกร กับจีน ที่สมน้ำสมเนื้อในภูมิภาคแห่งนี้ และจะกลายเป็นพันธมิตรหลักของสหรัฐฯ ที่จะจัดการกับจีน
S.Sawadwor ญี่ปุ่นไม่มีอะไรให้สูบไง ถ้าเป็นทางตะวันออกกลางนี้หูตั้งหางชันเข้าไปเลยละ
26 มิ.ย. 2562 เวลา 08.51 น.
PaNuWat สหรัฐคบใครมีแต่เรื่องผลประโยชน์
26 มิ.ย. 2562 เวลา 08.30 น.
Surapun มองในมุมกลับกัน ญีปุ่นอาจต้องการลดบทบาทสหรัฐในภูมิภาค เเล้วร่วมมือทาง ศก.กับจีน .. ค้าขายกันดีกว่า ไม่บ้าสงคราม
26 มิ.ย. 2562 เวลา 08.34 น.
⚔️Ⓜ️↗️Nakarin 2️⃣6️⃣6️⃣5️⃣ เด่วจีนวางแผนกันรัสเซียบ้าง มีหนาวขี้ พระเอกแค่ในหนัง อเมริกา หัวดอ
26 มิ.ย. 2562 เวลา 08.45 น.
อ, เจี๊ยบ ถูกต้องที่สุด
26 มิ.ย. 2562 เวลา 08.16 น.
ดูทั้งหมด