แนะเหยื่อ "แพรวา" เร่งยื่นขอหมายบังคับคดี

กรมบังคับคดีแนะ "เหยื่อแพรวา" หรืออรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา เร่งขอหมายบังคับคดีจากศาลแพ่ง เริ่มต้นสืบทรัพย์ พบที่ดิน รถยนต์ ยึดทรัพย์ขายทอดตลาด จ่ายชดเชยเหยื่อ หากเลี่ยงโอนทรัพย์ไปไว้กับบุคคลอื่น ขอศาลเพิกถอนจากผู้รับโอนได้

เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 62 นางอรัญญา ทองน้ำตะโก อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวถึงขั้นตอนดำเนินการตามกฎหมายในคดีแพรวา 9 ศพ ว่า ภายหลังศาลมีคำพิพากษาให้ชำระค่าชดเชยความเสียหายแล้ว แต่ปรากฎว่าจำเลยไม่ชำระตามกำหนดเวลา โจทก์สามารถขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีได้ เพื่อให้มีอำนาจในการสืบทรัพย์ ซึ่งกรณีของน.ส.แพรวา หรืออรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา ศาลแพ่งเป็นผู้ออกคำสั่ง ดังนั้นการขอออกหมายบังคับคดีจำเป็นต้องไปขอที่ศาลแพ่ง จากนั้นศาลแพ่งจะส่งหมายบังคับคดีไปยังสำนักงานบังคับคดีแพ่งกรุงเทพมหานคร 1 เมื่อได้รับหมายดังกล่าวแล้วก็จะเป็นภาระของโจทก์หรือเจ้าหนี้ที่ต้องดำเนินการสืบหาทรัพย์ว่าจำเลยมีทรัพย์สิน ที่ดินใดบ้าง ซึ่งในส่วนดังกล่าวโจทก์หรือเจ้าหนี้สามารถนำคำพิพากษาของศาลไปขอตรวจสอบทรัพย์สินที่กรมที่ดินในกรณีของที่ดิน หรือกรมการขนส่งทางบก ในกรณีครอบครองรถยนต์

อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวต่อว่า เมื่อพบทรัพย์สินในกรรมสิทธิ์ครอบครองของจำเลยแล้ว สามารถนำมายื่นคำร้องเพื่อตั้งเรื่องบังคับคดี ยึดทรัพย์สินดังกล่าวไปขายทอดตลาดเพื่อนำเงินที่ได้มาชดเชยให้ผู้เสียหายตามคำพิพากษา โดยขั้นตอนดังกล่าวหากมีเอกสารพร้อมพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สามารถดำเนินการได้ทันที หากเป็นการยึดทรัพย์เกี่ยวกับที่ดินสำนักงานบังคับคดีจะมีการแจ้งไปที่เจ้าพนักงานที่ดิน เพื่อขอยึดทรัพย์สินดังกล่าว ทั้งนี้ ขั้นตอนในการบังคับคดีและสืบทรัพย์มีอายุความ 10 ปีนับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา อย่างไรก็ตาม หากพบมีกรณีที่จำเลยโอนย้ายทรัพย์สินไปยังบุคคลอื่น ทำให้ทรัพย์ดังกล่าวไม่ใช่ของจำเลยแล้ว โจทก์หรือเจ้าหนี้จะต้องไปยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้เพิกถอนความเป็นเจ้าของทรัพย์นั้นจากผู้รับโอนได้