เซเคินด์ อิดิชั่น (Second Edition) ร้านอาหารสไตล์ โฮม คุกกิ้ง (Home Cooking) ผสมผสานกับ กริล รูม (Grill Room) ก่อกำเนิดมาจากความตั้งใจของเชฟใหญ่มากฝีมืออย่าง เชฟแวน-อายุษกร อารยางกูร ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของร้านอาหารฝรั่งเศสชื่อดังอย่าง “โฟร์การ์ซงส์” โดยในครั้งนี้เชฟแวนได้ดึงเอาเสน่ห์และเทคนิคการปรุงอาหารแบบฝรั่งเศสมาตีความเป็นครั้งที่ 2 ให้ได้ลิ้มลองในชื่อร้าน Second Edition
เมื่อก้าวเข้าไปในร้าน จะได้สัมผัสบรรยากาศการตกแต่งด้วยสไตล์ Mid-Century ที่ให้ความรู้สึกเสมือนย้อนกลับไปในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี 1950 ที่โด่งดังในเรื่องงานดีไซน์ที่มีรายละเอียดและรูปทรงที่อ่อนช้อย จนเรียกได้ว่าเป็นศาสตร์ด้านการตกแต่งที่กำลังกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในช่วงนี้
โดยทางร้านเลือกหยิบเอารูปทรงเรขาคณิตและลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์มาเป็นองค์ประกอบหลักในการตกแต่งร้าน ผสมกับรูปแบบกราฟิกที่หยอกล้อกันอย่างพอดิบพอดี สร้างความรู้สึก “อบอุ่น” เสมือนได้นั่งรับประทานอาหารอยู่ในบ้าน
เชฟแวนเล่าว่า จากประสบการณ์เปิดร้านมา 9 ปี เมื่อมาเปิดร้านแห่งใหม่ ได้ลองเปลี่ยนเมนูใหม่ๆ เพื่อให้ลูกค้าได้ลองอะไรใหม่ๆ จึงทำเมนูอาหารในคอนเซ็ปต์ “โฮม คุกกิ้ง” ที่ให้ความรู้สึกมารับประทานอาหารกับครอบครัว ด้วยเทรนด์การรับประทานอาหารฝรั่งตอนนี้ จะเป็นการนำอาหารมาแชร์กันตรงกลาง ไม่เป็นทางการ แต่เป็นแคชชวลสบายๆ มากขึ้น
ในส่วนของเมนูอาหาร เซเคินด์ อิดิชั่น เลือกเมนูอาหารตามแบบฉบับของ คอมฟอร์ต ฟู้ด (Comfort Food) ที่ให้ความรู้สึกเหมือนรับประทานอาหารอยู่ที่บ้าน โดยยังคงเลือกวัตถุดิบคุณภาพดี ออร์แกนิค เป็นอาหารตามฤดูกาล มารังสรรค์เมนูที่หลากหลาย ที่มีการปรับเปลี่ยนวิธีการประกอบอาหาร ด้วยการใช้วิธีปรุงอาหารแบบฝรั่งเศสโบราณ
“จากร้านเดิมที่เราใช้เทคนิคการประกอบอาหารแบบฝรั่งเศสหลายเทคนิค ทั้ง ย่าง ต้ม นึ่ง อบ แต่สำหรับร้านนี้ เราโฟกัสที่การทำอาหารแบบย่าง เป็นวิธีแบบฝรั่งเศสโบราณ ใช้เตาถ่านย่าง โดยใช้ถ่านจากไม้มะขาม ที่จะมีความหอมของไม้ และมีความเป็นธรรมชาติ”
ด้วยเหตุนี้ เชฟแวนจึงว่า เมื่อเปลี่ยนวิธีการทำอาหาร จึงทำให้เมนูเปลี่ยนค่อนข้างเยอะ ไม่เหมือนร้านเดิม
*“เราจึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อร้านเป็น เซเคินด์ อิดิชั่น (Second Edition) เปรียบเสมือนหนังสือพิมพ์ที่เราพิมพ์ออกมา บรรณาธิการคนเดิม แต่เนื้อหาเปลี่ยนใหม่” *
แม้จะเปลี่ยนวิธีการประกอบอาหาร แต่วิธีการ “ปรุงอาหาร” ยังคงเป็นสไตล์ฝรั่งเศสที่ให้ความสำคัญกับอินกรีเดียนต์หรือส่วนผสมต่างๆ
“การทำอาหารสไตล์ฝรั่งเศสจะให้ความสำคัญกับอินกรีเดียนต์ก่อน ต้องศึกษาก่อนว่าอินกรีเดียนต์มีลักษณะอย่างไร เพื่อที่จะประกอบอาหารให้ขับรสชาติของอินกรีเดียนต์ที่เราเลือกเอามาเป็นตัวชูโรงของเมนูนั้นๆ ให้ออกมาเด่นที่สุด” เชฟแวนลงลึกถึงการทำอาหารที่สุดพิถีพิถัน
สำหรับ“อาหารจานหลัก” ทางร้านเน้นไปที่เมนู ย่าง หรือ สเต๊ก ไม่ว่าจะเป็น สเต๊กเนื้อ ที่รวบรวมเนื้อชั้นเยี่ยมมาจากทั่วทุกมุมโลก พร้อมทั้งเลือกใช้เนื้อส่วนต่างๆ ที่มีความโดดเด่นในแต่ละประเทศ รังสรรค์เป็นเมนูสเต๊กตอบโจทย์คนรักเนื้อได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ทางร้านยังมีเมนูสำหรับคนไม่ทานเนื้ออย่าง “เมนูแกะย่างแบบมองโกล” ที่นำพริกเม็กซิกันจาลาปิโนมาเป็นส่วนผสมในซอสหมักเนื้อแกะ ที่ให้รสชาติไม่เผ็ดมาก อร่อยละมุนลิ้นยิ่งนัก
ส่วนคนที่ชอบทานกุ้ง “เมนูกุ้งขาวตัวใหญ่ย่าง” ที่หอมกลิ่นควันไฟ นำมาผัดกับซอสไวน์ขาว กระเทียม และผักชีฝรั่ง นับเป็นหนึ่งในเมนูที่ต้องลิ้มลอง หรือ “เมนูลูกฟิกสดย่างห่อด้วยเบคอน” ลูกฟิกสดย่างเสิร์ฟมาพร้อมครีมชีสมาสคาโปน และซอสสูตรพิเศษให้รสชาติกลมกล่อม และรสสัมผัสที่ลงตัว
รวมถึงอีกหนึ่งเมนูที่ไม่ควรพลาดอย่างเมนู“Grilled flat bread หน้าพาม่าแฮม กับเฟสต้าชีส” แป้งขนมปังแบบบางกรอบที่หน้าตาคล้ายพิซซ่านำไปย่าง แต่ให้เนื้อสัมผัสที่บางเบากว่าสามารถรับประทานพร้อมกันได้หลายคน และยังมีให้เลือกด้วยกันหลายรสชาติ
หากอยากทานอาหารแบบไทยๆ ที่นี่ก็มีพร้อมเสิร์ฟ กับเมนู “ข้าวกะเพราเนื้อริบอายออสเตรเลียย่าง” เนื้อริบอายหั่นเป็นชิ้นพอคำนุ่มๆ ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ โปะด้วยไข่ดาว ก็ให้ความรู้สึกว่ากินข้าวผัดกะเพราแบบพิเศษสุด
ส่วนสายเฮลตี้ มาถึงร้านแล้วอยากให้ลองสั่ง“สลัดผักเคล” (Kale) ผักที่หลายคนบอกว่ากินยากเพราะทั้งแข็งทั้งขม แต่ทางร้านมีเทคนิคการทำให้นิ่มด้วยการซื้อผักที่เก็บตั้งแต่ยังอ่อน นำมาขยำเพื่อให้ผักนุ่ม เสิร์ฟพร้อมน้ำสลัดเลม่อนย่างกับน้ำมะกอกที่กลิ่นหอมๆ จากมะนาว นอกจากทำให้สลัดมีกลิ่นหอมแล้ว ยังลดทอนความขมลงไปได้มากทีเดียว
พิเศษกับเมนูอาหารตามฤดูกาล ที่ช่วงนี้ทางร้านอิมพอร์ตหน่อไม้ฝรั่งสีขาว “ไวท์ แอสพารากัส” มาจากฝรั่งเศส นำมาประกอบเมนูสุดอร่อยให้ได้รับประทานกัน โดยนำมา ต้มกับนม ให้รสชาติที่หอมหวาน ทานคู่กับ ซอสฮอลแลนด์เดส ซอสชื่อดังสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ต้องทำครั้งต่อครั้งเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีเมนูของหวาน อย่างเมนู ผลไม้สดย่าง ที่ทานคู่กับ ไอศกรีมรสวานิลลา อาทิ สับปะรดสดย่างราดด้วยซอสคาราเมล และโรยอัลมอนด์บด รวมทั้งทางร้านยังมีเค้กประจำวันที่ได้ครีเอตและปรับเปลี่ยนเมนูเพื่อความหลากหลาย ล้วนมาจากแรงบันดาลใจระหว่างการเดินทางของเชฟแวน จนเกิดเป็นเมนูที่ถูกปรุงขึ้นด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิมในรสชาติที่คุ้นเคย
สัมผัสความอร่อยในแบบ Second Edition ที่ตั้งอยู่ ณ อาคาร Siamese Exclusive สุขุมวิท 31 ร้านเปิดให้บริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่ 11.00-22.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่ 08.00-22.00 น. (มีบริการอาหารเช้า) ติดต่อสอบถามข้อมูลและสำรองที่นั่ง โทร 0-2163-4648 หรือ www.secondeditionbkk.com