ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งราย (1) นายพิชญ์ โพธารามิก และ (2) นายเกริกไกร ไตรบัญญัติกุล กรณีการใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้นบมจ.จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ (JTS) โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์รวม 59.10 ล้านบาท
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในระหว่างวันที่ 29 กันยายน 2559 ถึงวันที่ 12 ตุลาคม 2559 พบว่า นายพิชญ์ได้ร่วมกับนายเกริกไกรซื้อหุ้น JTS* (โดยใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายเกริกไกร) ก่อนที่จะมีการเปิดเผยงบการเงินไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2559 ที่มีผลกำไร 21.39 ล้านบาท พลิกกลับจากที่มีผลขาดทุนมาตลอดตั้งแต่ปี 2557 และเป็นข้อมูลที่มีนัยสำคัญต่อราคาหลักทรัพย์
โดยที่ผลกำไรของ JTS ดังกล่าว เกิดจากการที่ JTS ได้รับการว่าจ้างงานจากบริษัท ทริปเปิล ที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) (TTTBB)** ซึ่งนายพิชญ์ดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการ และนายพิชญ์ยังเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการของ JAS ที่ให้นโยบายในการว่าจ้างงานภายในกลุ่มด้วย นายพิชญ์จึงอยู่ในฐานะที่ล่วงรู้ข้อมูลที่มีนัยสำคัญต่อราคาหลักทรัพย์ของ JTS การกระทำข้างต้นของนายพิชญ์และนายเกริกไกร จึงเป็นการซื้อหุ้น JTS โดยใช้ข้อมูลภายใน อันเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 241 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะกระทำความผิด
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 2 ราย โดยกำหนดให้ (1) นายพิชญ์ ชำระค่าปรับทางแพ่งเป็นเงินจำนวน 32,650,173.75 บาท และชดใช้เงินในจำนวนที่เท่ากับผลประโยชน์ที่พึงได้รับ เป็นเงินจำนวน 26,120,139 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 58,770,312.75 บาท และ (2) นายเกริกไกร ชำระค่าปรับทางแพ่งเป็นเงินจำนวน 333,333.33 บาท
ทั้งนี้ หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ก.ล.ต.จะดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ชดใช้ผลประโยชน์ที่ได้รับและชำระเงินค่าปรับทางแพ่งตามอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด อนึ่ง การที่ ค.ม.พ. กำหนดให้ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดจะเป็นเหตุให้เข้าข่ายเป็นผู้มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจ ในการเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ และบริษัทจดทะเบียนตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต.*** ซึ่งจะมีผลให้นายพิชญ์ ต้องพ้นจากตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทดังกล่าว เมื่อก.ล.ต.มีหนังสือแจ้งการมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจ ซึ่งก.ล.ต.อยู่ระหว่างการดำเนินการต่อไป ส่วนกรณีของนายเกริกไกร ก.ล.ต.จะพิจารณาเมื่อบุคคลดังกล่าวจะเข้ามาเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน
* JAS ถือหุ้นใน JTS ร้อยละ 32.8
** JAS ถือหุ้นใน TTTBB ผ่านบริษัท อคิวเมนท์ จำกัด ร้อยละ 99
*** ลักษณะของผู้ที่ขาดความน่าไว้วางใจของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน และต้องพ้นจากตำแหน่งเป็นไปตามข้อ 3(2) ข้อ 5(2) และข้อ 6(2) แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กจ. 3/2560 เรื่อง การกำหนดลักษณะขาดความน่าไว้วางใจของกรรมการและผู้บริหารของบริษัท ลงวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560
เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว
Ton มันมีตังคเป็นหลายหมื่นหลายแสนล้าน ปรับแค่นั้นเองรึ
17 ก.ย 2562 เวลา 03.01 น.
sujira ลูก ดร.อดิศัย โพธารามิก บริษัทนี้มาจากสัมภเวสี ยุคเป็นรัฐบาลที่พยายามแผ่อำนาจทางเครื่องมือสื่อสาร สงสาร จากคนที่สง่างามทางสังคมตลอด ก้าวผิด เสียดายชื่อเสียงตระกูล
17 ก.ย 2562 เวลา 02.35 น.
seng ลองเป็นพรรคอื่นสิทั้งปรับและจำ
เสียดายเงินภาษีจังทำงานโครตสายตรงเวร
17 ก.ย 2562 เวลา 02.26 น.
@CRGcement799 กำไรไปเป็นหลายร้อยล้านบาททำไมปรับน้อยจังครับ
17 ก.ย 2562 เวลา 02.11 น.
k.sol พิชญ์ (ต้องติดคุกบ้าง ปรับอย่างเดียวน้อยไป)
17 ก.ย 2562 เวลา 02.08 น.
ดูทั้งหมด