‘มนัญญา’ ถกสหกรณ์เจ้าหนี้การบินไทย ชี้ควรลดดอกเบี้ยแทนลดหนี้ สั่งสแกนอีก 7 แห่งกันทุจริต
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการเปิดประชุมชี้แจงแนวทางในการฟื้นฟูกิจการและการปฏิบัติของเจ้าหนี้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ว่า การประชุมในครั้งนี้จะเป็นเพียงการหารือเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันเกี่ยวกับวิธีการชำระหนี้ ส่วนข้อสรุปแนวทางยังคงต้องรอความชัดเจนว่าผู้ทำแผนจะกำหนดแนวทางในการชำระหนี้ออกมาอย่างไร เบื้องต้น มองว่า หากมีแนวทางลดดอกเบี้ยทั้งเงินฝากหรือเงินกู้ทางสหกรณ์เจ้าหนี้น่าจะพอยอมรับได้ แต่หากเป็นการลดหนี้ น่าจะเป็นแนวทางที่ไม่ควรเกิดขึ้น
“ยอมรับว่าในช่วงแรกที่มีกระแสข่าวออกมา มีสมาชิกสหกรณ์แห่ถอนเงินออกอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเกิดความไม่มั่นใจ แต่ตอนนี้การฝากถอนกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว และตอนนี้ได้สั่งให้อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาตรวจสอบสหกรณ์การเกษตรรายใหญ่ ที่มีสินทรัพย์ตั้งแต่ 5,000 ล้านบาทขึ้นไป นำร่องใน 7 สหกรณ์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงเรื่องทุจริตที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบกับสมาชิกสหกรณ์ในอนาคตได้” นางสาวมนัญญากล่าว
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าสหกรณ์ที่เป็นเจ้าหนี้หุ้นกู้การบินไทยทุกแห่งยังมีความมั่นคง ซึ่งแนวทางขอรับชำระหนี้วางไว้ 3-4 แนวทาง อาทิ การรับชำระหนี้เต็มจำนวน งวดชำระเท่าเดิม หรือขยายเวลางวดชำระออกไป และการแปลงหนี้เป็นทุน เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ต้นทุนสหกรณ์ไม่หายไป ทั้งนี้ เป็นเพียงการวางแผนนำร่องในการดูแล ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจร่วมกันของกลุ่มสหกรณ์เจ้าหนี้ โดยยอดเงินการลงทุนในหุ้นกู้การบินไทยของสหกรณ์มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท
สำหรับ การตรวจสอบสหกรณ์รายใหญ่ คณะทำงานฯที่แต่งตั้งขึ้น ได้เริ่มดำเนินการแล้ว โดยขณะนี้มีสหกรณ์ทั่วประเทศอยู่ 8,000 แห่ง เป็นสหกรณ์รายใหญ่ประมาณ 150 แห่ง ย้ำว่าเป็นเพียงการตรวจสอบ คุมเข้ม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่จะก่อให้เกิดผลกระทบกับสมาชิกในอนาคต
ด้านนายเชษฐ์ชฏิล กาญจนอุดมการณ์ ผู้อำนวยการส่วนกฎหมาย รักษาการในตำแหน่ง ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีล้มละลาย กล่าวถึงสถานะปัจจุบันตามคำสั่งศาลเมื่อ วันที่ 27 พฤษภาคม 2563 คือศาลรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้กิจการสามารถดำเนินต่อไปได้ มีผลดังนี้ คือ
1.ห้ามฟ้องหรือร้องขอให้ศาลพิพากษาหรือสั่งให้เลิกนิติบุคคลที่เป็นลูกหนี้
2.ห้ามมิให้นายทะเบียนมีคำสั่งให้เลิกหรือจดทะเบียนเลิกนิติบุคคลที่เป็นลูกหนี้ และห้ามมิให้นิติบุคคลนั้นเลิกกันโดยประการอื่น
3.ห้ามธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กรมการประกันภัย หรือหน่วยงานของรัฐ ตามมาตรา 90/4(6) สั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการของลูกหนี้ หรือสั่งให้ลูกหนี้หยุดประกอบกิจการ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลที่รับคำร้องขอ
4.ห้ามฟ้องลูกหนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้หรือเสนอข้อพิพาทที่ลูกหนี้อาจต้องรับผิดหรือได้รับความเสียหายให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาด ถ้ามูลแห่งหนี้นั้นเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นขอบด้วยแผนและห้ามฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลาย เว้นแต่ศาลที่รับคำร้องขอจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
5.ห้ามเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ ถ้ามูลแห่งหนี้ตามคำพิพากษานั้นเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน ในกรณีที่ได้ดำเนินการบังคับคดีไว้ก่อนแล้ว ให้ศาลงดการบังคับคดีไว้ เว้นแต่ศาลที่รับคำร้องขอจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น หรือการบังคับคดีได้สำเร็จบริบูรณ์แล้วก่อนที่เจ้าพนักงานบังคับคดี จะทราบว่าได้มีการยื่นคำร้องขอ หรือการบังคับคดีตามคำพิพากษา ให้ลูกหนี้ส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่งเสร็จก่อนวันดังกล่าว
6.ห้ามมิให้เจ้าหนี้มีประกันบังคับชำระหนี้เอาแก่ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลที่รับคำร้องขอ หรือ เมื่อล่วงพ้นระยะเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่มีคู่สั่งรับคำร้อง ระยะเวลาดังกล่าวศาลอาจขยายได้อีกไม่เกินสองครั้ง ครั้งละไม่เกินหกเดือน
7.ห้ามเจ้าหนี้ซึ่งบังคับชำระหนี้ได้เองตามกฎหมาย ยึด หรือขายทรัพย์สินของลูกหนี้ เช่น ตามประมวลรัษฎากร พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.รบ.ประกันสังคม เป็นต้น
8.ห้ามผู้ให้เช่าซื้อ ผู้ขาย ผู้ให้เช่าติดตามเอาคืนทรัพย์สินที่เป็นสาระสำคัญในการดำเนินกิจการของลูกหนี้ หรือฟ้องร้องบังคับคดีเกี่ยวกับทรัพย์ดังกล่าว และหนี้ซึ่งเกิดจากสัญญาดังกล่าว เว้นแต่ศาลที่รับคำร้องขอ จะสั่งเป็นอย่างอื่นหรือหลังจากศาลอนุญาตให้ฟื้นฟูกิจการ แล้วมีการ ผิดนัดสองคราวติดต่อกันหรือกระทำผิดสัญญาในข้อสำคัญ
9.ห้ามมิให้ลูกหนี้ ผู้บริหารชั่วคราว ผู้ทำแผน ผู้บริหารแผนจำหน่ายจ่ายโอน ให้เช่า ชำระหนี้ ก่อหนี้ หรือกระทำการใดๆที่ก่อให้เกิดภาระในทรัพย์สินนอกจากที่จำเป็นเพื่อให้การดำเนินการคำตามปกติของลูกหนี้สามารถดำเนินต่อไป เว้นแต่ศาลที่รับคำร้องขอจะมีคำสั่ง เป็นอย่างอื่น
10.คำสั่งชั่วคราวของศาลที่ให้ยึด อายัด ห้ามจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์ของลูกหนี้ หรือคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราวซึ่งมีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งรับ คำร้องขอ ให้ศาลที่รับคำร้องขอมีอำนาจสั่งให้ระงับ หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ตามที่เห็นสมควร สั่งให้ระงับผลบังคับไว้หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นได้
11.ห้ามผู้ประกอบการสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ งดให้บริการแก่ลูกหนี้ เว้นแต่ ได้รับอนุญาตจากศาลที่รับคำร้องขอ หรือหลังจากวันที่ศาลสั่งอนุญาตให้ฟื้นฟูกิจการแล้วไม่ชำระค่าบริการที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นสองคราวติดต่อกัน แต่ผู้ประกอบการสาธารณูปโภคอาจขอให้ศาลมี คำสั่งคุ้มครองประโยชน์ได้ตามสมควร ซึ่งทั้งนี้ ในวันที่ 17 สิงหาคม 2563 ศาลได้นัดไต่สวนและพิจารณาคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ ต่อไป
อย่างไรก็ตาม นางสาวปนัดดา สินธุวิสุทธ์ รองอธิบดีกรมบังคับคดี ชี้แจงถึงการจุดประสงค์ของกฎหมายฟื้นฟูกิจการนั้น เพื่อรักษามูลค่าขององค์กรธุรกิจนั้นทั้งหมดไว้ เป็นหนึ่งเดียวแทนที่จะถูกแยกจำหน่ายเป็นส่วนๆ อีกทั้งให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้อย่างยุติธรรมเสมอภาคกัน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้หุ้น เจ้าหนี้แรงงาน เจ้าหนี้การค้า เป็นต้น และเพื่อให้ลูกหนี้ได้มีโอกาสดำเนินธุรกิจต่อไปและรักษาสภาพการจ้างงานไว้ ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับสถานะการล้มละลาย ดังนั้นในขณะนี้จึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจดังกล่าวต่อเจ้าหนี้และลูกหนี้อย่างถูกต้อง
koblove ดอกไม่เอา เอาต้นคืนทั้งหมดได้ไหม
04 มิ.ย. 2563 เวลา 08.35 น.
Cdr.Somchai ไม่เป็นไรครับชิบหายไปด้วยกัน
04 มิ.ย. 2563 เวลา 08.20 น.
สุพจน์ บริหารงานแบบนี้ไม่ควรลดทั้งต้นและดอก
04 มิ.ย. 2563 เวลา 08.15 น.
Pilot guide ฮือๆ ลุงกำนันช่วยด้วยฮือๆ เอ้าปีดดดดด
04 มิ.ย. 2563 เวลา 08.11 น.
ADUL 07 พ.จ. พอได้กำไรแมร่งแอ็ก...แจกโบนัส ..ขึ้นเงินเดือนกันมันส์ไปเลย...พอขาดทุน...เอาภาษีชาวบ้านไปโปะ...(แถมบางคนเครื่องการบินไทยยังไม่เคยได้ขึ้นไปเหยียบ...เพราะแมร่งโคตะระแพง)...ฮ่วยๆๆๆๆๆๆ
04 มิ.ย. 2563 เวลา 08.08 น.
ดูทั้งหมด