*ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา ประเด็นที่ถกเถียงกันในสังคมมากที่สุดประเด็นหนึ่ง คือ นโยบายประชานิยมที่ผู้แทนพรรคต่างๆ สัญญาไว้กับประชาชน จะทำให้ไทยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจแบบที่เวเนซุเอลากำลังประสบอยู่หรือไม่ *
เกิดอะไรขึ้นกับเวเนซุเอลา?: เวเนซุเอลากำลังเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้ออย่างรุนแรง (hyperinflation) กล่าวคือ ระดับราคาสินค้าโดยทั่วไปในระบบเศรษฐกิจพุ่งสูงขึ้นถึง 9.29 แสน% ต่อปี (ณ สิ้นปี 2561 ตามประมาณการ IMF เพราะทางการหยุดประกาศตัวเลขจริงไปตั้งแต่ปี 2559) หรือเปรียบเปรยอย่างง่ายๆ ได้ว่า ข้าว 1 จานที่เคยซื้อ 30 บาทเมื่อสิ้นปี 2560 กลับต้องซื้อจานละเกือบ 3 แสนบาทตอนสิ้นปี 2561 นำมาสู่ภาวะขาดแคลนอาหาร น้ำสะอาดและยารักษาโรค ส่งผลให้อัตราการเกิดอาชญากรรมสูงขึ้นมากและประชาชนอพยพออกนอกประเทศ
นอกจากนี้ เศรษฐกิจเวเนซุเอลายังหดตัวลงถึง 50% ในช่วงเวลาเพียง 5 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ระดับเงินสำรองระหว่างประเทศร่อยหรอลงเรื่อยๆ (เหลือประมาณ 8 ร้อยล้านดอลลาร์ สรอ. ณ สิ้นปี 2561 เทียบกับ 3 หมื่นล้าน ก่อนประธานาธิบดีมาดูโรเข้ารับตำแหน่งในปี 2556) ดูท่าแล้วมืดมน แทบไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ นี่ยังไม่นับรวมปัญหาไฟฟ้าดับเกือบทั้งประเทศที่ทำให้เวเนซุเอลาอยู่ใน “ความมืดมิด” จริงๆ
เพราะอะไรทำให้เวเนซุเอลามาถึงจุดนี้?: ภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรงของเวเนซุเอลาเกิดขึ้นจากปัญหาทางการคลังที่สะสมมาเป็นระยะเวลานาน ส่วนหนึ่งเกิดจากผลการขาดทุนของรัฐวิสาหกิจผนวกกับการดำเนินนโยบายประชานิยม (ตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีชาเวซ) โดย ณ สิ้นปี 2561 มีสัดส่วนหนี้สาธารณะ (ตามข้อมูล IMF ประมาณ 159% ต่อ GDP) และสัดส่วนหนี้ต่างประเทศที่อยู่ในระดับสูงมาก (นักวิเคราะห์หลายสำนักคาดการณ์ว่าอยู่ประมาณ 150% ต่อ GDP)
ขณะที่รายได้รัฐบาลจากการขายสินค้าหลักของประเทศคือ “น้ำมัน” ลดลงมากในช่วงที่ผ่านมา ตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ทำให้ระดับเงินสำรองระหว่างประเทศลดฮวบ นำมาสู่ปัญหาที่รัฐบาลไม่สามารถจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ยได้ เพราะต้องชำระคืนหนี้เป็นเงินตราต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม แทนที่รัฐบาลเวเนซุเอลาจะแก้ปัญหาโดยการรัดเข็มขัดทางการคลัง กลับสั่งการให้ธนาคารกลางเวเนซุเอลาพิมพ์เงินออกมาเพื่อแลกเป็นเงินตราต่างประเทศไปใช้คืนหนี้ และทำอย่างต่อเนื่องเรื่อยๆ ทำให้ปริมาณเงินในระบบสูงขึ้น โดยไม่มีสินทรัพย์หนุนหลัง ขณะที่ไม่มีใครต้องการถือเงินโบลิวาร์ ส่งผลให้เงินสกุลนี้แทบไม่มีค่าในที่สุด
แล้วไทยจะเป็นเหมือนเวเนซุเอลาหรือไม่?: น่าจะเป็นไปได้ยาก ด้วยเหตุผลสำคัญคือ
1. ฐานะทางการเงินการคลังของรัฐบาลไทยมีเสถียรภาพ สะท้อนจากสัดส่วนหนี้สาธารณะประมาณ 42% ต่อ GDP ต่ำกว่าเกณฑ์สากลที่ 60% นอกจากนี้ มองไปข้างหน้า พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ฉบับใหม่ยังจะช่วยเป็นเกราะป้องกันให้รัฐบาลชุดใดก็ตามที่เข้ามาบริหารประเทศต้องมีวินัยในการจัดหารายได้ จัดทำงบประมาณ และบริหารหนี้สาธารณะอย่างรอบคอบและคุ้มค่า
2. เสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยมั่นคงมาก สะท้อนจากเงินสำรองระหว่างประเทศของไทยที่อยู่ในระดับสูงเป็นอันดับ 8 ของโลก ซึ่งทำหน้าที่เป็นกันชนอย่างดีหากมีเหตุที่ทำให้เงินทุนไหลออกในปริมาณมากอย่างฉับพลัน ขณะที่การพึ่งพาเงินกู้ต่างประเทศต่ำมากเมื่อเทียบกับค่ากลางของประเทศตลาดเกิดใหม่ด้วยกัน (ณ สิ้นปี 2561 อยู่ที่ 35.3% ต่อ GDP เทียบกับค่ากลางที่ 37.8%) รวมทั้งไทยเกินดุลบัญชีสะพัดอย่างต่อเนื่อง การส่งออกกระจายตัวในประเภทสินค้าและประเทศปลายทางที่หลากหลาย แถมยังมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น (ต่างจากเวเนซุเอลาที่พึ่งพารายได้เงินตราต่างประเทศจากการส่งออกน้ำมันเป็นหลัก) ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคของไทยในช่วงที่ผ่านมาที่มุ่งรักษาเสถียรภาพด้านต่างประเทศ หลังจากเกิดบทเรียนราคาแพงในปี 2540
3. การจัดพิมพ์และออกใช้ธนบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีทุนสำรองเงินตราหนุนหลังตามกฎหมาย กล่าวคือ ปัญหาเงินเฟ้อของเวเนซุเอลาขยายผลร้ายแรงมาถึงวันนี้ เพราะธนาคารกลางเวเนซุเอลายังคงต้องพิมพ์เงินเพิ่มตามคำสั่งรัฐบาล และสูญเสียความอิสระในการดำเนินนโยบาย แต่ในทางกลับกัน ธปท. ซึ่งดำรงความเป็นอิสระและดำเนินตามพันธกิจสำคัญคือ “การรักษาเสถียรภาพของเงินตรา” ย่อมปฏิบัติตาม พ.ร.บ. เงินตรา พ.ศ. 2501 ที่กำหนดให้การจัดพิมพ์และออกใช้ธนบัตรต้องมีทุนสำรองเงินตรา (เช่น ทองคำและเงินตราต่างประเทศ) หนุนหลัง
เมื่อไทยแตกต่างจากเวเนซุเอลา งั้นนโยบายประชานิยมก็ทำได้เรื่อยๆ อย่างนั้นหรือ?: นโยบายประชานิยมที่ดีนั้น ควรอยู่ภายใต้หลักของการรักษาวินัยทางการเงินการคลังที่รัดกุม และต้องสร้างประโยชน์ในระยะยาว เช่น การส่งเสริมโอกาสให้เกิดความเท่าเทียมในระบบเศรษฐกิจ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ได้จำกัดอยู่ที่โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ แต่ยกระดับโครงสร้างอื่นๆ ด้วย อาทิ การศึกษา สังคม และสาธารณสุข อันจะช่วยป้องกันไม่ให้ประเทศไทยต้องประสบปัญหาทางการคลังเหมือนเวเนซุเอลา
การที่สังคมถกเถียงถึงข้อดีข้อเสียของนโยบายประชานิยมที่พรรคต่างๆ กล่าวถึงตอนหาเสียง เป็นสิ่งที่ดี เพราะจะทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ๆ และเกิดความเข้าใจในความเห็นของกันและกัน อย่างไรก็ตาม การถกเถียงนั้นควรอยู่บนหลักของเหตุผล ตรรกะ และข้อมูลจริง เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับสังคม
นายสุพริศร์ สุวรรณิก ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ไทยจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเหมือนเวเนซุเอลาหรือไม่?
Fon ไม่เหมือนกันค่ะ
_รัฐบาลหารายได้เก่ง รีดภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่อย. ภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยเราแพงมาก
_เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ
_ตอนนี้การกู้เงินกู้จากสถาบันการเงินกับออกพันธบัตรรัฐเป็นส่วนใหญ่
_ธุรกิจรัฐที่ถืออยู่รายได้สูงโครตกำไล
_รัฐมีระเบียบวินัยการเงินการคลัง จะเห็นได้จากมีรายจ่าย เขาก็หารายได้มาเพิ่ม. คือ ภาษี
ตอนนี้ ภาษีซื้อขายของออนไลน์ก็จะเริ่มเก็บ
ไม่มีทางเหมือน เพราะต่างกันมากการบริหารงาน
23 เม.ย. 2562 เวลา 07.08 น.
แพท (ปริญ) เริ่มจะเป็นแล้ว เพราะรัฐบาลแจกเงินอย่างเดียว ประชาชนจนๆๆ ทำงานไม่เป็นรอเงินจากรัฐ
23 เม.ย. 2562 เวลา 02.20 น.
Dared อาจเป็นได้ ไทยอาจเกิดวิกฤติเหมือนเวเนซูเอล่าได้ หากคิดจะใช้นโยบายประชานิยมอย่างที่พรรคการเมืองขนาดใหญ่ประกาศไว้ต่างๆนานาตอนหาเสียง นโยบายเหล่านั้นคือประตูสู่ความหายนะของประเทศแท้ๆ
22 เม.ย. 2562 เวลา 07.36 น.
@Bird@ อ้าว น้ำมันตลาดโลกราคาลดลง
แล้วทำไมของไทย...
22 เม.ย. 2562 เวลา 07.35 น.
ดูทั้งหมด