ไลฟ์สไตล์

วิธีไม่ต้องตายแบบคนน่าสงสาร - ดังตฤณ

THINK TODAY
เผยแพร่ 02 ก.พ. 2562 เวลา 23.00 น. • ดังตฤณ

ใช้ชีวิตมาอย่างไร ก็เท่ากับเตรียมตัวตายไปอย่างนั้น

นั่นแปลว่า แค่ไม่สงสารตัวเอง ก็ไม่ตายแบบคนน่าสงสารแล้ว!

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

แค่เลิกนิสัยขี้สงสารตัวเองได้ คุณก็นอนตายอย่างสง่างามให้คนเห็นได้แล้ว!

คุณอาจไม่เคยสังเกต แต่ขอให้ลองเจาะใจตัวเองสักครั้ง จนเห็นภาพในใจขณะกำลังสงสารตัวเองดู แล้วจะพบว่า ในอารมณ์สงสารตัวเอง มีนิมิตของคนใกล้จะตายอย่างน่าสงสาร หรือกระทั่งน่าสมเพชแฝงอยู่

ความสงสารตัวเอง ทำให้รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกโลกทั้งใบทิ้งไว้ให้โดดเดี่ยว หรือกระทั่งเฉียดกันมากกับความรู้สึกว่ากำลังจะตายตามลำพังอย่างน่าอเนจอนาถ ยิ่งสงสารตัวเองบ่อยขึ้นเท่าไร ภาพในใจประมาณนี้ยิ่งชัดขึ้นเท่านั้น

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ทำไมถึงเกิดเรื่องพิสดารทางจิตขนาดนั้นไปได้?

ศึกษาเอาจากสิ่งที่มีจริงในตัวเองนี่แหละครับ อ่านให้ออก ใจคนมีได้สองโหมด โหมดแรก คือ ‘มีชีวิตชีวา’ ส่วนโหมดหลัง คือ ‘ไม่มีชีวิตจิตใจ’

โหมดมีชีวิตชีวา ชวนให้คุณรู้สึกถึงการมีชีวิตไปอีกนาน ไม่ว่าตัวเลขอายุจะมากน้อยเพียงใด ส่วนโหมดไม่มีชีวิตจิตใจ จะชวนให้คุณรู้สึกถึงการใกล้จะเหลือแต่วิญญาณเร่ร่อนเข้าไปทุกที แม้อายุยังน้อยก็ตาม

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

จิตใจที่สดชื่นตื่นเต็มนั้น มักเกิดจากการกระตือรือร้นกับเป้าหมายที่อยากได้ ยิ่งกระตือรือร้นนานขึ้นเท่าไร ยิ่งช่วยให้รู้สึกถึงความมีชีวิตมากขึ้นเท่านั้น

ส่วนจิตใจที่หดหู่กะพร่องกะแพร่ง มักเกิดจากการจมอยู่กับความรู้สึกคับแคบภายใน ยิ่งซึมเซาเศร้าใจขึ้นเท่าไร ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองน่าสงสารมากขึ้นเท่านั้น จะมีเรื่องน่าสงสารรองรับอยู่จริงๆ หรือมโนเอาล้วนๆว่าตัวเองน่าสงสารที่สุดในโลกก็ตาม มันตกแต่งใจให้เห็นว่าชีวิตตัวเองเหลือน้อยได้หมด

เพื่อในที่สุดชาตินี้จะไม่ต้องตายแบบคนน่าสงสาร เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกสงสารตัวเอง ให้เห็นภาพตัวเองตายอย่างน่าสงสาร ซึ่งมันปรากฏรำไรของมันเองอยู่แล้ว ณ ขณะนั้น

ถามตัวเองว่า การตายด้วยภาพง่อยๆ การตายด้วยสภาพจิตที่บุบบิบบู้บี้เช่นนั้น มันน่าเอาจริงๆหรือ? หรือว่าคุณยังพอทำอะไรให้มันดีขึ้นได้บ้าง

นี่คือการเอาความตายมาเป็นเครื่องเตือนสติ ใช้สภาพจิตที่เหมือนคนใกล้ตายให้เป็นประโยชน์ โดยแปรมันให้กลายเป็น ‘มรณสติ’ ขึ้นมาแทน

เมื่อเกิดสติ จิตจะฉลาดขึ้น มีปัญญารู้คิดรู้อ่านมากขึ้น เห็นว่าเราทำอะไรได้ดีกว่าปล่อยให้ตัวเองตายไปอย่างน่าสงสาร

สำหรับบางคน อาจหมายถึงการเห็นตัวเองฝึกร้องเพลงจริงจัง เอาชนะความหดหู่ด้วยแก้วเสียงที่สดใส

สำหรับบางคน อาจหมายถึงการเห็นตัวเองออกวิ่ง วิ่ง และวิ่ง ให้ใบหน้าสู้ทาง สู้ฟ้า ราวกับไม่มีจุดสุดท้ายให้หยุดก้มหน้าเศร้าได้อีก

สำหรับบางคน อาจหมายถึงการเห็นตัวเองยังคงนั่งอยู่กับที่ ไม่ต้องลุกไปไหน แค่สังเกตว่ากี่ลมหายใจ ภาพตัวเองตายอย่างน่าสงสารถึงจะหายไป อีกทั้งสังเกตต่อว่า กี่ลมหายใจต่อมา ภาพตัวเองตายอย่างน่าสงสารจึงกลับมาปรากฏอีก ทั้งที่ไม่ได้เชื้อเชิญ ไม่ได้อยากให้กลับมาแม้แต่น้อย

พอพบว่า ภาพการตายอย่างน่าสงสาร เป็นเพียงอาการป่วยไปของจิต ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เดี๋ยวหาย เดี๋ยวป่วยอีก ความป่วยไม่ใช่สภาพจิตที่ถาวรของคุณ คุณจะมีแก่ใจ หายใจแบบคนมีชีวิต คือ หายใจยาวขึ้น ช้าลงกว่าเดิม และนิ่มนวลเป็นสุขกว่าแต่ก่อน

หายใจยาว ผ่อนคลาย สบายกว่าเดิม นั่นแหละ! จุดเริ่มต้นของการมีชีวิตชีวา! จุดสิ้นสุดของการตายอย่างน่าสงสาร!

ความเห็น 9
  • ผมว่าอย่าไปคิดอะไรให้มากจนเกินไปจะดีกว่าครับ เพราะว่าทุกอย่างนั้นก็ย่อมที่จะต้องเป็นไปตามสัจจะธรรมของชีวิตอยู่แล้ว เอาเพียงแค่ว่าในวันนี้เราก็ควรที่จะดำเินชีวิตให้ดีและถูกต้องเข้าไว้แค่นั้นก็พอจะดีกว่าครับ.
    03 ก.พ. 2562 เวลา 12.25 น.
  • ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ
    03 ก.พ. 2562 เวลา 13.41 น.
  • ถ้าคนที่เป็นโรคซึมเศร้า เค้าคิดได้ดั่งบทความที่เขียนก็ดีนะคะ สภาพจิตใจของผู้ป่วยจะได้ดีขึ้น บุคลรอบข้างจะได้ไม่ทุกข์ใจและเศร้าหมอง กับสิ่งที่ตามมาของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า..ขอบคุณบทความดีๆนะคะ
    05 ก.พ. 2562 เวลา 12.16 น.
  • ปล่อยวาง
    19 มี.ค. 2562 เวลา 12.02 น.
  • ausa289
    อย่าคิดมากดีที่สุด
    21 มี.ค. 2562 เวลา 10.37 น.
ดูทั้งหมด