สุขภาพ

โรคไทรอยด์เป็นพิษ หยุดกินยาแล้วทำไมกลับมาเป็นอีก?

MThai.com - Health
เผยแพร่ 17 ต.ค. 2561 เวลา 01.00 น.
โรคไทรอยด์เป็นพิษ เมื่อได้รับยามาทาน บางครั้งอาการก็ดีขึ้น แต่พอหยุดยาแล้วก็กลับมาเป็นอีก ทำให้หลายคนคงสงสัยว่า ตกลงมันรักษาไม่หายหรือ มาหาคำตอบกันค่ะ

สำหรับคนที่แพทย์วินิจฉัยว่าเป็น โรคไทรอยด์เป็นพิษ เมื่อได้รับยามาทาน บางครั้งอาการก็ดีขึ้น แต่พอหยุดยาแล้วก็กลับมาเป็นอีก ทำให้หลายคนคงสงสัยว่า ตกลงมันรักษาไม่หายหรอ หรือว่ามีโรคแทรกซ้อนเพิ่มขึ้นมาอีก เราลองมาหาคำตอบกันค่ะ

ไทรอยด์เป็นพิษ เป็นอย่างไร?

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ไทรอยด์เป็นพิษ เป็นภาวะ หรือโรคที่เกิดจากการทำงานของต่อมไทรอยด์ผิดปกติ มีการทำงานมากเกินไป เกิดการสร้างฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์มากผิดปกติ ทำให้การทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายผิดปกติตามไปด้วย อาการที่พบคือ ใจสั่น หงุดหงิด ขี้ร้อน เหงื่อออกง่าย กินจุแต่น้ำหนักไม่เพิ่มหรือกลับผมลง บางคนมีผิวค่อนข้างชื้น บางคนมีอาการท้องเสีย ส่วนบางคนก็ตาโปนออก ฯลฯ

รู้ได้อย่างไรว่าไทรอยด์เป็นพิษ?

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

หากมีอาการดังกล่าวข้างต้น แพทย์จะตรวจเลือด เมื่อพบว่าการทำงานของต่อมไทรอยด์มากผิดปกติ ก็สามารถวินิจฉัยโรคได้

วิธีรักษาไทรอยด์เป็นพิษ

การรักษาหลักของไทรอยด์เป็นพิษ คือ การกินยา ยาที่ใช้รักษา จะเป็นยาที่มีฤทธิ์ต่อต้านการทำงานของฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ซึ่งยับยั้งทั้งการสร้างฮอร์โมนขึ้นมาใหม่ และยับยังการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนที่มีอยู่แล้ว เมื่อรับประทานยาที่ได้ขนาดพอเหมาะ อาการมักจะดีขึ้นในเวลาไม่กี่วัน ในระยะแรกแพทย์อาจจะให้ยาที่ลดอาการใจสั่นร่วมด้วย แต่เมื่อระดับของฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์อยู่ในเกณฑ์ปกติแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องให้ยาลดอาการใจสั่น กินแต่ยาต้านฤทธิ์ฮอร์โมนไทรอยด์ เพียงอย่างเดียวก็พอ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เนื่องจากโรคของไทรอยด์เป็นพิษ ส่วนใหญ่จะเกิดจากปฏิกริยาของร่างกายต่อต่อมไทรอยด์ของเราเอง ทำให้เกิดการกระตุ้นให้ไทรอยด์ทำงานผิดปกติ จนเกิดเป็นพิษขึ้น ปฏิกริยานี้จะต้องใช้เวลาในการหาย คือ จะไม่หายในทันที แต่จะลดความรุนแรงลงเรื่อยๆ โดยเฉลี่ยใช้เวลาประมาณ 2 ปี ดังนั้นเมื่อกินยารักษาไทรอยด์เป็นพิษจนรู้สึกสบายตัว ไม่เหนื่อย ไม่ใจสั่น น้ำหนักตัวเริ่มขึ้น ก็ไม่ควรหยุดยาทันที เพราะโรคยังเป็นอยู่ แต่ถูกกดไม่ให้มีอาการด้วยยาที่รับประทาน แพทย์จะเป็นผู้ตรวจเลือดให้เพื่อดูว่าอาการของโรคดีขึ้นมากน้อยเพียงใด เมื่ออาการดีขึ้น แพทย์จะค่อยๆ ลดยาลง จนสามารถหยุดยาได้ในที่สุด

ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคนี้ หากหยุดยาเอง จะมีอาการกลับมาเป็นใหม่ เพราะโรคยังอยู่ เมื่อไม่มียาควบคุมจึงมีอาการกลับมาเป็นซ้ำ การปฏิบัติที่ถูกต้องสำหรับคนเป็นโรคนี้ คือ ไม่ควรหยุดยาเอง กินยาให้สม่ำเสมอ ไปตรวจตามแพทย์นัด หากลืมยา หรือทำยาหาย ควรไปพบแพทย์เพื่อซื้อยาใหม่ ไม่ควรหยุดยาเพราะจะทำให้เกิดอาการและการควบคุมโรคยากขึ้น

ทำไมบางครั้งกินยาแล้ว คอกลับโตขึ้น?

ในผู้ป่วยบางรายเมื่อกินยาแล้ว คอกลับโตขึ้น อาจมีสาเหตุได้ 2 กลุ่มคือ ยาไม่พอ ทำให้โรคยังกำเริบอยู่ คอจึงโตขึ้น ในผู้ป่วยกลุ่มนี้ จะมีอาการคล้ายกับตอนเริ่มต้น แต่ในผู้ป่วยอีกกลุ่มเกิดจากการกินยาเกินขนาด คือ โรคเริ่มดีขึ้น แต่ยังกินยาเท่าเดิมอยู่ จึงเกิดคอพอกชนิดไม่เป็นพิษร่วมด้วย คอก็โตขึ้นได้เช่นกัน ข้อแนะนำคือ หากกินยาแล้วคอกลับโตขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแล ไม่ควรเปลี่ยนแพทย์บ่อยๆ เพราะการรักษาจะไม่ต่อเนื่อง

หากกินยาไม่หาย จะทำอย่างไรดี?

หากกินยาแล้วไม่ดีขึ้น อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด หรือการกินไอโอดีนกัมมันตรังสี ระยะเวลาเฉลี่ยในการรักษาด้วยยา มักจะประมาณ 2 ปี ในระหว่างนี้หากลดยาไม่ได้ หรือมีอาการมากขึ้น แนะนำให้ทำการรักษาด้วยวิธีผ่าตัด หรือกลืนรังสี

คลิป > ซันนี่ ป่วยไทรอยด์เป็นพิษหมดเงินรักษา ปัด! สร้างกระแสเรียกดราม่า

https://seeme.me/ch/gossipstar/qVL2v9

ที่มา : รศ.นพ.อดุลย์ รัตนวิจิตราศิลป์ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 2
  • สุรินทร์ 46
    ผมกลืนรังษี ไม่ดีขึ้น เลยตัดสินใจผ่าตัด ปรากฎว่าหมอที่ผ่าตัดวิเคราะห์ไม่ดีตัดออกมากเกินไปอีก ทำให้หลังผ่าตัดต้องกินยาตลอดชีวิต เพราะฮอร์โมนไทรอยในร่างกายมีน้อยเกินไป ส่วนอาการตาโปนก้อไม่ยุบ เวลานอนหลับทำให้เปลือกตาปิดไม่สนิท ดังนั้นก่อนที่จะผ่าตัดควรให้เหมอวิเคราะห์ใหดีก่อนที่จะผ่าตัด
    18 ต.ค. 2561 เวลา 01.05 น.
  • BENJA❤️🐱
    กลืนรังสีก็ไม่ทำให้หายขาดได้ทุกราย​ ถ้าพลาด​ได้รับมากเกินไป​ ก็ต้องกินยาชดเชยฮอร์โมนตลอดชีวิต​ เจอกะตัวมาแล้วค่ะ​
    17 ต.ค. 2561 เวลา 17.15 น.
ดูทั้งหมด