Jeffrey Dahmer
ฉายา the Milwaukee Monster
จำนวนเหยื่อ ยอมรับว่าฆ่าเด็กวัยรุ่นและผู้ชายรวมกัน 17 คน
เขาคือหนุ่มผมบลอนด์ที่อาจจะทำให้คุณนึกถึง Paul Walker ตอนเริ่มดัง เมื่อได้เห็นสายตาเย็นชาว่างเปล่าและมุมฝีปากที่เหยียดขึ้นราวกับจะเย้ยหยันโลกแห่งความจริงก็คงทำให้คุณระแวงขึ้นมาบ้าง แต่ถ้าไม่รู้มาก่อน หลายคนคงไม่คาดคิดว่านี่คือโฉมหน้าฆาตกรต่อเนื่องที่สังหารเหยื่อด้วยวิธีหฤโหด ทั้งแยกชิ้นส่วน ต้มเพื่อเลาะเอาแต่กระดูกมาเป็นที่ระลึก พื้นที่ในตู้เย็นของเขาเต็มไปด้วยส่วนศีรษะและหัวใจของเหยื่อที่ตั้งใจจะนำมากินในภายหลัง
* เราขอเตือนว่า ถ้าคุณไม่ใช่คนจิตแข็ง อย่าริไป search ภาพหลักฐานในที่เกิดเหตุของฆาตกรรายนี้จะดีกว่า มันอาจจะเป็นภาพติดตาฝังใจจนฝันร้ายก็เป็นได้!!!
วิธีการล่าเหยื่อนั้นมีแพทเทิร์นคล้ายคลึงกัน เขามองหาผู้ชายขายตัวหรือเด็กชายเพื่อลวงให้ไปมีความสัมพันธ์ทางเพศที่ห้อง จากนั้นวางยาและจัดการด้วยวิธีต่างๆ ราวกับมันเป็นเกม เขาอาจจะรัดคอหรือฉีดน้ำเดือดเข้าไปในกะโหลก เขาเคยบอกเล่าวิธีการจัดการกับเหยื่อเคราะห์ร้ายรายหนึ่งที่ฟังแล้วขนหัวลุก
"ผมต้องแยกข้อกระดูกออกจากกัน แขนขา แบ่งการต้มออกเป็นสองครั้ง ผมใส่ผง Soilex สี่กล่องลงไปในหม้อแล้วก็ต้มร่างส่วนบน 2 ชั่วโมง ท่อนล่างอีก 2 ชั่วโมง ผงจะช่วยละลายเนื้อให้กลายเป็นเหมือนกับเจลลี่ แค่ล้างออกก็ใช้ได้แล้ว แล้วผมก็จุ่มกระดูกลงในน้ำยาฟอกผ้าขาวทิ้งไว้ 1 วัน เอาออกมาวางในห้องนอนบนกระดาษหนังสือพิมพ์หรือผ้าให้แห้งสักหนึ่งสัปดาห์ครับ"
เขาถูกจับได้หลังจากที่ลวงให้เหยื่อตามไปที่ห้องด้วยข้อเสนอล่อใจว่าจะให้เงินหากยอมถ่ายภาพนู้ด แต่ไม่สามารถล็อคตัวได้สำเร็จ เหยื่อหนีรอดออกไปได้และย้อนกลับมาพร้อมกับตำรวจ เมื่อตรวจค้นในห้องก็ต้องผงะกับสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่
ชายหนุ่มหน้าตาดีคนนี้ได้เก็บชิ้นส่วนมนุษย์ไว้ราวกับว่ากำลังจัดนิทรรศการให้ความรู้ ศีรษะ หัวใจ เครื่องใน โครงกระดูกครบทุกท่อน ลำตัว มือ อวัยวะเพศ บางส่วนถูกดอง บางส่วนกำลังรอการทำลายในถังกรด รวมไปถึงภาพโพลารอยด์ของชิ้นส่วนเหล่านั้น
เจ้าตัวยอมรับหมดเปลือกว่า รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด และสิ่งที่เขาทำลงไปนั้นมีโทษสมควรตาย แต่ก็ไม่กลัวตายแต่อย่างใด เขาจำไม่ได้แล้วว่ามีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนคนอื่นนั้นเป็นอย่างไร
"ความปรารถนาของผมคือการสำรวจร่างกายของพวกเค้า ผมมองพวกเขาเป็นสิ่งของ เป็นของแปลกใหม่ ตัวผมเองก็ยังแทบไม่เชื่อว่าจะมีมนุษย์หน้าไหนทำอะไรแบบนี้ได้"
"ถ้าทุกอย่างเกิดขึ้นจากธรรมชาติ เราจะต้องการพระเจ้าไปทำไม ผมจะสร้างกฎเกณฑ์ขึ้นมาเองไม่ได้รึไง ไม่มีใครเป็นเจ้าของผมสักหน่อย ผมนี่แหละเป็นเจ้าของตัวเอง"
"ผมปล่อยให้ตัวเองทำลงไปอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่รู้จะอธิบายยังดี พอทำลงไปแล้วมันก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกดีได้เต็มที่ ผมคงจะคิดว่า ขออีกหนึ่งครั้ง คราวนี้อาจจะพอใจขึ้นมาได้บ้าง ไปๆ มาๆ เหยื่อก็เพิ่มมากขึ้นแล้วก็หยุดไม่อยู่อย่างที่คุณได้เห็นนี่แหละครับ"
ชีวิตในวัยเด็ก Jeffrey Dahmer เต็มไปด้วยความเงียบเหงาเพราะพ่อแม่ไม่มีเวลาให้มากนัก เขาเริ่มดื่มเหล้าตั้งแต่มัธยมต้น ถึงขนาดว่าพกเอาเหล้าชนิดต่างๆ ไปดื่มที่โรงเรียน คนรอบข้างเห็นตรงกันว่าเขามีความเฉลียวฉลาดมาก แต่เพราะไร้ความสนใจในการเรียนจึงทำเกรดได้เพียงในระดับที่พอจะผ่านได้เท่านั้น เมื่อโตเป็นหนุ่มก็ค้นพบว่าตัวเองมีรสนิยมชอบเพศเดียวกันและเริ่มสร้างจินตนาการการร่วมเพศที่รุนแรง เขาวางแผนจู่โจมนักวิ่งจ็อกกิ้งรายหนึ่งเพื่อทำร้ายให้สลบแล้วข่มขืน แต่โชคดีของชายคนนั้นที่ไม่ได้วิ่งผ่านไปจุดที่ Jeffrey ดักรอ เขาไม่ได้คอยติดตามเพื่อทำตามแผนการให้สำเร็จ แต่หลังจากที่พ่อแม่หย่าขาดจากกันตอนอายุได้ 18 ปี เขาก็ได้ลงมือฆ่าเป็นครั้งแรก Jeffrey พานักโบกรถกลับมาที่บ้านแล้วรัดคอจนตาย ร่างไร้ลมหายใจของเหยื่อเป็นแรงกระตุ้นความเบี่ยงเบนทางเพศ เขาสำเร็จความใคร่ใส่ศพ หลังจากนั้นจึงชำแหละแล้วใช้กรดทำลายศพ บดกระดูกในนำไปฝังในที่ต่างๆ
อาการติดเหล้าของ Jeffrey ไม่ทุเลาลงและทำให้ล้มเหลวในการเรียนมหาวิทยาลัย พ่อของเขาจึงหว่านล้อมให้เข้ากองทัพรับใช้ชาติแทน แต่ในช่วงเวลาประจำการ Jeffrey ได้ข่มขืนเพื่อนทหาร 2 นาย เขายังดื่มเหล้าหนักจนถูกปลด จากนั้นเป็นต้นมาก็เริ่มล่วงละเมิดเด็กชายและเปิดเผยขอลับต่อหน้าคนอื่นจนถูกขึ้นทะเบียนเป็นผู้กระทำความผิดทางเพศ แต่ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าเขาเริ่มฆ่าเหยื่อตามมาอีกหลายคน ความหฤหรรษ์ไม่ได้อยู่ที่การวางยาเหยื่อ ข่มขืนแล้วก็รัดคอเท่านั้น การสะสมชิ้นส่วนศพกลายเป็นสิ่งที่สร้างความพึงพอใจให้กับฆาตกรเลือดเย็น และคงไม่หยุดฆ่าหากไม่ถูกจับได้ซะก่อน
โทษทัณฑ์ของการสังหารเหยื่อ 17 รายอย่างเหี้ยมโหดคือการจำคุกตลอดชีวิต
เขามักบอกครอบครัวและตำรวจว่า พร้อมที่จะตายมานานแล้ว และไม่สนว่าจะมีใครต้องการเอาชีวิต หลังจากเข้าคุกได้เพียง 2 ปี ความปรารถนาของ Jeffery ก็กลายเป็นจริงเมื่อนักโทษที่เกลียดชังเขาได้ทุบตีจนอาการสาหัสและตายในโรงพยาบาลในอีก 1 ชั่วโมง
ก่อนหน้าที่จะถูกทำร้าย Jeffrey ถูกนักโทษคนอื่นพยายามฆ่าแต่ก็รอดมาได้ ผู้ลงมือฆ่าได้ระบุว่า Jeffrey ไม่พยายามส่งเสียงหรือขอความช่วยเหลือตอนถูกทุบ
"มันเหมือนกับว่าผมกำลังถูกฉีกทึ้งเป็นส่วนๆ ผมไม่ได้พูดเกินจริงมากไปหรอกนะ และผมก็สมควรจะเจอแบบนี้แล้ว นี่คืดการพูดคุยกับคนที่เจ็บป่วยอย่างหนักและกำลังเผชิญหน้ากับความตาย ถ้าให้เลือกผมก็คงเลือกความตายมากกว่าสิ่งที่ต้องเจออยู่ตอนนี้ ผมรู้สึกราวกับว่าข้างในตัวผมกำลังจะระเบิดออกมา รู้มั้ย ผมแค่อยากจะไปไหนสักแห่งและก็หายตัวไปเลย"
Charles Sobhrat
ฉายา The Bikini Killer
จำนวนเหยื่อ 12ศพ
อาชญากรรชายฝรั่งเศสเชื้อชาติเอเชียคนนี้ได้เดินทางไปยังประเทศต่างๆ ในเอเชียและสังหารคนขาวนับสิบ ประเทศไทยคือหนึ่งในโลเคชั่นของฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ เชื่อกันว่ามีเหยื่อสังเวยความโหดเหี้ยมถึง 20 ราย แต่เพื่อจะได้รับโทษน้อยที่สุด เขายอมรับว่าได้ฆ่านักท่องเที่ยวที่ประเทศไทย 5 คน และยังมีเหยื่อคนอื่นกระจัดกระจายตามประเทศต่างๆ ในเอเชีย
นี่คืออาชญากรที่ใช้ชีวิตบนการหลอกลวง มีประวัติ 18 มงกุฎยาวเป็นหางว่าว ทั้งขโมย จี้ ปล้น แหกคุก เดินทางเข้าออกหลายประเทศด้วยพาสปอร์ตปลอมแล้วก็หันมาใช้เสน่ห์ภายใต้หน้ากากนักธุรกิจหนุ่มฝรั่งเศสหลอกล่อผู้หญิงให้ติดตามช่วยเหลือเป็นนกต่อเพื่อฆ่านักท่องเที่ยวชิงทรัพย์สินมาถลุง
เป้าหมายของ The Bikini Killer คือนักท่องเที่ยวฮิปปี้ที่แบกเป้มาเที่ยวเอเชีย เขาจะตีสนิทด้วยอัธยาศัยและรูปลักษณ์ที่ดึงดูดใจแล้ววางยาจนหมดสติแล้วฆ่าด้วยวิธีต่างๆ ก่อนที่จะขโมยทรัพย์สินและพาสปอร์ตไม่ให้ตำรวจระบุตัวตนเหยื่อได้ เหยื่อคนแรกในประเทศไทยคือสาวอเมริกันที่มีความสนใจในพุทธศาสนาอย่างลึกล้ำ เธอเงียบหายไปนานจนครอบครัวต้องขอความช่วยเหลือผ่านทางการให้ช่วยเหลือค้นหา
ก่อนจะพบว่าเธอเป็นศพไร้ญาติมายาวนานหลายเดือน ร่างไร้วิญญาณในชุดว่ายน้ำของเธอถูกพบที่หาดน้ำตื้นที่พัทยา ผลการชันสูตรยังชี้สาเหตุการเสียชีวิตว่ามาจากการฆาตกรรมไม่ใช่การเล่นยาจนจมน้ำตายอย่างที่ตำรวจเข้าใจในตอนต้น
จากนั้นก็เริ่มมีหลายศพตามมา เหยื่อถูกกดน้ำ รัดคอ และสยดสยองที่สุดคือเผาทั้งเป็น! คู่รักชาวดัชท์คู่นี้พบกับ The Bikini Killer ที่ฮ่องกง เขาใช้ตัวตนปลอมหลอกลวงให้พวกเขาตายใจและเชิญชวนให้มาพักด้วยที่เมืองไทย ก่อนที่จะเป็นศพถูกรัดคอและเผาทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่
เรากำลังพูดอาชญากรที่เฉลียวฉลาดขนาดที่หลบหนีการจับกุมของตำรวจในหลายประเทศ เขาพูดได้หลายภาษา ปลอมตัวแนบเนียนราวกับกิ้งก่าเปลี่ยนสี เขาใช้เงินจากการปล้นฆ่าติดสินบนเจ้าหน้าที่ เขาเคยให้สัมภาษณ์ Richard Neville นักเขียนหนังสืออัตชีวประวัติว่าเคยเสนอเงินจำนวน 15,000 ดอลลาร์ให้กับตำรวจไทยแล้วหนีรอดการจับกุมมาได้ (เมื่อ 40 กว่าปีก่อนถือว่าเป็นเงินที่สูงมากทีเดียว) ฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ให้ข้อมูลกับนักเขียนมากกว่าให้การกับเจ้าหน้าที่ เพราะเทปสัมภาษณ์นี้ไม่ได้นำมาเป็นหลักฐานเพื่อเอาผิดในชั้นศาล นักเขียนชื่อดังได้เล่าว่าในช่วงเวลา 3 เดือนที่เขาเข้าหา Charles ก็ได้พบว่ามหาวายร้ายรายนี้สามารถยุยงคนในคุกแตกคอกันเองได้ง่ายอย่างง่ายดาย ถึงขนาดว่าพยายามทำให้เขาทะเลาะกับคู่หูนักเขียนร่วมที่มาด้วยกัน "ยิ่งเขาสารภาพและโอ้อวดเรื่องการฆาตกรรมมากเท่าไร มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกดูดให้จมต่ำลงไปเรื่อยๆ" Richard ยอมรับ
"จากการที่ได้สัมภาษณ์ Charles คุณจะได้พบกับความรู้สึกที่ซับซ้อน แน่นอนว่าเขาคือชายร้ายกาจที่ยอมรับว่าทั้งฆ่าและทรมานเหยื่อหลายคน และเขาก็ยังเกิดมาในสภาพแวดล้อมที่ไร้ความปรองดองและหาความยุติธรรมได้ยาก"
แม้ The Bikini KIller จะบอกเล่ารายละเอียดฆาตกรรมให้กับนักเขียนทั้งสอง แต่เขาก็ได้เตือนไว้ว่า "ถ้าหากผมถูกจับส่งตัวไปขึ้นศาลที่เมืองไทย ผมจะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา"
หลังจากออกจากประเทศไทยได้ The Bikini Killer หรืออีกชื่อหนึ่งคือเจ้าอสรพิษ (จากความสามารถในการหลบหนีเงื้อมมือกฎหมาย) ได้ฆ่าคนเพิ่ม แต่ไปจนมุมที่อินเดีย เจ้าดีรู้ดีถึงช่องโหว่ของผู้ใช้อำนาจกฎหมายในประเทศนี้ แทนที่จะได้รับโทษประหารตามที่หลายคนคาด โทษของเขาคือจำคุก 12 ปี แต่ติดสินบนผู้คุมแลกกับความสุขสบายระหว่างถูกคุมขังและถูกยกย่องจากชาวคุกด้วยชื่อ Charles-sahib เจ้าตัวรู้ดีว่าหากพ้นโทษเมื่อใดก็จะต้องถูกส่งตัวมาที่เมืองไทยเพื่อรับโทษที่อาจจะถึงขั้นประหารชีวิต เขาจึงวางแผน…ฟังให้ดีนะคะ…สั่งเลี้ยงอาหารผู้คุมและเพื่อนนักโทษอย่างครื้นเครงแล้ววางยาทุกคนจนไม่ได้สติ จากนั้นก็แหกคุกออกไปสบายๆ แล้วทำให้ตัวเองถูกจับเข้าเรือนจำในอินเดียต่ออีก 10ปี จนหมดอายุคดีในประเทศต่างๆ ที่ถูกวางหมายจับไว้ The Bikini Killer เดินทางกลับฝรั่งเศสพร้อมกับเงินทองและเริ่มต้นใหม่อย่างอิสระในฐานะคนดัง
แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ในปี 2003 ฆาตกรต่อเนื่องชื่อดังเดินทางกลับไปที่คาสิโนในเนปาล Charles ถูกรวบตัวข้อฆาฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวด้วยการแทงและเผา ทางการได้นำหลักฐานจาก Herman Knippenberg นักการฑูตชาวดัชท์ที่เคยประจำในกรุงเทพฯ ผู้ที่วิ่งเต้นรวบรวมหลักฐานเพื่อเอาผิดหลังจากคู่รักชาวดัชท์ถูกฆ่าเผาทั้งเป็นที่พัทยาตั้งแต่ยุค 70s และมันสามารถนำมาใช้มัดตัวคนโฉดชั่วให้ได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตที่เนปาลได้
Herman Knippenberg เคยกล่าวด้วยความเจ็บใจและกังวลว่า "มันช่างเป็นเรื่องที่ง่ายดายสำหรับคนๆ นี้ เขาสามารถหลบหลีกจากความผิดของตัวเองจนทำให้เขาเชื่อมั่นว่าตัวเองจะรอดไปได้เรื่อยๆ ส่วนตัวผมคิดว่าเขาน่าจะฆ่าเหยื่อมามากกว่านี้ครับ เราเจอพาสปอร์ตและใบขับขี่เป็นตั้งในอพาร์ทเมนท์-ของเขาที่กรุงเทพฯ มันอาจจะเป็นของเหยื่อหลายคน"
แม้จะมีตราฆาตกรต่อเนื่องแปะที่หน้า แต่นี่คือชายที่ทำให้ผู้หญิงบางคนหลงไหล ตอนที่ถูกจับที่อินเดียก็มีข่าวว่าทนายนั้นหลงรักเขาเข้าเอง เมื่อมาถูกจองจำในเนปาล หญิงสาวที่อายุห่างกันถึง 44 ปี ก็เดินทางมาหาที่คุกเพื่อร่วมงานในฐานะล่าม แต่ก็ตกหลุมรักกันและแต่งงานกลายเป็นข่าวฮือฮา ภรรยายังสาวคนนี้ยังช่วยวิ่งเต้นร้องต่อหน่วยงานต่างๆ ให้ช่วยเหลือเพราะเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยอคติและทุจริตยัดข้อหาให้กับ Charles โดยขาดหลักฐานเพียงพอ
*หลังจากฆ่านักท่องเที่ยวชาวดัชท์ เขาหลบหนีมาที่เนปาลแล้วมีคนพบเห็นเหยื่อชาวอเมริกันและแคนาดาอยู่กับ Charles ที่ใช้ชื่อ Alain Gautier อันเป็นตัวตนพ่อค้าพลอยอันเดียวกับที่ใช้มาหลอกเหยื่อในเมืองไทย แต่เมื่อตำรวจเรียกตัวมาสอบถามก็อ้างว่าตัวเองชื่อ Henricus Bintanja ซึ่งเป็นชื่อของนักท่องเที่ยวชาวดัชท์ที่ลงมือฆ่าในประเทศไทยนั่นเอง เมื่อไม่มีหลักฐาน ตำรวจจึงปล่อยตัว แล้วเขาก็ใช้พาสปอร์ตของเหยื่อชาวแคนาดา(ภาพขวา) ที่เพิ่งถูกฆ่าในเนปาลเข้ามาที่ประเทศไทยอีกครั้ง
ฆาตกรต่อเนื่องสองคนแรกที่เรายกมานั้นมีอาการทางจิตชัดเจน การทรมานและฆ่าเหยื่อสร้างความพึงใจให้แบบถมไม่เต็ม จนกว่าจะถูกจับได้ พวกเขาก็จะฆ่าไปเรื่อยๆเพื่อสนองความต้องการจากจิตใจที่บิดเบี้ยว พวกเขายอมรับว่าการกระทำเยี่ยงนี้ไม่มีเศษเสี้ยวความเป็นมนุษย์เหลืออยู่และโทษประหารก็สมควรกับความผิดของพวกเขาแล้ว แต่สำหรับกรณีของ The Bikini Killer การฆ่าคือส่วนหนึ่งของชีวิตมิจฉาชีพที่เหยียบย่ำชีวิตผู้บริสุทธิ์เพื่อประโยชน์ตัวเอง เขาเคยประกาศว่าไม่เคยฆ่าคนดีและป้ายสีให้กับเหยื่อที่ต้องตายอย่างทรมานว่าเป็นพวกคนชั่ว และยกการกระทำของตนว่าเป็นการปัดกวาดขยะออกจากสังคมเท่านั้น การใช้เสน่ห์และโพรไฟล์จอมปลอมหลอกลวงให้คนอื่นเชื่อถือแล้วปล้นฆ่านั้นไม่ทำให้เจ้าตัวอับอายแต่อย่างใด แม้จะอยู่ในคุกก็ยังคุยโวกับสื่อว่ามีสาวๆ เข้ามาเยี่ยมเยียน การก่ออาชญากรรมก็มีผู้หญิงที่หลงเสน่ห์เขายื่นมือเข้าช่วย
แม้จะมีหลักฐานเรื่องการขโมยพาสปอร์ตคนตายมาใช้เดินทางไปก่อนกรรมทำเข็ญในกลายประเทศก็ยังพลิกลิ้นแถว่าตัวเองไม่ใช่ฆาตกรต่อเนื่อง ซ้ำร้ายยังใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายและการคอร์รัปชั่นเปิดช่องทางให้ตัวเองชูคอในสังคมด้วยฐานะที่อยู่ดีกินดี ถึงจะถูกจับได้ที่เนปาลจนติดคุกยาวจนเข้าวัยชราแต่ก็พยายามใช้อุบายต่างๆ เพื่อให้ตัวเองรอดพ้นความผิด อันที่จริงแล้ว นี่อาจจะเป็นฆาตกรที่น่ากลัวมากกว่าคนที่สะสมชิ้นส่วนศพซะด้วยซ้ำ
* สังเกตไหมคะว่า ฆาตกรต่อเนื่องที่เรายกมาให้ฟังนั้นมีสติปัญญาดี แม้แต่คนที่ไม่ได้รับการศึกษาสูงก็ยังมีวิธีถ่ายทอดความคิดได้อย่างเฉลียวฉลาด แต่มันเป็นการใช้สมองแบบผิดทางและน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
อ่านเนื้อหาแบบเต็มๆ จากสาวจีบัน candy กดเลย
Jebanista คุณก็เป็นได้
มีรีวิว หรือ How To อะไร เอามาแชร์กัน
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Jeban Community ได้ ง่ายนิดเดียว! เริ่มเขียนเลย
สอบถามข้อสงสัย คุย LINE@ กับ Jeban.com
แอนจ้าHis&Her CPN RY เพราะฉะนั้น โทษฐานการฆ่าแบบไร้ความปรานีเช่นนี้ ขอให้การประหารชีวิตยังคงอยู่..เลวกว่าสัตว์เดรัจฉาน เป็นภัยกับคนทั่วไป😣
19 ต.ค. 2561 เวลา 07.01 น.
ภัทรียา 🐝❤️❤️❤️ โทษประหารต้องมีตลอดกาล
19 ต.ค. 2561 เวลา 16.07 น.
เอ้ !! แล้วแต่ อย่าจำคุกให้เปลืองข้าวน้ำเลย_เอามันโยนทั้งเป็นให้จรเข้กินจะได้มีโยชร์กับสัตว์ร่วมโลกมั่ง
19 ต.ค. 2561 เวลา 16.54 น.
แม่อ้อยกะหลานออม น่ากลัวยังกะในหนัง
19 ต.ค. 2561 เวลา 16.01 น.
sri ในเมืองนรก หฤโหด มากกว่า ที่อมนุษย์ หนีนรกมาเกิดทำกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ฆ่ามากี่คน รับโทษแต่ละขุมนานแสนนาน เป็น 1,000, หมื่น,แสน,ล้านปี ทำทารุณกับเหยื่อยังไง ในนรกก็ได้รับโทษแบบนั้น แต่ไม่มัวันหยุด
อยู่นรก ชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ ไปเถอะ อ่านแล้วสยอง
ยมบาลมารอรับ วิญญาณ เมื่อตาย
19 ต.ค. 2561 เวลา 16.33 น.
ดูทั้งหมด