ภายหลังจากการลาออกกลุ่ม “4 กุมาร” ได้มีการเผยแพร่แถลงการณ์ ระบุว่า
พวกเราเริ่มต้นเข้ามาทำงานการเมืองในพรรคพลังประชารัฐ ด้วยความหวังและความมุ่งมั่นว่าจะนำพาประเทศชาติ ประชาชน และการเมือง เดินหน้าต่อไปได้ ก้าวพ้นความขัดแย้งและการเมืองในรูปแบบเก่า เพื่อให้เป็นการเมืองที่ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วม ตามแนวทางประชารัฐ คือ รัฐ เอกชน ประชาชน ร่วมกันพัฒนาประเทศชาติ ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาอย่างตรงจุด ตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง โดยทางพรรคพลังประชารัฐ ได้เสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คำต่อคำ "นายกฯ" ส่งสัญญาณ "ปรับครม." ดึงคนนอก นั่ง "หน.ทีมเศรษฐกิจ"
"4 กุมาร" แถลงลาออกจากพปชร. ลั่น "ภูมิใจได้ทำหน้าที่"
“4 กุมาร”เปิดเหตุผลลาออกพปชร.ดัน"บิ๊กตู่"นั่งนายกฯสำเร็จลุ่ล่วง
การทำงานการเมืองในพรรคพลังประชารัฐที่ผ่านมาเป็นไปด้วยดี พรรคพลังประชารัฐ เป็นที่ยอมรับของประชาชน จนสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ แสดงให้เห็นว่าประชาชนให้ความไว้วางใจ ยอมรับในนโยบายของพรรค อยากเห็นประเทศชาติเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน คือ การเมืองที่สงบ ปราศจากความขัดแย้ง อันจะนำไปสู่การพัฒนาได้อย่างยั่งยืน
พรรคพลังประชารัฐในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทำงานเพื่อตอบสนองประชาชนสมกับที่ประชาชนให้ความไว้วางใจ หลายนโยบายได้รับการขับเคลื่อนและเดินหน้าทันที ไม่ว่าจะเป็นการสานต่อนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, การช่วยเหลือค่าครองชีพ
ของประชาชน รวมถึงการบรรเทาผล กระทบด้านเศรษฐกิจจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19
ปัจจุบัน เราเห็นว่าภารกิจต่างๆ ที่ได้เริ่มต้นไว้นั้น สำเร็จลุล่วงด้วยดีตามความตั้งใจแรกเริ่ม และพรรคพลังประชารัฐ ได้ก้าวผ่านมาถึงการเปลี่ยนแปลงในวันนี้ จึงถือว่าภารกิจของเราสิ้นสุดแล้วในระดับหนึ่ง
ความเหมาะสมในการบริหารงานเป็นเรื่องของช่วงเวลาและสถาน การณ์ ซึ่งเราเองมีความภาคภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้นำพรรคผ่านสนามการเลือกตั้ง จนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ พรรคพลังประชารัฐ ได้มีโอกาสทำงานรับใช้ประชาชน ซึ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ทำให้เราตระหนักและระลึกอยู่เสมอว่า เราจะต้องทำงานช่วยเหลือประชาชน ให้สมกับความไว้วางใจที่ได้รับ
วันนี้เราจึงขอประกาศว่า เราลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ได้ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มกำลัง ซึ่งการลาออกครั้งนี้ ไม่ได้มีความขัดแย้งแต่อย่างใด
แม้กระนั้น เราก็ยังจะให้การสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐอย่างเต็มที่ เต็มกำลัง ในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง เพียงแต่ไม่ได้เป็นสมาชิก พรรคเท่านั้น
สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ คือ การทำหน้าที่ฝ่ายบริหารภายใต้การนำและการบังบัญชาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ไขปัญหาที่ประเทศและทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ คือ ผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากโรคระบาดโควิด-19 โดยตั้งเป้าหมายว่าจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เป็นที่พอใจของประชาชนมากที่สุด โดยจะทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนและทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน
ขอบคุณประชาชนที่ให้การสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ ขอบคุณผู้บริหารพรรค ส.ส. สมาชิกพรรค ที่ให้การสนับสนุนพวกเรามาโดยตลอด การได้ร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐถือเป็นประสบการณ์ที่ดี เป็นความ ทรงจำที่ลํ้าค่า
นอกจากแถลงการณ์ดังกล่าวแล้ว นายอุตตม ได้ยํ้าว่า พวกตนทั้ง 4 คน ได้ปฏิบัติภารกิจทางด้านบริหาร และส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานในพรรคในช่วงที่ผ่านมา และในวันนี้ได้ตัดสินใจยุติบทบาททางการเมืองของพวกเรา ในฐานะสมาชิกของพรรค พปชร.
“ที่มาที่ไปคือ 2 ปีที่ผ่านมา พวกเราได้เป็นแกนนำจัดตั้งพรรคร่วมกัน โดยมีความตั้งใจจะเข้ามาทำงานเพื่อประเทศชาติ และมีเจตนารมณ์สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้นำประเทศ และพาประเทศก้าวข้ามสถานการณ์ในช่วงนั้น หลายอย่างที่เกิดขึ้น พลังประชารัฐมีความก้าวหน้า สานต่อนโยบายการสร้างพรรค ให้ เป็นสถาบันทางการเมือง เรามีคนมาจากหลากหลายสาย จนถึงวันนี้ถือได้ว่าภารกิจของพวกผมทั้ง 4 คน ลุล่วงไปแล้ว”
นายอุตตมกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ พปชร.ก็มีผู้บริหารชุดใหม่ พรรคจะเดินหน้าต่อไปได้ จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่พวกตนจะหยุดภารกิจในพรรค แต่เราจะยังทำงานต่อไปในด้านบริหารตามภารกิจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากนายกฯ คือจะยังทำหน้าที่ในครม. ต่อไป แต่เราจะยังสนับสนุนกิจกรรมของพรรคในเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชนโดยรวม
ด้าน นายสนธิรัตน์ กล่าวเช่นกันว่า บทบาทหน้าที่ทางการเมืองย่อมมีความเปลี่ยนแปลง พวกตนไม่ มีความคิดที่จะยึดติดกับบทบาทใดบทบาทหนึ่ง
“เราคือคนทำงาน อะไรที่เป็นประโยชน์ เราทุ่มเทเต็มที่ ในหน้าที่ของเรา เราไม่มีความยึดติดทางการเมือง ว่าจะต้องเป็นตลอดไป หรือพยายามที่จะอยู่ในหน้าที่ให้ได้มากที่สุด เราจะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด ส่วนบทบาทนั้นจะดำเนินการไปอย่างไร สิ้นสุดเมื่อไร เป็นเรื่องที่พวกเราไม่ได้ยึดติด”
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,591 หน้า 10 วันที่ 12 - 15 กรกฎาคม 2563
มึงตั้งพรรคให้เค้า วันนี้เค้ายึดพรรคไล่มึงออก ละม้ายคล้ายคลึงคน ป.ที่ตั้งพรรคมัฌชิมายิ่งนัก ตั้งเสร็จถูกไล่ออก ดูคนไม่ดูภูมิหลัง ไม่ดูสันดานเดิม พายเรือให้โจรนั่ง สุดท้ายคนพายถูกถีบส่ง นึกถึงพิษคางคก อ้าวเฮี้ยงฮง แห่งมังกรหยกยิ่งนัก
11 ก.ค. 2563 เวลา 07.24 น.
ประสิทธิ์ ดาบนั้นคืนสนอง กรรมจะชำระความ
11 ก.ค. 2563 เวลา 07.09 น.
Book เป๊ะเอาจิงๆ 156 ต้องกลับไปฟังเพลง อีกนาน ของพงพัฒน์ ด่วนเลย
เจ็บนี้อีกนาน 555
11 ก.ค. 2563 เวลา 06.25 น.
.. พวกมรึงก็เป็นซะแบบนี้ยังหลงไหลในอำนาจทั้งๆที่ตอนนี้เขาเฉดหัวเหมือนหมาแล้วยังอาลันอาวรณ์ ไอ้ตวายเอ้ยจะสงสารก็เลยสมน้ำหน้าแมร่งไปเลย
11 ก.ค. 2563 เวลา 05.44 น.
ดูทั้งหมด