ทั่วไป

ดีเอสไอ ลุยตรวจสอบโฮมสเตย์ อดีต ส.ส.น่าน รุกป่า ชาวบ้านผวาอ้างถูกขู่ยิง

Khaosod
อัพเดต 14 ธ.ค. 2565 เวลา 16.28 น. • เผยแพร่ 14 ธ.ค. 2565 เวลา 16.28 น.

ดีเอสไอ ลุยตรวจสอบโฮมสเตย์ อดีต ส.ส.น่าน รุกป่า ชาวบ้านผวาอ้างถูกขู่ยิง หลังร้องเรียนเพราะเดือดร้อน ไม่สามารถสัญจรเข้าที่ดินทำกินได้

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2565 นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ ร้อยตำรวจเอก ปิยะ รักสกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ บูรณาการร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเขตพื้นที่ 5, สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดน่าน, ฝ่ายปกครองอำเภอบ่อเกลือ, สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่, สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 สำนักงานที่ดินจังหวัดน่าน, กอ.รมน.จว.น่าน, สภ.บ่อเกลือ และสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาแพร่ รุกตรวจสอบพื้นที่บ้านสว้าเหนือ หมู่ที่ 3 ต.ดงพญา อ.บ่อเกลือ จ.น่าน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

หลังชาวบ้านในพื้นที่ร้องเรียนให้ตรวจสอบที่วิวสว้า โฮมสเตย์ เนื่องจากมีอดีตนักการเมืองน่านเข้าครอบครองพื้นที่ มีการปรับเปลี่ยนเส้นทางลำน้ำว้า ถมที่ดินริมน้ำ ขยายพื้นที่ทับลำน้ำว้า จนทำลายแหล่งพันธุ์ปลา ทำลายวิถีชีวิตดั้งเดิม ทั้งยังกันพื้นที่ริมน้ำไว้เป็นของตนเอง และปิดทางเดินสาธารณะเข้าออกหมู่บ้าน ทำให้ชาวบ้านใน 2 ตำบล คือ ต.สว้าเหนือ และต.สว้าใต้ กว่า 160 หลังคาเรือน ได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถใช้ประโยชน์ในลำน้ำว้าได้อย่างปกติ และสัญจรเข้าออกที่ดินทำกินซึ่งอยู่เหนือถัดไปได้ยากลำบาก

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

จากการตรวจสอบพบว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่มีเอกสารสิทธิ์ และพบการแบ่งพื้นที่ให้เช่าสร้างทำที่พักไว้รองรับนักท่องเที่ยวจำนวนหลายหลัง มีการสร้างโรงเรือนที่พักส่วนตัว และที่พักคนงาน มีการใช้แรงงานต่างด้าว ทั้งยังขนหินจากแม่น้ำขึ้นมาสร้างเนินดินออกไปจากพื้นที่เดิม มีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางน้ำ เพื่อประโยชน์แก่ตนเองและก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้น้ำเพื่อการเกษตรกรรม เจ้าของกิจการดังกล่าวมีพฤติกรรมเป็นผู้มีอิทธิพล เจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ จ.น่าน

ขณะเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบ น.ส.พูนสุข โลหะโชติ อดีต ส.ส.น่าน 5 สมัย พรรคชาติไทย เข้ามาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของสถานที่ดังกล่าวและบริเวณโดยรอบ โดยยืนยันว่าได้ซื้อที่ดินทั้งหมดมาจากชาวบ้าน แต่ไม่ระบุว่ามีเอกสารสิทธิ์หรือไม่ อีกทั้งยังปฏิเสธว่ากระทำการรุกล้ำลำน้ำว้า โดยอ้างว่าที่สภาพลำน้ำเป็นลักษณะนี้เกิดจากน้ำป่าที่ไหลหลากและซัดก้อนหินมาทับถม ก่อนประกาศจะฟ้องกลับชาวบ้านที่มายื่นหนังสือร้องเรียน และใช้มือถือถ่ายภาพชาวบ้านทุกคนที่มาให้ข้อมูล จนชาวบ้านหลายรายเกรงกลัวอิทธิพล พากันเดินหลบออกไป

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ด้าน ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ชาวบ้านในพื้นที่และผู้ครอบครองพื้นที่เดิมได้เข้าให้ข้อมูล ประกอบพยานหลักฐานยืนยันแนวเขตว่ามีการล่วงล้ำลำน้ำ ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 และยังพบว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวไม่มีเอกสารสิทธิ์ จึงอาจจะเป็นพื้นที่ป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 อีกด้วย

ร.ต.อ.ปิยะ กล่าวต่อว่า หากผู้ใดบุกรุกอาจจะเป็นความผิดฐานบุกรุกป่า การก่อสร้างโรงเรือน และการประกอบกิจการโรงแรมไม่พบว่ามีการขออนุญาตตามกฎหมาย รวมถึงการนำแรงงานต่างด้าวเข้าทำงาน ซึ่งจะมีการตรวจสอบ และหากพบมีการกระทำผิด ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใด ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งหมดนี้คาดว่าไม่เกิน 3 เดือนจะดำเนินการแล้วเสร็จ และสามารถคืนสภาพลำน้ำว้าให้กลับสู่สภาพเดิม ชาวบ้านสามารถกลับมาใช้ประโยชน์ได้ตามปกติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการยื่นหนังสือร้องเรียน ชาวบ้านได้ร้องขอให้ช่วยเหลือ โดยแจ้งว่าถูกเจ้าของโฮมสเตย์ขู่จะยิง ซึ่ง พ.ต.อ.สมชาย กาวิเนตร ผกก.สภ.บ่อเกลือ ได้นำชาวบ้านทั้งหมดเข้าลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.บ่อเกลือ พร้อมกับส่งชุดสายตรวจ เข้าตรวจตราความปลอดภัยในหมู่บ้าน เพื่อความมั่นใจในความปลอดภัยให้แก่ชาวบ้าน

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 2
  • 🕉️🕉️POR🕉️🕉️
    จัดการไปครับ ว่่ไปตรมกฏหมาย
    14 ธ.ค. 2565 เวลา 17.38 น.
  • Su
    ครูไปไหนกันตลกแล้ว
    14 ธ.ค. 2565 เวลา 16.40 น.
ดูทั้งหมด