ยักษ์โซเชียลมีเดีย “Meta” โกยรายได้ Q3/2566 ที่ 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 23% ฟันกำไรทะลุ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ โตจากปีก่อนหน้า 143%
วันที่ 26 ตุลาคม 2566 รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2566 ของยักษ์โซเชียลมีเดีย “เมตา” (Meta) ระบุว่า รายได้รายไตรมาสอยู่ที่ 34,146 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 23% ต้นทุนการดำเนินงาน 20,398 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 7% และมีกำไร 13,748 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 143%
ทั้งนี้ รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากธุรกิจโฆษณา 33,643 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 24% และเป็นสถิติสูงสุดของบริษัท นับจากสถิติสูงสุดเดิมในไตรมาส 4/2564 ส่วนรายได้ของกลุ่มธุรกิจ Reality Labs หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโลกเสมือน 210 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขาดทุน 3,742 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ รายละเอียดของจำนวนผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มในเครือของ Meta และจำนวนพนักงานในบริษัท (ข้อมูล ณ เดือน ก.ย. 2566) เป็นดังนี้
- ผู้ที่ใช้งานรายวันของแพลตฟอร์มในเครือ (DAP) เฉลี่ยอยู่ที่ 3.14 พันล้านราย เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบเป็นรายปี
- ผู้ที่ใช้งานรายเดือนของแพลตฟอร์มในเครือ (MAP) เฉลี่ยอยู่ที่ 3.96 พันล้านราย เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบเป็นรายปี
- ผู้ใช้งาน Facebook รายวัน (DAU) เฉลี่ยอยู่ที่ 2.09 พันล้านราย เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบเป็นรายปี
- ผู้ใช้งานรายเดือนของ Facebook (MAU) เฉลี่ยอยู่ที่ 3.05 พันล้านราย เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบเป็นรายปี
- จำนวนพนักงาน ณ วันที่ 30 ก.ย. 2566 อยู่ที่ 66,185 ลดลง 24% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นผลจากปลดพนักงานจำนวนมากในช่วงก่อนหน้านี้
นายมาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Meta กล่าวว่า ไตรมาสนี้ถือเป็นไตรมาสที่ดีสำหรับคอมมิวนิตี้และธุรกิจของ Meta และภูมิใจที่ทีมงานทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนา AI รวมถึงมีการเปิดตัว Meta Quest 3 แว่น VR รุ่นล่าสุด, แว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban Meta และสตูดิโอ AI
นางสาวซูซาน ลี (Susan Li) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของ Meta กล่าวว่า บริษัทคาดการณ์รายได้รวมในไตรมาส 4/2566 จะอยู่ในช่วง 3.65-4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และค่าใช้จ่ายรวมทั้งปี 2566 น่าจะอยู่ในช่วง 8.7-8.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากช่วงก่อนหน้าที่ 8.8-9.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมกับต้นทุนการปรับโครงสร้าง เช่น ค่าชดเชย และต้นทุนบุคลากร ประมาณ 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
“ค่าใช้จ่ายในปี 2024 คาดว่าค่าใช้จ่ายรวมทั้งปี 2567 จะอยู่ในช่วง 9.4-9.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ค่าใช้จ่ายในปี 2567 น่าจะเพิ่มขึ้นจากเดิม คือต้นทุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้รองรับการให้บริการที่มากขึ้นในอนาคต
การอัดฉีดเงินเดือนมูลค่าสูงให้กับกลุ่มทาเลนต์แม้ว่าการจ้างงานจะลดลง, การลงทุนในกลุ่มธุรกิจ Reality Labs ที่ยังขาดทุนอย่างต่อเนื่อง และการพัฒนาเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อรองรับการพัฒนาโมเดล AI ของบริษัท”