ทั่วไป

ปิ๋ม ซีโฟร์ นัดเคลียร์คู่กรณี ขับรถบรรทุกน้ำมันชนลูก ไม่ยอมรับผิดชอบ

Khaosod
อัพเดต 17 พ.ย. 2566 เวลา 07.17 น. • เผยแพร่ 17 พ.ย. 2566 เวลา 05.51 น.
ปิ๋ม ซีโฟร์ นัดเคลียร์คู่กรณี ขับรถบรรทุกน้ำมันชนลูก ไม่ยอมรับผิดชอบ

ปิ๋ม ซีโฟร์ นัดเคลียร์คู่กรณี หลังลูกถูกรถบรรทุกน้ำมันเบรกไม่อยู่ ชนท้ายจักรยานยนต์บาดเจ็บ แต่ไม่รับผิดชอบ ด้าน คนขับยกมือไหว้ขอโทษ เผยสาเหตุไม่ไปเจอหน้า

เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 17 พ.ย.2566 ที่สภ.ลำลูกกา น.ส.ชาลิภา รินรดามณี หรือ ปิ๋ม ซีโฟร์ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน หลังจากลูกชายและเพื่อนถูกรถบรรทุกน้ำมันชนรถจักรยานยนต์ที่ลูกชายนั่งอยู่จนได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่มีการรับผิดชอบจากคู่กรณี

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ปิ๋ม ซีโฟร์ นัดเคลียร์คู่กรณี หลังลูกถูกรถบรรทุกน้ำมันเบรกไม่อยู่ ชนท้ายจักรยานยนต์บาดเจ็บ แต่ไม่รับผิดชอบ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ปิ๋ม ซีโฟร์ นัดเคลียร์คู่กรณี หลังลูกถูกรถบรรทุกน้ำมันเบรกไม่อยู่ ชนท้ายจักรยานยนต์บาดเจ็บ แต่ไม่รับผิดชอบ

ปิ๋ม ซีโฟร์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา ลูกชายตนกำลังกลับจากมหาวิทยาลัย จึงได้เรียกวินรถจักรยานยนต์เพื่อนั่งกลับ แต่ขณะที่ติดไฟแดงอยู่บริเวณแยกไฟแดงคลอง 5 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ได้มีรถบรรทุกน้ำมันเบรกไม่ทันแล้วขับชนรถจักรยานยนต์ จนลูกชายตนหัวฟาดพื้นได้รับบาดเจ็บ มีแผลตามตัว

ปิ๋ม ซีโฟร์ กล่าวต่อว่า ส่วนคนขับรถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บซี่โครงหัก 3 ซี่ จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้โทรมาบอกตน ตนจึงรีบขอเบอร์คนขับรถบรรทุกเพื่อโทรสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนั้นคนขับรถบรรทุกก็ได้พูดขอโทษด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแล้วบอกว่าเหยียบเบรกไม่ทันทำให้ชนรถจักรยานยนต์ ซึ่งหลังเกิดเหตุกู้ภัยได้นำตัวส่งโรงพยาบาลทันที

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

น.ส.ชาลิภา กล่าวอีกว่า ตนจึงได้พูดคุยกับประกันของฝั่งรถบรรทุก ทางประกันบอกว่าไม่ต้องห่วงให้ไปดูแลที่โรงพยาบาลเลย เดี๋ยวจะพาคนขับรถบรรทุกไปแจ้งความแล้วพาตามไปที่โรงพยาบาล แต่ตั้งแต่วันเกิดเหตุก็ไม่ได้ตามไปที่โรงพยาบาลและไม่ได้รับการติดต่อจากฝั่งคู่กรณีเลย ซึ่งคนขับรถบรรทุกไม่เคยติดต่อ ไม่เคยมาเยี่ยม ติดต่อไม่ค่อยได้ โทรไปไม่รับสาย

น.ส.ชาลิภา กล่าวว่า จนต้องเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์เเล้วโทรไปอีกหลายครั้ง และให้เพื่อน ๆ ลูกชายช่วยกันโทรจนเขารับสาย เขากลับพูดว่าน้ำมันที่บรรทุกมาเป็นล้าน ๆ จะให้ทิ้งน้ำมันไปได้ยังไง ด้วยความเป็นแม่เมื่อได้ยินแบบนี้แล้วก็รู้สึกตกใจและพูดแบบนี้ได้ยังไง ความเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน หมาแมวบาดเจ็บยังให้การช่วยเหลือ แต่นี่ชนเด็กผู้ชายสองคนไม่สนใจเลย

น.ส.ชาลิภา กล่าวต่อว่า หลังจากโทรติดในครั้งนี้ตนก็ยังพยายามโทรหาเขาอีก เขาก็ยังคงพูดคำเดิม บอกว่า น้ำมันเป็นล้าน ๆ ไม่มีเวลาไปดูหรอก ตนจึงเริ่มรู้สึกไม่ไหวกับการกระทำนี้ และไปสืบว่ารถน้ำมันนี้เป็นของบริษัทอะไร และตามหาที่คลังน้ำมันคลอง 4 สรุปว่าเขาไม่ได้เป็นพนักงานของคลังน้ำมัน แต่เป็นเจ้าของรถขนน้ำมันที่ไปรับน้ำมันจากที่นั่นไปส่งตามปั๊มต่าง ๆ

ปิ๋ม ซีโฟร์ กล่าวอีกว่า และได้ขอให้คลังโทรศัพท์ไปให้ เขาก็รับสายทันที จึงได้มีการพูดคุยกันอีกครั้ง เขาก็ยอมรับผิด แค่บอกว่าอยากได้อะไรก็ไปคุยกับตำรวจหรือประกันเอง และวันนี้จึงได้มีการนัดมาเจรจา แต่วันนั้นเขายังคงบอกว่า วันนี้น้ำมันขึ้น ยุ่งส่งน้ำมันไม่มีเวลาไปหรอกแล้วหัวเราะ ตนจึงรู้สึกโมโหมาก และรู้สึกไม่สบายใจ

ปิ๋ม ซีโฟร์ กล่าวด้วยว่า โดยเฉพาะน้องผู้ชายที่ซี่โครงหัก 3 ซี่ ด้วยความเป็นเด็กกลัวไม่มีค่ารักษาพยาบาล จึงได้ขอออกจากโรงพยาบาลทั้ง ๆ ที่ยังเจ็บอยู่ และอยู่โรงพยาบาลแค่ 2 วัน ส่วนลูกชายตนก็มีสอบด้วย วันนี้จึงได้พาไปสอบก่อนแล้วกลับไปแอดมิตที่โรงพยาบาลต่อ

ปิ๋ม ซีโฟร์ กล่าวว่า วันนี้ได้พาคู่กรณีคือ นายอิทธิชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สุวิชา ชั้นงาม รรท.ผกก.สภ.ลำลูกกา พร้อมด้วย พ.ต.ท.สุเมธ ธิราพืช รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ลำลูกกา และ ร.ต.อ.สมโภช สืบวงศกร รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.ลำลูกกา เพื่อลงบันทึกประจำวันในส่วนของตน แต่ในส่วนของเขาลงบันทึกประจำวันว่ามีรถจักรยานยนต์ที่ลูกตนนั่งมาไปจอดขวาง พร้อมขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว

ปิ๋ม ซีโฟร์ กล่าวอีกว่า หลังจากได้พูดคุยเจรจากันก็รู้สึกสบายใจขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความกระจ่างเรื่องข้อกฎหมายด้วย แล้วตัวคุณลุงเองที่เป็นคนขับรถบรรทุกก็ได้ยกมือขอโทษที่เป็นคนขับชนลูกชายของตน และวันที่ 20 พ.ย.นี้ จะมีการนัดเจรจาไกล่เกลี่ยกันอีกครั้ง พร้อมกับเคลียร์เรื่องประกัน และการรับผิดชอบค่าเสียหายต่าง ๆ ซึ่งคนขับรถชี้แจงว่า ตอนแรกเขากลัวจะโดนรุมและคิดว่าโดนข่มขู่เพราะเห็นโทรไปหลายสาย ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย

ดูข่าวต้นฉบับ