“อรอนงค์” เฉลยลูกชายคือคนมอบดอกไม้ปริศนา ลั่นไม่ปิดโอกาสตัวเองแต่ตอนนี้ยังไม่มีหนุ่มมาจีบ

“อรอนงค์” เผยเจ้าของดอกไม้ปริศนาเป็นลูกชายตนเองที่ส่งมาให้กำลังใจ ลั่นยังไม่มีใครมาจีบตอนนี้แต่ตนก็ไม่ปิดโอกาส โล่งที่ลูกๆเข้าใจปัญหาครอบครัวที่เกิดขึ้น บอกกับอดีตสามีคุยกันเฉพาะเรื่องลูก

หลังจากประกาศหย่าขาดสามีไปไม่ทันไร สาว “อรอนงค์ ปัญญาวงศ์” ก็ลงภาพคู่กับดอกไม้พร้อมแคปชั่น ตามหาเจ้าของที่ส่งมาให้ ให้มาแสดงตัว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเจอเจ้าของดอกไม้หรือยัง สาวอรก็เผยว่าเจอตัวแล้ว เป็นลูกชายตนเอง

“กลับมาสดใสเหมือนเดิมแล้วค่ะ ตอนนี้น้ำหนักเหลือ 65 พยายามอยากได้ 60 นะคะ แต่ก่อนหน้านี้เลย 75 ค่ะ ก็ลงไปเยอะเหมือนกัน ที่ผ่านมาคนให้กำลังใจเยอะ ทั้งอินสตาแกรม เฟซบุ๊กค่ะ เราแถลงข่าวก็จบไปแล้ว ตอนนี้หันกลับมาทำงานดูแลลูก แล้วก็รับผิดชอบกับงานที่เราได้รับมอบหมาย ก็อยากจะฝากพรีเซ็นเตอร์ของทุกๆแบรนด์ แล้วก็ละครอีกหลายเรื่องที่กำลังถ่ายทำอยู่ ทางช่อง 3 ช่อง 7 ช่องพีพีทีวี ก็หลายเรื่องค่ะ “

“ตอนนี้เราก็สบายใจขึ้น ไปไหนมาไหนก็มีคนให้กำลังใจเลยรู้สึกสดใสมากขึ้น ลูกๆก็เป็นกำลังใจ รวมถึงคนรอบคนอื่นๆ ด้วย เราไปทำทรีทเมนต์ ก็เจอลูกค้าคนอื่นๆ เขาก็ให้กำลังใจ ก็รู้สึกดีมากๆ“

เฉลยลูกชายทั้งสองคนเป็นคนให้ดอกไม้ปริศนา ลั่นไม่ได้คิดว่าจะมีคนมาจีบตนในตอนนี้

“ สรุปแล้วมาเฉลย เป็นลูกชาย 2 คน เขาแนะนัดกันเสร็จ ให้พี่ชาย ซื้อดอกไม้มาให้แม่ ตอนแรกหลานก็ไม่รู้ แต่สุดท้ายคือเขานัดแนะกัน ว่าเอาดอกสีแดง แต่เราเห็นว่าลูกโอเคกับเรื่องที่ผ่านมา เราก็โอเคค่ะ ไม่ได้คิดว่าจะมีคนมาจีบ มันคงไม่เร็วขนาดนี้ พอเราเห็นลูกโอเคกับเรื่องที่ผ่านมาเราก็โอเค”

“ที่รู้ว่าเป็นลูกเพราะเรากลับมาบ้านถึงลูกๆเขาก็หัวเราะกัน แล้วก็มาเฉลย โดยถามเราว่าดอกไม้สวยไหม เราก็เลยรู้ ว่าเขาซื้อให้โดยผ่านหลานอีกทีหนึ่ง ซึ่งหลานไปทำงานกับอรค่ะ เชื่อว่าคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวทุกคน ต่างคนก็ต่างหากำลังใจให้กับตัวเอง พี่อรโชคดีที่ผ่านเรื่องเลวร้ายมาด้วยลูกๆ “

โล่งที่ลูกๆเข้าใจตั้งแต่แรก เพราะคุยกับลูกถึงปัญหามาโดยตลอด

“ใช่ พอเริ่มมีปัญหาเราก็คุยกับลูกมาแล้วบ้างส่วน เพราะว่าการพูดกับลูก ก่อนที่เรื่องมันจะเริ่มบานปลาย มันทำให้ลูกเข้าใจเร็วขึ้น แล้วยุคสมัยนี้ ลูกก็สามารถรับข้อมูลอะไรได้มากขึ้น ก็เลยเข้าใจแม่ได้เร็วขึ้น ทุกวันนี้ก็โอเค บอกรักแม่ทุกวัน เวลานอนก็กอด หอมแก้มกันปกติ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เป็นแบบนี้ “

เล่าตอนที่มีปัญหาชีวิต แต่ใช้ธรรมะเข้าช่วย ไม่เคยคิดจะบวช

“ไปเข้าวัดเฉยๆ ไม่มีบวชชี ยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่เราก็เอาธรรมะเป็นที่พึ่ง พาลูกไปวัด ทำบุญบ่อยหน่อย ก็เป็นกิจกรรมที่ทำให้ลูกเข้าใจ และเห็นสัจธรรมชีวิตหลายๆอย่าง ก็สอนลูกให้เป็นศาสนิกชน ว่าตรงนี้ให้เราจับจุดตรงนี้ได้ด้วย ตามที่เราเรียนมาพุทธศาสนา คือการบวชเราบวชที่ใจ ไม่ใช่ที่ร่างกาย แต่ถ้าใจบวชแล้วยังไงก็คือบวช “

เผยสภาพจิตใจตอนนี้พยายามทำให้เต็มที่ ยังไม่มีหนุ่มๆเข้ามาดามใจแต่ก็ไม่ปิดกั้นตัวเอง ส่วนอดีตสามีคุยกันเฉพาะเรื่องลูก

“ก็พยายามทำให้เต็มที่ คนเราอยู่ด้วยกันมาเป็นสิบปี แต่ก็พยายามทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ยังไม่มีหนุ่มๆเข้ามา ตอนนี้ต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่ที่ใจดี มีงานมาให้อยู่เสมอ ในบทละครที่เราเล่นก็เหมือนสอนไปด้วย กลายๆ ให้เราเข้าใจมากขึ้น “

“เรื่องหนุ่มๆคงให้เวลาตัวเองก่อน ยังไม่ได้เจาะจงว่าพร้อมเปิดใจรับ คงให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์มากกว่า แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเองนะ กับอดีตสามีก็ยังคุยกัย แต่ส่วนใหญ่คุยกันเรื่องลูกอยู่ ไม่ใช่ว่าจะไม่คุยกันเลย อย่างถ้าเราทำงานต่างจังหวัด อาจจะต้องวานเขาไปรับไปส่ง แต่เราก็ขีดเส้นว่าเป็นแค่พ่อและแม่เท่านั้นเองค่ะ”